VGI – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 09 Jul 2020 07:24:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่ได้อยู่แค่ในไลน์! VGI ดึง “สวัสดีวันจันทร์” ขึ้นป้าย LED สถานีรถไฟฟ้า BTS https://positioningmag.com/1287043 Thu, 09 Jul 2020 06:57:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1287043 VGI ต้อนรับคนไทยกลับมาทำงานด้วยการสวัสดีแบบที่คุ้นเคย นั่นคือ สวัสดีวันต่างๆ ที่ปกติจะคุ้นเคยเมื่ออยู่ในแอปพลิเคชัน LINE นำมาขึ้นจอ LED สถานีรถไฟฟ้า BTS นำร่อง 4 สถานีแรก ได้แก่ สถานีหมอชิต, อโศก, พระโขนง และอ่อนนุช

สวัสดีวันจันทร์นอกไลน์!

หลายคนคงคุ้นเคยกับการสวัสดีวันต่างๆ ในสไตล์ไทยๆ ที่ญาติผู้ใหญ่มักจะส่งให้เป็นประจำทุกเช้าในแอปพลิเคชัน LINE แต่ตอนนี้ VGI ได้นำคำสวัสดีวันต่างๆ ขึ้นจอ LED ขนาดใหญ่ บนสถานีรถไฟฟ้า BTS เพื่อต้อนรับการกลับมาทำงานของคนไทย หลังจากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายระดับหนึ่ง

แคมเปญสื่อ Welcome Package สร้าง Station Entrance Experience เป็นการนำเอาคอนเทนต์สวัสดีแบบไทย 7 วัน 7 สไตล์ ผ่านจอ LED Screen บริเวณทางเข้าสถานีซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทักทายของไทยที่ผสานความเชื่อเรื่องสีมงคลประจำวัน รวมถึงดึงเอาจุดเด่นของไทย อย่าง พืชผัก ผลไม้ ดอกไม้ อาหาร และธรรมชาติที่มีจุดเด่นของสี

โดยค่านิยมที่เป็นเอกลักษณ์นี้ถูกนำมาใช้เป็นลูกเล่นในการต้อนรับผู้โดยสารในแต่ละวันไม่ซ้ำกัน เช่น วันอาทิตย์สีแดงใช้ภาพพริกเป็นตัวแทนสีแล้วขึ้นข้อความว่า “Welcome Sunday สวัสดีวันอาทิตย์”

สำหรับแคมเปญนี้ มีทั้งสิ้น 20 สถานีกลางกรุง โดยนำร่องด้วย 4 สถานีแรก ได้แก่ สถานีหมอชิต, อโศก, พระโขนง และอ่อนนุช

]]>
1287043
คุยกัน 15 นาที! เจาะดีล RS ผนึก BTS มีต่อ “ภาคสอง” ถือหุ้นเพิ่มอีก ปั้น S-Curve ใหม่ สานวิชั่นรายได้ “หมื่นล้าน” https://positioningmag.com/1244722 Sun, 01 Sep 2019 23:07:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1244722 เปิดเบื้องหลังดีลพันธมิตรล่าสุดของ RS ดึงกลุ่ม BTS เข้ามาถือหุ้น 7% มูลค่า 1,000 ล้านบาท นับเป็นจุดเริ่มต้นการ Synergy ของ 2 องค์กร สร้างธุรกิจใหม่แบบไร้กรอบด้วยอาวุธครบมือให้ RS เจาะตลาดกว้างและลึก จากดาต้า เบส ทั้ง 2 ฝ่ายที่มีฐานลูกค้ารออยู่กว่า 35 ล้านคน หลังจากนี้ยังมีภาคสองตามมา

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ (เฮียฮ้อ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เล่าที่มาการจับมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม BTS ให้ Positioning ฟังว่า พันธมิตรรายล่าสุดที่ RS เลือก จะมาต่อ “จิ๊กซอว์” การขยายธุรกิจแนวราบ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ และนำไปสู่การขยายฐานรายได้ตามเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท ในปี 2565

