TikTok – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 22 Apr 2024 09:45:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 TikTok เตรียมสู้ทางกฎหมาย ย้ำถึงเรื่องเสรีภาพ หลังสภาสหรัฐฯ บีบให้ ByteDance ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี https://positioningmag.com/1470572 Mon, 22 Apr 2024 08:16:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470572 TikTok ออกมาเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงการเหยียบย่ำเสรีภาพ กระทบผู้ใช้งานชาวอเมริกัน 170 ล้านคน หลังจากที่สภาได้ไฟเขียวบีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ให้ขายกิจการภายใน 1 ปี หรือไม่ก็ถูกแบน ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าไม่ได้มีรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐถือหุ้นหรือถูกควบคุมแต่อย่างใด

TikTok ได้เตือนรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่สภาสหรัฐฯ ได้บีบให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอสั้นให้ขายกิจการภายใน 1 ปี ไม่งั้นแล้วจะถูกแบน โดยมองว่ากฎหมายดังกล่าวขัดกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน

โฆษกของ TikTok ได้ออกมาประณามร่างกฎหมายนี้ โดยกล่าวว่า ข้อกฎหมายดังกล่าวเหยียบย่ำเสรีภาพทางความคิดของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน ซึ่งบริษัทมองว่าเรื่องดังกล่าวนั้นสร้างผลกระทบต่อเสรีภาพของประชาชน ทำลาย 7 ล้านธุรกิจในสหรัฐอเมิกา และถือเป็นการปิดแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ TikTok ยังได้ยืนยันว่าบริษัทไม่เคยเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาให้กับรัฐบาลจีนแต่อย่างใด และข้อมูลของผู้ใช้งานนั้นก็ถูกเก็บไว้ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่บริษัทได้จับมือกับ Oracle ในการใช้บริการคลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลดังกล่าว

ไม่เพียงเท่านี้โฆษกของ TikTok เองยังได้กล่าวว่า ByteDance ไม่ได้มีเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ

สำหรับข้อกฎหมายดังกล่าวได้บีบให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมา หรือไม่ก็ถูกแบน ซึ่ง ส.ส. ของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเองต่างเห็นพ้องต้องกันในการออกข้อกฎหมายดังกล่าว โดยมองถึงเรื่องความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีกฎหมายดังกล่าวได้แก้ไขโดยยืดเวลาให้เป็น 1 ปี จากเดิมซึ่งใช้เวลา 6 เดือน

ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Shou Chew ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวว่าบริษัทจะต่อสู้ทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าว โดยมองว่าข้อกฎหมายดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา

ถ้าหากกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ก็อาจทำให้ ByteDance เหลือเวลาตัดสินใจเพียงแค่ 9 เดือนเท่านั้นว่าจะขาย TikTok ออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ดีถ้าหากคดีดังกล่าวขึ้นศาลแล้วนั้นผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าก็ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าคดีความจะสิ้นสุด

ที่มา – BBC, CBS News, Reuters, CNN

]]>
1470572
กำไร ‘ByteDance’ บริษัทแม่ ‘TikTok’ โต 60% แซงหน้า Tencent และ Alibaba Group หลังเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซเต็มตัว https://positioningmag.com/1469860 Wed, 10 Apr 2024 14:10:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469860 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะตกต่ำ แต่ ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นและอีคอมเมิร์ซอย่าง TikTok ก็สามารถทำกำไรเติบโตถึง 60% แซงหน้าการเติบโตของบริษัทคู่แข่งอย่าง Tencent Holdings Ltd. และ Alibaba Group

กำไรของ ByteDance ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ จากประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2565 ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมแตะ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ จาก 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2565

จากการเติบโตของรายได้และกำไร ทำให้มีการประเมินว่า ByteDance กลายเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งแรกที่ ByteDance ทำกำไรแซงหน้า Tencent คู่แข่งของบริษัททั้งในด้านรายได้และผลกำไร เนื่องจากบริษัทได้ใช้ประโยชน์จากความนิยมของแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok และ Douyin เพื่อขยายไปสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก

ทั้งนี้ ในตลาดจีน ByteDance ได้เปลี่ยน Douyin กำลังเปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่คล้ายกับ WeChat ของ Tencent โดยมีฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ และสั่งอาหารออนไลน์ ส่วนในตลาดต่างประเทศ บริษัทก็ประสบความสำเร็จกับการเปิด TikTok Shop ในตลาดต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ใหม่ ๆ นอกเหนือจากการตลาดดิจิทัล

