หลังฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ออกกฎหมายบีบให้ปิดกิจการหรือขาย “TikTok” มีการประเมินว่าแอปฯ อื่นอาจจะโดนร่างแหจากกฎหมายนี้ไปด้วยก็ได้ เช่น “CapCut” แอปฯ ตัดต่อชื่อดัง หรือ “Lemon8” แอปฯ โซเชียลมีเดีย ที่อยู่ภายใต้บริษัท ByteDance เช่นกัน รวมไปถึงแอปฯ อีคอมเมิร์ซจีนบริษัทอื่นที่กำลังเติบโตในสหรัฐฯ เช่น Alibaba, Temu
Axios ชี้รายละเอียดร่างกฎหมายแบน TikTok ที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ที่ให้ผ่านออกมานั้น ข้อความในกฎหมายกว้างและครอบคลุมมากทีเดียว เพราะมีการระบุว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถแบนแอปพลิเคชันใดก็ได้ที่มีการควบคุมโดยหน่วยงานที่เป็นภัยจากต่างประเทศ” รวมถึงแอปฯ ที่ “ดำเนินการไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านบริษัทแม่หรือบริษัทลูกของหน่วยงานที่เป็นภัยจากต่างประเทศ”
นั่นทำให้ถ้ากฎหมายนี้ถูกบังคับใช้จริง ก็เป็นไปได้ว่าแอปฯ ที่ได้รับผลกระทบจะไม่ใช่แค่ TikTok แต่หมายถึงแอปฯ ที่อยู่ภายใต้บริษัท ByteDance ทั้งหมด
แอปฯ อื่นที่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ เช่นกันคือ “CapCut” แอปฯ ตัดต่อวิดีโอสั้นเบื้องหลังคลิปมากมายที่นำไปโพสต์ลงใน TikTok รวมถึงแอปฯ วิดีโอสั้นอื่นๆ ด้วย หากมีการแบน CapCut ก็จะกระทบครีเอเตอร์มากมายที่ใช้แอปฯ นี้เป็นหลักในการตัดต่อ
รวมถึงแอปฯ “Lemon8” แอปฯ โซเชียลคู่แข่ง Pinterest ที่นิยมมากขึ้นในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบคอนเทนต์แนวไลฟ์สไตล์และสุขภาพ ก็อาจจะโดนแบนไปด้วย
ภายใต้บริษัท ByteDance ยังมีแอปฯ อื่นที่ทำธุรกิจในสหรัฐฯ อีก เช่น “Lark” แอปฯ ที่รวมฟีเจอร์สำหรับทำงาน ทำเอกสาร แชทในออฟฟิศ หรือ “Hypic” แอปฯ สำหรับตัดต่อรูป เป็นต้น
- ยอมหัก! ‘ByteDance’ ลั่น ยอมปิด ‘TikTok’ ในสหรัฐฯ แต่จะไม่ขายเด็ดขาด
- ‘TikTok’ เริ่มทดลองขยายความยาวคลิปเป็น ’60 นาที’ คาดเตรียมแย่งชิงตลาดกับ ‘YouTube’
สำนักข่าว Mashable ยังประเมินด้วยว่า ไม่ใช่แค่ ByteDance ที่จะถูกแบน แต่กฎหมายนี้อาจจะใช้ครอบคลุมบริษัทจีนอื่นด้วยก็ได้ เช่น กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba หรือ Temu
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า ByteDance จะไม่ยอมง่ายๆ และน่าจะเตรียมสู้ในทางกฎหมาย แต่ถ้าสุดท้ายแล้วแพ้คดี บริษัทอาจจะเลือกที่จะปิดกิจการไปเลยมากกว่าขายหุ้นให้กับบริษัทอื่น