จากปีนี้อาร์เอสวางเป้าหมายรายได้ไว้ 5,000 ล้านบาท การจะนำองค์กรไปสู่ 10,000 ล้านบาท หรืออีก “เท่าตัว” มีทางเดียวต้องโตแบบก้าวกระโดด และบีทีเอส เป็นสปริงบอร์ดสำคัญในภารกิจนี้

ในธุรกิจทีวีดิจิทัลที่เข้าสู่ปีที่ 6 ส่วนธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) เข้าสู่ปีที่ 5 การเติบโตบนฐานธุรกิจเดิมโตได้เฉลี่ยปีละ 10 – 15% แต่หากต้องการมากกว่านั้น อาร์เอสต้องหา S-Curve ใหม่ให้ธุรกิจ คือการหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อทำให้ธุรกิจเดิมเติบโตได้มากขึ้น พร้อมเปิดโอกาสสร้าง “ธุรกิจใหม่” และกลุ่ม BTS คือ “คำตอบ” ที่จะมา plug in กับวิชั่นของอาร์เอสให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ – กวิน กาญจนพาสน์

เจาะเบื้องหลังที่มากลุ่ม BTS

ดีลพันธมิตรที่มา “ลงตัว” กับกลุ่ม BTS เฮียฮ้อ เล่าว่าเป็นคนเดินเข้าไปคุยกับ กวิน กาญจนพาสน์” กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ด้วยตัวเอง เพราะรู้จักกันในแวดวงธุรกิจอยู่แล้ว สิ่งที่อาร์เอสต้องการคือฐานลูกค้าที่อยู่ในมือบีทีเอส

เฮียฮ้อ บอกว่าเข้าไปคุยแผนธุรกิจทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที ครั้งแรกไม่ได้คุยเรื่องการถือหุ้น แต่เป็นการเล่าวิชั่นของอาร์เอส ที่ต้องการร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม BTS ในมุมต่อยอดช่องทางขายธุรกิจเดิมและพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ร่วมกัน โดยใช้ Asset ที่แต่ละคนมี เพื่อจับมือกันทำธุรกิจแบบ win win ทั้งคู่

คุณกวินรู้ว่าเฮียกำลังจะทำอะไร มองภาพสุดท้ายของธุรกิจออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในความร่วมมือครั้งนี้

เมื่อเห็นภาพชัด คุณกวินก็บอกตรงๆ ว่าการ Synergy ตามบิสสิเนสโมเดลที่วางไว้ แม้จะ win win ทั้งคู่ แต่อาร์เอสได้ประโยชน์มากกว่า และ Policy ของกลุ่ม BTS คือต้องการลงทุนในธุรกิจที่เห็นโอกาสเติบโตด้วยการ Synergy ระยะยาว การพูดคุยครั้งต่อมาจึงเป็นการสรุปเรื่องการเข้ามาถือหุ้นของกลุ่ม BTS ในอาร์เอส ซึ่งก็ใช้เวลา 15 นาทีเท่านั้น ทุกอย่างลงตัว

ภาคแรกสรุปกันที่ให้กลุ่ม BTS ถือหุ้น 7.16% โดยเป็นการปล่อยหุ้นในส่วนที่เฮียฮ้อถืออยู่ออกมา 5.62% จากเดิมถือไว้ 36.26% เหลือ 30.64% และหุ้นของ “โสรัตน์ วณิชวรากิจ” อีก 1.54% จากเดิม 11.19% เหลือ 9.65%

นี่แค่ “ภาคแรก” ของจัดสรรหุ้นให้เท่านั้น เพราะทำได้แค่นี้ แม้กลุ่ม BTS อยากได้มากกว่านี้ แต่ยังมี “ภาคสอง” ตามมาอีกแน่นอน เพราะถือเป็นสัญญาที่พูดคุยกันไว้แล้ว ถึงสัดส่วนหุ้นที่ต้องปล่อยมาให้กลุ่ม BTS ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้จบกันที่ 7% เฮียฮ้อย้ำชัดว่า “ผมกับคุณกวินยังมีภาคสอง”