ไม่ใช่แค่รายได้ใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา แต่บริษัทก็ได้ลดตำแหน่งงานหลายร้อยตำแหน่งจาส่วนของการพัฒนาเกมและซอฟต์แวร์ระดับองค์กร และทุ่มการลงทุนที่เทคโนโลยี generative AI แทน โดยสร้างแชทบอทของตัวเองและโมเดลภาษาขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม TikTok กำลังเผชิญกับวิกฤติในตลาดสหรัฐฯ ที่ถือเป็นตลาดที่สร้างกำไรให้มากที่สุด เนื่องจากในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อแบน TikTok เว้นแต่ ByteDance จะแพลตฟอร์ม TikTok ทิ้ง

Source

]]>
1469860
TikTok จับมือพันธมิตร ส่งแคมเปญ #สงกรานต์2567 ชวนผู้ใช้ทำคลิป ลุ้นรับของรางวัล https://positioningmag.com/1469010 Thu, 04 Apr 2024 02:25:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469010 ติ๊กต็อก (TikTok) จับมือกับพันธมิตรหลายภาคส่วน เปิดตัวแคมเปญ #สงกรานต์2567 โดยชูเรื่องเทศกาลสำคัญของไทยนั้นเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน นอกจากนี้ยังชักชวนให้ผู้ใช้งานทำคลิป และติดแฮชแท็ก เพื่อที่จะลุ้นรับของรางวัล

วชิราภรณ์ โอฬาร Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย ได้กล่าวว่า TikTok รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลที่มีชีวิตชีวานี้อีกครั้ง ตลอดปีที่ผ่านมา เราได้เห็นเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อผ่านคอนเทนต์มากมายที่ไม่เพียงแต่นำเสนอความสนุกสนานและรื่นเริงตามฤดูกาลเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของประเทศไทยอีกด้วย

Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย ยังได้กล่าวเสริมว่า ปีนี้เราได้ต่อยอดการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ไปสู่อีกขั้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และเชื่อมต่อกับผู้อื่น สามารถจะช่วยเผยแพร่บรรยากาศช่วงสงกรานต์ในวงกว้าง และกลายเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำสำหรับทุกคน

สำหรับเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ถือเป็นเทศกาลสำคัญทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดย UNESCO เมื่อเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา

วชิราภรณ์ โอฬาร – Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย / ภาพจากบริษัท

วชิราภรณ์ ยังได้กล่าวเสริมว่าแคมเปญสงกรานต์ของ TikTok ในปีนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ เนื่องจากได้จับมือกับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สยามพารากอน และแบรนด์ดังอีกหลายแบรนด์

นอกจากนี้ TikTok ยังเชิญชวนให้ผู้ใช้งานทำคลิป และติดแฮชแท็ก เพื่อที่จะรับของรางวัลจากพันธมิตรต่างๆ โดยแฮชแท็กอย่างเป็นทางการของ TikTok ในปีนี้ประกอบไปด้วย #สงกรานต์2567 #สไตล์สงกรานต์บ้านเรา #แฟชั่นสงกรานต์บ้านเรา #เที่ยวกันสงกรานต์บ้านเรา #อิ่มกันสงกรานต์บ้านเรา #งามกันสงกรานต์บ้านเรา #เรียนกันสงกรานต์บ้านเรา #ดูกันสงกรานต์บ้านเรา #สงกรานต์กีฬาบ้านเรา #เล่นเกมบ้านเรา #SMEสงกรานต์บ้านเรา #TikTokLiveSongkran รวมถึง #TTSSongkran2024

นอกจากเชิญชวนให้ทำคลิปในช่วงวันสงกรานต์แล้วนั้น TikTok เองยังมีการจัดประกวดนางสงกรานต์ในปีนี้ โดยมีเหล่าครีเอเตอร์ชื่อดังหลายคนได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว นอกจากนี้วชิราภรณ์ ได้กล่าวเสริมว่าจะมีการยกงานสงกรานต์จากแพลตฟอร์มออนไลน์มาไว้ที่สยามพารากอนเป็นครั้งแรก เปิดพื้นที่ให้ทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองและแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ อีกด้วย

ในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น TikTok มีแคมเปญติดแฮชแท็ก #TikTokสงกรานต์ทั่วไทย ซึ่งพบว่ามีจำนวนวิดีโอ 603,452 โพสต์ และยอดการรับชม 1,262,319,641 ครั้ง โดยสำหรับในปีนี้ Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย คาดว่าจะมีจำนวนวิดีโอรวมถึงยอดการรับชมสูงขึ้นกว่าเดิม

]]>
1469010
สภาสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมาภายใน 6 เดือน ถ้าไม่ทำตามมีโทษแบน https://positioningmag.com/1466177 Wed, 13 Mar 2024 17:37:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466177 สภาล่างของสหรัฐอเมริกา มีมติเอกฉันท์ในการออกข้อกฎหมายโดยให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ต้องแยกกิจการออกมาเพื่อขายต่อ โดยมีระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน ถ้าไม่ทำตามมีโทษแบน อย่างไรก็ดีในการออกข้อกฎหมายนั้นยังต้องผ่านวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนว่าข้อกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาหรือไม่

สภาล่างของสหรัฐอเมริกา มีมติ 352 ต่อ 65 ในการออกข้อกฎหมายโดยให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok นั้นต้องแยกกิจการออกมาเพื่อขายต่อ โดยมีระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน และถ้าหากไม่ทำตามภายในระยะเวลาที่กำหนดก็จะทำให้แอปพลิเคชันดังกล่าวถูกแบนในทันที

เสียงของ ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นทั้งพรรคเดโมแครต 155 เสียง และพรรครีพับลิกัน 197 เสียงต่างเห็นด้วยกับร่างดังกล่าว และคะแนนโหวตยังผ่านขั้นต่ำที่ 2 ใน 3 ของสมาชิกสภาทั้งหมดอีกด้วย แม้ว่าคำสั่งดังกล่าวจะถูกกลุ่มผู้ใช้งาน TikTok ล็อบบี้ หรือแม้แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแบนแอปพลิเคชันดังกล่าวก็ตาม

สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการออกคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ ByteDance ขายกิจการของ TikTok ออกมาเนื่องจากระบบของ TikTok นั้นมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประชาชนชาวสหรัฐฯ​ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเรื่องภัยความมั่นคง

และยังมีกรณีที่พนักงานของ ByteDance ในประเทศจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานในทวีปยุโรป หรือแม้แต่นักข่าวในสหรัฐอเมริกาอย่าง Forbes รวมถึงอังกฤษอย่าง Financial Times ทำให้มีความกังวลถึงสิทธิของผู้ใช้งาน

ขณะเดียวกันมาตรการดังกล่าวถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของสภาสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อประเด็นด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับจีน เนื่องจากตัวกฎหมายความมั่งคงของจีนนั้นกำหนดให้บริษัทเอกชนจะต้องทำตามนโยบายด้านความมั่งคงของจีน ซึ่งอาจมีการขอข้อมูลของผู้ใช้งานต่างๆ ทำให้เกิดความกังวลในประเด็นดังกล่าวเพิ่มขึ้น

คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการของ FBI ได้กล่าวกับคณะกรรมการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจีนอาจใช้ช่องโหว่ด้านซอฟต์แวร์ของ TikTok เพื่อเข้าถึงชาวอเมริกัน และชาวอเมริกันต้องถามตัวเองว่าพวกเขาต้องการให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของตนได้หรือไม่

ก่อนที่จะมีการไฟเขียวกับร่างดังกล่าว ในเดือนมีนาคมของปี 2023 ที่ผ่านมา Shou Zi Chew ซึ่งเป็น CEO ของ TikTok ได้ขึ้นให้การกับสภาคองเกรส และยังมีการออกคลิปวิดีโอแสดงถึงความสำคัญของ TikTok ว่าสร้างความบันเทิง และภาคธุรกิจในสหรัฐฯ ได้ใช้งานแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มากกว่า 150 ล้านคน

ถ้าหาก ByteDance ไม่มีการขายกิจการ TikTok และมีการแบนเกิดขึ้นจริง สหรัฐฯ ก็จะเป็นอีก 1 ประเทศที่มีการแบนแอปพลิเคชันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เนปาลได้ประกาศแบนแอปพลิเคชันดังกล่าว เนื่องจากเนื้อหาเป็นอันตรายต่อความสามัคคีในสังคมมาแล้ว

ในส่วนของ หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนมองว่าการแบน TikTok ถือเป็น “การกลั่นแกล้ง” และยังชี้ว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลย้อนกลับต่อสหรัฐอเมริกาเองหลังจากนี้

อย่างไรก็ดีในการออกข้อกฎหมายนั้นยังต้องผ่านวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนว่าข้อกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ และยังรวมถึงมีความเสี่ยงจากการยื่นฟ้องผ่านศาลว่าร่างดังกล่าวขัดกับข้อกฎหมายของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ด้วย