กวาดฐานลูกค้า 35 ล้านคน

จบเรื่องหุ้นแล้วมาต่อกันที่แผนธุรกิจ ที่อาร์เอสมองโอกาสร่วมกับกลุ่ม BTS จะเกิดใน 2 มิติ คือ การ Synergy และต่อยอด ธุรกิจ MPC เดิมของอาร์เอส นั่นคือ กลุ่ม BTS จะทำหน้าที่เป็นอีกช่องทางขาย นอกจากช่องทางเดิมที่อาร์เอส มีอยู่แล้ว และอีกมิติ คือการสร้างธุรกิจใหม่ร่วมกัน

ปัจจุบันในฝั่งอาร์เอส มีฐานผู้ชมช่อง 8 กว่า 10 ล้านคนต่อวัน ผู้ฟังวิทยุคลื่น Cool 2 – 3 ล้านคนต่อวัน ขายตรง Life star Biz ช่องทางออนไลน์ Shop 1781

ฝั่งบีทีเอส มีแพลตฟอร์มการเดินทางรถไฟฟ้า ที่มีผู้โดยสาร 1 ล้านเที่ยวคนต่อวัน จากเส้นทาง 48.9 กม. ในปัจจุบัน จะเพิ่มเป็น 133.4 กม. ในปี 2564 ส่วน VGI ในเครือบีทีเอส มี 3 แพลตฟอร์มหลักคือ ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out of Home Media) ทั้ง วีจีไอ, มาสเตอร์ แอด และแพลนบี ธุรกิจบริการชำระเงินผ่าน Rabbit Group มีผู้ใช้กว่า 18 ล้านคน และธุรกิจโลจิสติกส์ Kerry Express เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงกว่า 1.2 ล้านคนต่อวัน

เมื่อรวม “ดาต้าเบส” ของทั้ง อาร์เอส และบีทีเอส เข้าด้วยกันจะมีฐานลูกค้ากว่า 35 ล้านคน นั่นคือโอกาสมหาศาล

พัฒนาธุรกิจใหม่ “ไร้กรอบ”

ปัจจุบันดาต้าเบสที่เป็นฐานลูกค้าของอาร์เอส อายุ 35 ปีขึ้นไป แต่ฐานลูกค้าของกลุ่ม BTS จะเป็นกลุ่ม 35 ปีลงมา ทำให้อาร์เอสจะได้ฐานลูกค้าใหม่ขนาดใหญ่จากดาต้าเบสของกลุ่ม BTS ซึ่งไม่ทับซ้อนกับกลุ่มเดิมของอาร์เอส จึงมีโอกาสทั้งต่อยอดธุรกิจ MPC กลุ่ม Health & Beauty เดิมและพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นระยะสั้น จะเห็นการร่วมมือใช้ช่องทางต่างๆ ของกลุ่ม BTS จากเดิมที่ลูกค้ากลุ่ม MPC มาจากช่องทาง อาร์เอส ทั้งทีวีดิจิทัล ช่อง 8 ทีวีดาวเทียม วิทยุคลื่น Cool ก็จะใช้ช่องทางของกลุ่ม BTS เริ่มจากการใช้สื่อของ VGI การทำงานร่วมกับ Kerry ที่จะมีมิติที่กว้างและลึกขึ้น หรือถึงขั้นเป็นพันธมิตร Official

ตัวอย่าง ป้ายโฆษณาในกลุ่ม VGI ที่ไม่ได้ใช้งาน สามารถเปลี่ยนมาเป็นพื้นที่ขายสินค้าให้กับธุรกิจ MPC ของอาร์เอสได้ทั้งหมด นั่นคือ หลักการเดียวกับการนำเวลาโฆษณาที่เหลืออยู่ของช่อง 8 มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่าเป็นโฆษณาแถม