ที่มา – CNN, ABC News, CBS News

]]>
1466177
EU เริ่มไต่สวน TikTok ละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ จัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดมีสิทธิ์โดนปรับเม็ดเงินหลักหมื่นล้านบาท https://positioningmag.com/1463399 Tue, 20 Feb 2024 08:39:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463399 สหภาพยุโรป เริ่มไต่สวน TikTok ว่าละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ จัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติบริการดิจิทัล ที่มีการบังคับใช้เมื่อไม่นานนี้ ถ้าหากบริษัทผิดจริงอาจมีสิทธิ์โดนปรับเม็ดเงินมากถึงหลักหมื่นล้านบาท

สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มเปิดการไต่สวน TikTok เครือข่ายสังคมที่เน้นไปยังการแชร์วิดีโอสั้น มีการละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ หรือแม้แต่ความโปร่งใสในการจัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจริง อาจทำให้บริษัทโดนปรับเม็ดเงินมหาศาล

การที่ EU ได้สอบสวน TikTok เนื่องจากอาจมีการละเมิดกฎ พระราชบัญญัติบริการดิจิทัล (Digital Services Act) ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดความโปร่งใส การไม่ปกป้องผู้เยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มมีการออกแบบให้ผู้เยาว์ติดหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลานาน การจัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมาย ไปจนถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

สำหรับ Digital Services Act ของ EU มีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคหลังจากบริการจากบริษัทเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การรับรองด้านเสรีภาพ การปกป้องผู้เยาว์ การโฆษณาบนแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่เรื่องการบิดเบือนข้อมูล

ถ้าหากมีการฝ่าฝืน หรือแม้แต่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บทลงโทษจะรุนแรงมากขึ้น โดยค่าปรับนั้นจะคำนวณจากยอดขายของบริษัทถ้าหากเป็นบริษัทใหญ่ ซึ่ง EU ได้บังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

Thierry Breton กรรมาธิการตลาดภายในของสหภาพยุโรป ได้กล่าวว่า การปกป้องผู้เยาว์ถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของ Digital Services Act เพื่อปกป้องคนหนุ่มสาวชาวยุโรป และเขาชี้ว่า TikTok จะต้องทำตามข้อระเบียบอย่างเต็มที่ ซึ่ง EU กำลังสอบสวนในเรื่องดังกล่าว

หาก EU พบว่า TikTok มีการฝ่าฝืนจริงนั้นอาจมีค่าปรับได้มากถึง 6% ของรายได้รวมที่ทำได้ทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่หลักพันล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าหากคิดจากรายได้ล่าสุดครึ่งปีแรกของปี 2023 หรือคิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ ถึงหลักหมื่นล้านบาท

ทางฝั่งของ TikTok ได้กล่าวว่าจะมีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คนหนุ่มสาวบนแพลตฟอร์มของบริษัทปลอดภัย โดยบริษัทหวังว่าจะได้อธิบายสิ่งดังกล่าวนี้โดยละเอียดต่อคณะกรรมาธิการยุโรป

นอกจากนี้ตัวแทนของ TikTok ยังกล่าวว่าบริษัทเป็นผู้บุกเบิกฟีเจอร์และการตั้งค่าเพื่อปกป้องวัยรุ่นและป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีใช้งานแพลตฟอร์ม

ก่อนหน้านี้ TikTok ได้ถูกหน่วยงานกำกับดูแลในไอร์แลนด์ปรับเงินเป็นเม็ดเงิน 345 ล้านยูโรมาแล้ว จากประเด็นละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์มาแล้ว

ที่มา – The Guardian, Irish Times

]]>
1463399
อัปเดตเทรนด์ ‘TikTok’ 2024 ปีที่วิดีโอความยาว ‘1 นาที+’ มาแรง! พร้อมไขข้อสงสัย ‘วิดีโอแนวนอน’ จะถูกบูสต์จริงหรือ? https://positioningmag.com/1460969 Wed, 31 Jan 2024 00:34:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460969 หากพูดถึงแพลตฟอร์มที่ร้อนแรงไม่แผ่วคงหนีไม่พ้น ‘TikTok’ ที่ปังทั้งการเป็นแพลตฟอร์ม วิดีโอสั้น และการเป็น อีคอมเมิร์ซ โดยล่าสุด TikTok ได้จัดงานTikTok For All” ที่จะมาสรุปอินไซต์น่าสนใจของปี 2023 และเทรนด์ที่จะได้เห็นในปี 2024 โดย Positioning ได้มาสรุปไว้ให้แล้ว