“ลองคิดง่ายๆ ว่าถ้าเดินไปไหน และก็เจอโฆษณา Shop 1781 จากป้ายของวีจีไอ และสามารถโทรสั่งซื้อได้ทันที นั่นคือ อาร์เอส สามารถขายสินค้ากับใครก็ได้ ไม่ใช่แค่คนที่อยู่หน้าจอช่อง 8 แค่นี้ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่แล้ว”

ปัจจุบันธุรกิจ MPC ของอาร์เอส ใช้บริการ Kerry จัดส่ง 60% ที่เหลือเป็นรายอื่นๆ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ Kerry ทั้งหมด เพื่อทำให้ประหยัดต้นทุน จากการส่งสินค้าปริมาณมาก เป็นเรื่องที่ win win ทุกฝ่าย

อีกทั้งความร่วมมือ ระบบชำระเงินผ่าน Rabbit ที่จะเข้ามาเป็นตัวเลือก จากปัจจุบันลูกค้า 95% จ่ายเงินสดเก็บเงินปลายทาง เพื่อทำให้กระบวนการซื้อ ขาย จ่ายเงินอยู่ใน Ecosystem เดียวกันทั้งหมด ผ่านช่องทางของอาร์เอสและกลุ่ม BTS

การเป็นพันธมิตรกับบีทีเอส ทำให้อาร์เอสมี “อาวุธครบมือ” ทั้งช่องทาง สื่อ และลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่แตกต่างจากอาร์เอส เป็นลูกค้าที่อยู่กับบีทีเอสมานาน มีดาต้าเบสชัดว่ามีพฤติกรรมอย่างไร การพัฒนาสินค้าจึงตอบโจทย์กลุ่มนี้จึงง่ายขึ้น ที่สำคัญทำให้อาร์เอสหาโอกาสจากการพัฒนาสินค้าใหม่ได้แบบ “ไร้กรอบ” คิดได้กว้างและลึกขึ้น จากฐานลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

เปิดตัวสินค้าใหม่ไตรมาสแรกปี 63

สำหรับความร่วมมือในมิติของการพัฒนาสินค้าใหม่และทำงานร่วมกับพันธมิตรกลุ่มบีทีเอส จะเห็นในไตรมาสแรก ปี 2563 โดยจะเป็นธุรกิจใหม่ สินค้าใหม่ และ Category ที่ต่างจากกลุ่มเดิมที่อาร์เอสมีอยู่ และจะเปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ทีมงาน” อาร์เอสกำลังอยู่ระหว่างวิเคราะห์ฐานลูกค้าบีทีเอสและบัตรแรบบิท เพื่อพัฒนาสินค้าใหม่มาตอบโจทย์กลุ่มนี้ คร่าวๆ ก็คือ กลุ่มคนเมือง เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เดินทางด้วยบีทีเอส

สินค้าที่เหมาะกับกลุ่มนี้ต้องใช้เวลาตัดสินใจซื้อไม่นาน ไซส์และราคาที่เหมาะสมสำหรับการซื้อแบบด่วน ต่างจากสินค้าปัจจุบันของอาร์เอส ที่เน้นไซส์ใหญ่ ซื้อต่อครั้งราว 2,000 บาท

ธุรกิจใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาสแรกปีหน้า มีคนทำอยู่แล้วในตลาด แต่คนอื่นใช้เวลาทำ 5 ปี เมื่ออาร์เอสและบีทีเอสร่วมกันทำจะใช้เวลาเร็วขึ้น ในปีที่ 2 เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะมีทั้งฐานข้อมูลของกลุ่มบีทีเอส ศักยภาพสื่อ OOH หรือกระทั่งการใช้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จัดกิจกรรมแจกสินค้าตัวอย่าง เป็นสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ แต่อาร์เอสทำได้ในฐานะพันธมิตร ธุรกิจใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น “เป็นการทำธุรกิจที่เปลี่ยนใครก็ได้ให้เป็นลูกค้า”

“วันนี้บีทีเอสมีปลา (ฐานผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าและแรบบิท) และเปิดโอกาสให้ อาร์เอส ในฐานพันธมิตรเข้าไปจับปลา ที่คนอื่นๆ ไม่สามารถเข้ามาจับได้ แค่นี้ก็มีโอกาสอีกมหาศาล เป็นหลักการการตลาดง่ายๆ ในการทำธุรกิจ”

การร่วมมือกันครั้งนี้ “อาร์เอส” มีสิ่งที่กลุ่มบีทีเอสไม่มี และ “บีทีเอส” มีสิ่งที่อาร์เอสอยากได้ จึงเป็นพันธมิตรที่ลงตัว และร่วมกันสร้างธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น แต่สิ่งสำคัญ คือการต่อยอดธุรกิจใหม่ที่จะได้เห็นในไตรมาสแรก ปี 2563 “เฮียฮ้อ” ย้ำว่าเมื่อถึงวันนั้นทุกคนจะถึง “บางอ้อ” กับความเป็นพันธมิตรที่ลงตัวของอาร์เอสและบีทีเอส

“การหาพันธมิตรที่ใช่และเติบโตไปด้วยกันเป็นกลยุทธ์สำคัญและจำเป็นต้องทำในโลกธุรกิจปัจจุบัน”

ข่าวเกี่ยวเนื่อง

]]>
1244722
สื่อนอกบ้านสุดคึกคัก ดันรายได้ VGI โต 24.5% ฟาดกำไรกว่า 300 ล้าน https://positioningmag.com/1241848 Fri, 09 Aug 2019 04:09:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1241848 สื่อนอกบ้านเป็นเทรนด์มาแรงที่นับวันกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านกันมากขึ้น และการขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้า

ปัจจัยเหล่านี้เข้ามาผลักดันผลการดำเนินงาน VGI ไตรมาส 1 ประจำปี 2562/63 ยังแรงต่อเนื่อง โดยทำรายได้รวมถึง 1,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% กำไรสุทธิ เติบโต 16.3% เป็น 304 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงาน บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิที่ 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ธุรกิจสื่อโฆษณาหวังรายได้จากการ Synergy กับ PlanB

เมื่อแยกย่อยไปแต่ละธุรกิจเริ่มด้วยธุรกิจสื่อโฆษณา VGI เน้น Synergy ภายใต้ Ecosystem โดยการร่วมมือกับ PlanB รวมแพ็กเกจการขายสื่อโฆษณาดิจิทัลของทั้ง 2 บริษัท บนพื้นที่สื่อที่ครอบคลุมกรุงเทพมหานครมากกว่า 80% ภายใต้แคมเปญ Bangkok Takeover

แต่ละเดือนทั้งเมืองจะถูกย้อมด้วยโฆษณาเพียงแบรนด์เดียวในช่วงเวลา prime time หรือช่วงเวลาที่มีผู้คนเดินทางมากที่สุดเป็นระยะเวลาชั่วโมง สามารถดึงดูดสายของผู้ใช้รถใช้ถนนที่สัญจรไปมาทั่วเมืองได้มากกว่า 9 ล้านคน ครอบคลุมทุกวิธีการเดินทางของผู้บริโภค

นอกจากนี้ VGI ยังได้เริ่มเปิดตัวสื่อโฆษณาดิจิทัลรูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘VGI Immerse’ จำนวน 40 หน้าจอ ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่นของขนาดหน้าจอที่กว้างถึง 45 เมตร ดึงดูดความสนใจอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้แก่ สถานีช่องนนทรี อโศก พร้อมพงษ์ และศาลาแดง VGI Immerse

ขณะเดียวกัน VGI ได้เริ่มนำเสนอโซลูชั่นส์การตลาดออนไลน์เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีงบประมาณการจับจ่ายใช้สอยกว่า 580 พันล้านบาท โดยร่วมกับ iClick Interactive Asia Group Limited จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท วีคลิ๊ก เทคโนโลยี จำกัด (“V-Click”)

นำจุดแข็งของสื่อดิจิทัลและเครือข่ายธุรกิจที่กว้างขวางของทั้งสองบริษัท ผลักดันแบรนด์ในภูมิภาคให้เข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านการทำการตลาดแบบดิจิทัลของ iClick ที่มีฐานลูกค้ามากกว่า 780 ล้านผู้ใช้งาน