วิดีโอยาว 1 นาที+ กำลังมา

ในปีที่ผ่านมาวิดีโอที่มีความยาว มากกว่า 1 นาที กำลังมาแรง โดย กว่าครึ่งของผู้ใช้ TikTok ดูคอนเทนต์ที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ครีเอเตอร์ที่โพสต์วิดีโอความยาวมากกว่า 1 นาที มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้น 5 เท่า

นอกจากนี้ จำนวนการรับชมวิดีโอที่ความยาวมากกว่า 1 นาที เพิ่มขึ้นมากกว่า 41% ซึ่งสูงกว่ายอดชมวิดีโอสั้นถึง 7 เท่า และระยะเวลาทั้งหมดในการรับชมวิดีโอความยาวมากกว่า 1 นาที เพิ่มขึ้นมากกว่า 31% ซึ่งสูงกว่าเวลารับชมวิดีโอสั้นถึง 27 เท่า

สาเหตุที่วิดีโอความยาว 1 นาที+ ได้รับความนิยมมากขึ้น พิสุทธิ์ โรจน์เลิศจรรยา หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ (Head of Operations) TikTok ประเทศไทย อธิบายว่า เป็นเพราะผู้ชมต้องการชมคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาที่ครบถ้วน ดังนั้น คุณภาพของคอนเทนต์ จึงเป็นจุดสำคัญ ไม่ว่าว่าทำวิดีโอยาว 1 นาที+ แต่วนไปวนมา ผู้ชมก็อาจดูไม่จบ

TikTok Tako แชตบอต
(Photo by cotton bro studio / Pexels)

ยืนยันยังไม่มีการบูสต์การมองเห็นวิดีโอแนวนอน

หลังจากมีข่าวลือว่า TikTok จะกระตุ้นให้ครีเอเตอร์สร้าง วิดีโอแนวนอน ที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที โดยจะช่วยบูสต์คอนเทนต์ให้ในช่วง 72 ชั่วโมง โดยทาง TikTok ของไทยออกมายืนยันว่า ยังไม่เห็นนโยบายดังกล่าว แต่ทางแพลตฟอร์มก็มีออกฟีเจอร์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับวิดีโอแนวนอนมากขึ้น โดยจากนี้สามารถรับชมวิดีโอแนวนอนแบบ เต็มจอ ได้ และจะอำนวยความสะดวกการ ตัดต่อ ให้ใช้ง่ายยิ่งขึ้น

อัปเดตเทรนด์คอนเทนต์ 2023 และแนวโน้ม 2024

  • Entertainment จำนวน 112,000 วิดีโอ ยอดรับชมรวม 4,400 ล้านครั้ง
  • Food & Travel จำนวน 3 ล้านวิดีโอ ยอดรับชมรวม 70,000 ล้านครั้ง
  • Beauty & Fashion จำนวน 2 ล้านวิดีโอ ยอดรับชมรวม 41,000 ล้านครั้ง
  • Sport จำนวน 115,000 วิดีโอ ยอดรับชมรวม 7,100 ล้านครั้ง
  • Gaming จำนวน 10 ล้านวิดีโอ ยอดรับชมรวม 122,000 ล้านครั้ง
  • Education จำนวน 63,000 วิดีโอ ยอดรับชมรวม 962 ล้านครั้ง

สำหรับปี 2024 แนวโน้มคอนเทนต์ที่ยอดนิยมจะเป็นแนว สร้างความบันเทิง สร้างแรงบัลดาลใจ และ ครีเอเตอร์หน้าใหม่ ส่วนประเภทคอนเทนต์อาจมีความเฉพาะตัวมากขึ้น อาทิ คอนเทนต์ประเภทท่องเที่ยวก็จะเป็น ท่องเที่ยวในประเทศ ที่มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น คอนเทนต์ประเภท ความงามและแฟชั่น จะเป็น แฟชั่นแบบไทย ๆ ในส่วนของ กีฬา ก็จะมีความหลากหลายมากขึ้น เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ ปีนี้ TikTok จะเพิ่มส่วน Entertainment Hub ที่จะรวมเนื้อหาความบันเทิงไว้ โดย TikTok จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่าง ครีเอเตอร์ และ Publisher ใหนำเสนอคอนเทนต์ร่วมกันบนแพลตฟอร์ม