สำหรับไตรมาสนี้ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านมีรายได้อยู่ที่ 946 ล้านบาท ลดลง 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุมาจากโครงการปรับปรุงสื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชนและสื่อสตรีทเฟอร์นิเจอร์ของ MACO อย่างไรก็ตาม คาดว่าธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านจะได้รับประโยชน์จาก synergy กับ PlanB ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562

รวมทั้งการเปิดให้บริการของสื่อดิจิทัลบริเวณตอม่อสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสของ MACO ที่ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์และเริ่มเปิดการขายไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต

รูป Facebook : VGI Global Media

ธุรกิจบริการชำระเงินเติบโตจากหลายทิศ

ถัดมาธุรกิจบริการชำระเงินสร้างรายได้พุ่งสูงถึง 445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องมาจากการควบรวมงบการเงินของกลุ่มทรานส์.แอด โดย MACO ทั้งนี้ยังได้รับประโยชน์จากการเติบโตของกลุ่มแรบบิทซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การบริหารโครงการและรายได้จาก Lead Generation

ปัจจุบันบัตรแรบบิทมีจำนวนผู้ใช้งาน 11.5 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 3.9% จากเดือนมีนาคม 2562 และภายหลังจากร่วมมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพทำให้ปัจจุบันแรบบิทไลน์เพย์มีผู้ใช้บริการมากกว่า 6.0 ล้านคน เพิ่มขึ้น 9.5% ในไตรมาส 1 ปี 2562/63

Kerry ดันรายได้ธุรกิจโลจิสติกส์

สุดท้ายธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มบริการจัดส่งของ Kerry บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยเปิดให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 3 สถานี ได้แก่ สถานีพร้อมพงษ์ ทองหล่อ และศาลาแดง ซึ่งเราคาดว่าจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมที่สถานีสยามภายในไตรมาส 2 ปี 2562/63 นี้

เนลสัน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมาเราได้เปลี่ยนจากการเป็นผู้ให้บริการด้านสื่อโฆษณานอกบ้านเพียงอย่างเดียวไปสู่ผู้ให้บริการด้านออฟไลน์สู่ออนไลน์ (O2O Solutions) ที่ครบวงจร

และเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยงแปลงในจุดยืนของธุรกิจที่มีหลากหลายแพลตฟอร์มรวมอยู่ในแบรนด์เดียว บริษัทฯ จึงได้ทำการเปลี่ยนโลโก้และชื่ออย่างเป็นทางการจาก บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา

]]>
1241848
นิยมแบรนด์ไทย! VGI ชูเครื่องมือตลาดออนไลน์ เจาะอินไซต์กำลังซื้อนักท่องเที่ยวจีน 11 ล้านคน https://positioningmag.com/1238905 Fri, 12 Jul 2019 08:50:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1238905 ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเป็นอันดับหนึ่ง ปี 2561 ชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยกว่า 10.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.7% สร้างรายได้กว่า 5.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อ ปีนี้จำนวนแตะ 11 ล้านคนแน่นอน “นักท่องเที่ยวจีนจึงเป็นอีกกำลังซื้อ!!

ต้องบอกว่า สินค้าแบรนด์ไทยเป็นที่นิยมของชาวจีนอย่างมาก เรียกว่ามีลิสต์รายการ “สินค้าต้องห้ามพลาด!!” เมื่อมาเยือนไทย กระทั่งห้างค้าปลีกต้องจัดมุมจำหน่ายสินค้าของฝากจากไทยให้โดยเฉพาะ ปัจจุบัน “แบรนด์ไทย” จึงมีความต้องการสร้างการรับรู้ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น