อินไซต์ TikTok Shop ที่มีร้านกว่า 2.3 ล้านร้าน

ปัจจุบัน TikTok มีผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 325 ล้านคน มีร้านค้ารวม 15 ล้านร้านค้า สำหรับประเทศไทยทาง TikTok ไม่ได้เปิดเผยว่ามีผู้ใช้ทั้งหมดเท่าไหร่แต่มีร้านค้ากว่า 2.3 ล้านร้านค้า โดย 99% เป็นร้านคนไทย นอกจากนี้ จาการสำรวจของ TikTok พบว่า การดูคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้น โดยมากกว่า 70% ของผู้บริโภคพึ่งพาวิดีโอบน TikTok

สำหรับประเภทสินค้าและบริการที่จะมีบทบาทใน TikTok Shop ได้แก่

  • FMCG (สินค้าอุปโภคบริโภค)
  • F&B (บริการอาหารและเครื่องดื่ม)
  • Automotive (ยานยนต์)
  • Finance (การเงิน)
  • Retail (ค้าปลีก)

4 ช่วงเทศกาลที่ TikTok จะเน้นในปีนี้ ได้แก่

  • ตรุษจีน
  • วาเลนไทน์
  • สงกรานต์
  • Mega Sales ของ TikTok Shop

จากข้อมูลดังกล่าวเหล่าครีเอเตอร์และแบรนด์บน TikTok น่าจะพอเห็นทิศทางแล้วว่าควรจะเน้นไปที่คอนเทนต์ประเภทไหน ความยาวขนาดไหน และช่วงเทศกาลไหน เพื่อที่จะมันใจผู้ชมให้ได้มากที่สุด

]]>
1460969
“TikTok Shop” วางเป้าปี 2024 ต้องการโต 10 เท่าในตลาดสหรัฐฯ ท้าชิงกับ Amazon https://positioningmag.com/1457860 Sat, 06 Jan 2024 12:43:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1457860 “TikTok” วางเป้าหมายปี 2024 ผลักดัน “TikTok Shop” ให้เติบโต 10 เท่าในตลาดสหรัฐฯ ท้าชิงลูกค้าจาก Amazon

สำนักข่าว Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าววงในของ “TikTok” ว่าบริษัทตั้งเป้าภายในเตรียมผลักดัน “TikTok Shop” ให้ขยายตัวขึ้น 10 เท่า มูลค่าแตะ 1.75 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 6.07 แสนบาท)

เป้าหมายนี้จะทำให้ TikTok Shop เป็นผู้ท้าชิงตลาดรายใหม่แข่งกับเจ้าตลาดเดิมอย่าง Amazon รวมถึงคู่แข่งใหม่ๆ จากจีนที่ฮิตในหมู่ผู้บริโภคอเมริกัน คือ Shein และ Temu โดย TikTok มีจุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่งอื่นๆ อย่างชัดเจน คือ การมีโซเชียลมีเดียสุดฮิตของตนเองที่บริษัทสามารถใช้ประโยชน์และเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

Bloomberg ยังรายงานก่อนหน้านี้ด้วยว่า เมื่อปีที่แล้ว TikTok กำลังไล่ล่ายอดขายสินค้ารวม (GMV) ประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญ (6.93 แสนล้านบาท) จากทั่วโลก โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทำให้ TikTok ต้องการจะนำความสำเร็จนั้นมาสู่ตลาดสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน รวมถึง TikTok Shop จะมีการเปิดตัวในภูมิภาคละตินอเมริกาต่อในไม่กี่เดือนจากนี้

อย่างไรก็ตาม TikTok มีแถลงการณ์ออกมาปฏิเสธว่าตัวเลขยอดขายคาดการณ์ของ Bloomberg เกี่ยวกับ TikTok Shop ในสหรัฐฯ นั้นไม่ถูกต้อง

ก่อนจะไปถึงเป้าหมายปี 2024 ความเป็นไปได้ของ TikTok Shop ในสหรัฐฯ วัดได้จากเทศกาลขายสินค้า Black Friday และ Cyber Monday เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยรายงานของ Bloomberg พบว่า มีผู้บริโภคอเมริกันมากกว่า 5 ล้านคนที่ได้ซื้อสินค้าอย่างน้อยหนึ่งชิ้นผ่าน TikTok Shop ในช่วงเทศกาลดังกล่าว ถือเป็นสัดส่วนที่ยังไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้ TikTok กว่า 150 ล้านบัญชีในสหรัฐอเมริกา

ข่าวเป้าหมายการผลักดันธุรกิจ TikTok Shop มาพร้อมกับรายงานจากสำนักข่าว The Information ว่า TikTok จะเก็บค่าคอมมิชชันจากการขายสินค้าเพิ่มจาก 2% เป็น 8% ต่อรายการ รวมถึงจะเริ่มลดการอุดหนุนผู้ขายด้วย อย่างไรก็ตาม เทียบกับ Amazon แล้วยังถือว่าเก็บค่าคอมมิชชันน้อยกว่ามาก เพราะส่วนใหญ่แล้ว Amazon จะเก็บค่าคอมมิชชัน 15%

TikTok Shop เพิ่งเปิดตัวในตลาดสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน 2023 โดยอนุญาตให้ครีเอเตอร์แท็กสินค้าในวิดีโอคลิปและไลฟ์ของตัวเองได้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถกดซื้อสินค้าโดยตรง ฝั่งแบรนด์สามารถทำพอร์ตสินค้าของตัวเองไว้บนหน้าโปรไฟล์ รวมถึงมีแท็บให้ผู้ใช้เสิร์ชหาสินค้าต่างๆ ได้ง่าย และจัดการคำสั่งซื้อของตนเอง ทำให้ธุรกิจ TikTok Shop จะกลายเป็นคู่แข่งอีคอมเมิร์ซที่สำคัญในอนาคต

Source

]]>
1457860
ไม่ยอมง่าย ๆ ! ‘TikTok’ ทุ่ม 5.3 หมื่นล้านซื้อ ‘Tokopedia’ เพื่อบุกตลาดอีคอมเมิร์ซหลังจากถูก ‘อินโดนีเซีย’ แบน https://positioningmag.com/1455083 Mon, 11 Dec 2023 06:57:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455083 หลังจากที่ รัฐบาลอินโดนีเซีย ได้แบนไม่ให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ขายสินค้า เนื่องจากกังวลว่าจะกระทบกับผู้ค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายรายอย่าง Meta และ Alphabet รวมถึง ByteDance จากจีน เตรียมที่จะขอใบอนุญาตทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

แต่ดูเหมือน TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของ ByteDance ที่มีฟีเจอร์ TikTok Shop จะไม่อยากเสียเวลา ล่าสุด แพลตฟอร์มได้ทุ่มเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 5.3 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 75.01% ใน Tokopidia แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ GoTo บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของอินโดนีเซีย เพื่อผนวกฟีเจอร์ของ Tokopedia เข้าไปในแพลตฟอร์มของ TikTok ในอินโดนีเซีย 

Facebook YouTube และ TikTok เตรียมขอใบอนุญาตทำ E-Commerce หลังรัฐบาลอินโดนีเซียสั่งห้ามทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง

สำหรับดีลดังกล่าวคาดว่าจะจบลงภายในไตรมาส 1 ของปี 2024 โดย Tokopedia จะได้รับตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์จาก TikTok ซึ่งสามารถใช้เพื่อระดมทุนสําหรับความต้องการเงินทุนหมุนเวียนได้ โดย TikTok ย้ำว่า บริษัทจะร่วมกับ Tokopedia และ GoTo เพื่อพลิกโฉมธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินโดนีเซีย และจะสร้างงานเพิ่มอีกหลายล้านตำแหน่งภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า

แม้ตลาดอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียจะมีผู้เล่นรายใหญ่อยู่หลายเจ้าด้วยกัน เช่น Tokopedia, Shopee และ Lazada แต่ TikTok Shop ที่เปิดตัวในปี 2021 กลับได้รับความนิยมและชิงส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะถูกปิดไปเมื่อ 2 เดือนก่อนเนื่องจากกฎหมายใหม่ที่ไม่ให้แพลตฟอร์มโซเชียลฯ ทำธุรกรรมเกี่ยวกับการค้า เพื่อปกป้องร้านค้ารายย่อย

ขณะที่ TikTok เองก็พยายามหาการเติบโตใหม่ ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้รวม 124 ล้านคน ซึ่งตลาดอินโดนีเซียถือเป็นประเทศสำคัญด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 270 ล้านคน และมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียจะมีมูลประมาณ 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 จากปัจจุบันมีมูลค่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Google, Temasek Holdings และ Bain & Co.