“วีจีไอ” ชูอาวุธพันธมิตร iClick เจาะดาต้ามือถือจีน 780 ล้านคน

จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) จึงเปิดตัว V-Click Technology บริษัทร่วมทุนกับ iClick Interactive Asia Group Ltd. (iClick) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์และเทคโนโลยีฐานข้อมูลอันดับหนึ่งของประเทศจีน เพื่อเป็นเครื่องมือการสื่อสารให้แบรนด์ไทย เจาะกำลังซื้อมหาศาลนี้

เนลสัน เหลียง

เนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ VGI กล่าวว่า วันนี้ VGI ไม่ได้โฟกัสอยู่แค่ตลาดออฟไลน์อย่างเดียว แต่ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดออนไลน์เต็มตัว โดยมี VGI Digital Lab ทำงานด้าน Digital Marketing ในเมืองไทย และมี V-Click ทำการตลาดในจีนและนักท่องเที่ยวจีนในไทย

ยาน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ V-Click กล่าวว่า เครื่องมือสื่อสารการตลาดดิจิทัล เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน มีผลิตภัณฑ์และแอปพลิเคชันต่างๆ เชื่อมต่อฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยีของ iClick และ VGI ทั้งการตลาดโซเชียลและกลยุทธ์ทางมือถือจากฐานข้อมูลของ iClick กว่า 780 ล้านผู้ใช้งาน ที่จะทำให้ได้ดาต้าของผู้บริโภคหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะข้อมูลของนักท่องเที่ยวชาวจีน

“ความร่วมมือของ VGI และ iClick เพื่อเป็นเครื่องมือให้แบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งบริษัทการตลาดและอินฟลูเอนเซอร์ ในการเจาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจของแบรนด์ไทยและอาเซียน”

เจาะอินไซต์นักท่องเที่ยวจีน

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเดินทางมาไทยปีนี้ราว 11 ล้านคน จากฐานข้อมูลของ iClick วิเคราะห์ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก

  1. เศรษฐีใหม่ ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลัก เช่น Xian (ซีอาน), Changha (ฉางชา), Wuxi (อู๋ซี), Taiyuan (ไท่หยวน) และ Wuhan (อู่ฮั่น) เป็นต้น กลุ่มเศรษฐีใหม่เหล่านี้มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 30,000 – 45,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  2. ผู้หญิงวัยทำงาน ชอบการท่องเที่ยวแบบ Customized และซื้อของแบรนด์เนมที่ไม่มีในเมืองจีน
  3. คนรุ่นใหม่ที่ชอบการท่องเที่ยว และค้นหาสิ่งใหม่ๆ

ทั้ง 3 กลุ่มนักเดินทางชาวจีนกว่า 90% จะวางแผนการเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญมาที่นักการตลาดต้องนำข้อมูลเหล่านี้ มาใช้วางแผนสื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนได้อย่างตรงจุด

Tencent-RED เครื่องมือตลาดดิจิทัล

เครื่องมือที่ใช้ทำการตลาดออนไลน์ได้ดีในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน คือ โซเชียล มีเดีย ซึ่งจีน มีสื่อออนไลน์ใช้งานเป็นของตัวเอง

Tencent เป็นยักษ์ใหญ่ธุรกิจไอทีจีน มีเครื่องมือดิจิทัล เข้าถึงชาวจีนจำนวนมาก โปรดักต์ที่คนไทยรู้จักดี แอป WeChat ปัจจุบันมี 1,100 ล้านแอคเคาท์, เว็บไซต์ Sanook และแอปฟังเพลง JOOX

RED Application เป็นคอมมูนิตี้ แบ่งปันไลฟ์สไตล์ในประเทศจีน ซึ่งมีผู้ใช้ 250 ล้านคน

โดย RED มีหลักการทำงานคือ ขับเคลื่อนด้วยความสนใจ สร้างเครือข่ายผ่านเนื้อหาและอิทธิพล จาก word-of-mouth ซึ่งมีผู้ใช้งานทั้งบุคคลทั่วไป และดารา เซเลบ KOL ที่แบ่งปันไลฟ์สไตล์ของตัวเองใน RED ถือเป็นโซเชียลแพลตฟอร์มใหม่ที่เติบโตเร็ว