Source

]]>
1455083
ByteDance ยกธงขาวธุรกิจเกม เตรียมปิด ‘Nuverse’ บริษัทพัฒนาเกมในเครือ พร้อมโละพนักงานเกือบ 1 พันคน https://positioningmag.com/1453655 Tue, 28 Nov 2023 06:45:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453655 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นชื่อดังได้เข้าซื้อสตูดิโอเกมมือถือ เพื่อวางแผนเข้าสู่วงการเกมอย่างจริงจัง แต่ล่าสุด บริษัทก็มีได้เตรียมโละพนักงานเกือบ 1 พันคน ที่อยู่ในแผนกเกม เพื่อปรับโครงสร้างใหม่

ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เตรียมปิด Nuverse บริษัทลูกที่ทำหน้าที่พัฒนาเกมทิ้ง รวมถึงจะ เลิกจ้างงาน 1 พันตำแหน่ง โดยจากนี้ ByteDance จะประกาศให้พนักงานเลิกพัฒนาเกมที่ยังสร้างไม่เสร็จ และอาจขายเกมที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย

หลายคนมองว่า สาเหตุที่ ByteDance ล่าถอยออกจากตลาดเกม เป็นเพราะในช่วง 2-3 ปีมานี้ รัฐบาลจีนได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดกับอุตสาหกรรม ทั้งจากฝั่งของผู้เล่นและผู้ผลิต แม้ว่าปัจจุบันมาตรการต่าง ๆ จะผ่อนคลายขึ้น แต่อุตสาหกรรมเกมก็ไม่ได้เติบโตพีคเหมือนช่วงโควิด ที่คนมีเวลาเล่นเกมมากขึ้น เนื่องจากอยู่แต่บ้าน

ขณะที่การจะประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเกมนั้นยาก เพราะต้องอาศัยบริษัทที่สร้างกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลักอย่างแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น TikTok และ Douyin

“เราตรวจสอบธุรกิจของเราเป็นประจำและทำการปรับเปลี่ยนเพื่อมุ่งเน้นไปที่การเติบโตเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว หลังจากการทบทวนล่าสุด เราได้ทำการตัดสินใจที่ยากลำบากในการปรับโครงสร้างธุรกิจเกมของเรา” ByteDance กล่าว

ที่ผ่านมา ByteDance ได้ลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับการสร้างเกม อย่างในปี 2021 บริษัทได้ทุ่มเงินถึง 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ Moonton สตูดิโอเกมมือถือรายใหญ่ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความทะเยอทะยานของบริษัทที่จะชนผู้นำตลาดเกมในจีนอย่าง Tencent และ NetEase แต่ปัจจุบัน บริษัทกำลังหาทางที่จะ ขาย Moonton ทิ้ง

Source

]]>
1453655
รายได้ของ ByteDance ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าคู่แข่งอย่าง Tencent ไปแล้ว https://positioningmag.com/1452743 Wed, 22 Nov 2023 03:49:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452743 ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้รายงานรายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2023 ให้กับนักลงทุนในวงจำกัด โดยล่าสุดบริษัทมีรายได้ถึง 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแซงหน้าคู่แข่งอย่าง Tencent ไปแล้ว และรายได้ดังกล่าวยังตามหลัง Meta อยู่ไม่มาก

The Information รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ByteDance บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2023 ซึ่งมีรายได้รวมถึง 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตมากถึง 40% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ของ ByteDance เติบโตก็คือรายได้จากโฆษณา รวมถึงรายได้จากธุรกิจ E-commerce โดยรายได้ในประเทศจีนยังคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 80% ของรายได้รวม ในส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นรายได้จากนอกประเทศจีน

โดยรายได้ของ ByteDance ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นใกล้เคียงกับ Meta ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมอย่าง Facebook และ Instagram ซึ่งมีรายได้รวมที่ 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว

ตัวเลขรายได้ในไตรมาส 2 ดังกล่าวของ ByteDance ยังแซงยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Tencent ไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถแซงรายได้ของ Alibaba ไปได้

อย่างไรก็ดีบริษัทได้รายงานถึงรายได้ในประเทศจีนให้กับนักลงทุนมาแล้วในปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งรายได้ในประเทศจีนของบริษัทนั้นเติบโตช้าลง ทำให้บริษัทเริ่มรุกธุรกิจนอกประเทศจีนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผนการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย

อย่างไรก็ดีความท้าทายของ ByteDance คือการเข้ามาควบคุมแพลตฟอร์มจากรัฐบาลหลายๆ ประเทศที่เข้มงวดมากขึ้น หรือแม้แต่การแบน TikTok ที่ล่าสุดประเทศอย่างเนปาล ได้ประกาศแบนแพลตฟอร์มดังกล่าว ตามหลังอินเดีย โดยให้เหตุผลถึงเนื้อหาเป็นอันตรายต่อความสามัคคีในสังคม 

]]>
1452743