จากการสำรวจของ RED เกี่ยวกับการค้นหาในไทย

  • คำค้นหาที่นิยมเกี่ยวกับประเทศไทย คือ “Must-buy in Thailand” และ “Travelling in Thailand”
  • 3 จังหวัดที่ได้รับความนิยม คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่
  • อาหารยอดนิยม คือ อาหารทะเล ต้มยำกุ้ง และแกงต่างๆ
  • การพักผ่อนที่นิยมมากที่สุด คือ ร้านอาหาร สปา และชายหาด

การทำตลาดจีนหากไม่รู้จักว่านักท่องเที่ยวจีน เป็นคนแบบไหน มีพฤติกรรมท่องเที่ยวที่ไหน จับจ่ายอย่างไร ก็เป็นเรื่องยากที่จะเข้าคนกลุ่มนี้

ข่าวเกี่ยวเนื่อง

]]>
1238905
วิกฤติทำเลร้านสะดวกซื้อ “ลอว์สัน” ร่วมทุน “วีจีไอ” ขึ้นบีทีเอสกันคู่แข่ง ชี้ตลาดไทยเปิดได้กว่า 3 หมื่นสาขา https://positioningmag.com/1236824 Fri, 28 Jun 2019 14:25:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1236824 ยุทธศาสตร์สำคัญของธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่โลเคชั่นใครยึดทำเลหลักได้ก่อนย่อมได้เปรียบ ในตลาดร้านสะดวกซื้อ (convenience store) ยักษ์ใหญ่เซเว่น อีเลฟเว่นเข้าตลาดไทยมากว่า 30 ปี มีกว่า 10,000 สาขา กวาดทำเลหลัก ทำเลรอง ทุกตรอกซอย แถมในทำเลเดียวกัน ยังเปิดประชันกันรายอื่นเข้าพื้นที่ ธุรกิจคอนวีเนี่ยนสโตร์ วันนี้ เรียกว่าเป็นวิกฤติโลเคชั่นสำหรับรายใหม่

ลอว์สัน (Lawson) ร้านสะดวกซื้อเบอร์ 3 จากญี่ปุ่นที่มีสาขากว่า 15,000 แห่ง แต่เพิ่งเข้าสู่ตลาดไทย ปี 2556 โดยเป็นพันธมิตรร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์

โคอิชิ ฮิโรเซะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด ผู้บริหารร้าน “ลอว์สัน 108” ในประเทศไทย กล่าวว่า ธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ในไทย ที่มีรายใหญ่ “เซเว่น อีเลฟเว่น” เข้าตลาดไทยมากว่า 30 ปี ยึดทำเลเปิดสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดไว้หมดแล้ว ส่วนกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต เทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ก็มีโมเดลเปิดสาขาไซส์เล็กเจาะชุมชน ที่แข่งขันโดยตรงกับร้านสะดวกซื้อ

วันนี้ต้องถือว่าตลาดคอนวีเนียนสโตร์เข้าสู่วิกฤติการแข่งขัน ทั้งทำเลที่มีรายใหญ่ยึดพื้นที่เปิดสาขาทั่วประเทศ และวิกฤติต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ โดยเฉพาะในเมืองที่ขยับขึ้นทุกปี

ร่วมทุน “วีจีไอ” ขึ้นบีทีเอสรายเดียว

กลยุทธ์การขยายสาขาจึงมองเรื่องการสร้างพันธมิตรที่ช่วยสร้าง “จุดแข็ง” ให้ลอว์สัน ในเดือนมิถุนายนนี้ ได้ร่วมทุนจัดตั้ง บริษัท SLV Retail จำกัด ทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท สหลอว์สันถือหุ้น 60%, บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) 30% และบริษัท สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) 10% โดย SLV จะดูแลการขยายสาขาลอว์สัน บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียวปัจจุบัน และรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ของกลุ่มบีทีเอส

ปัจจุบันเปิดสาขาลอว์สันบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปแล้ว 5 สาขา คือ ทองหล่อ สะพานควาย เพลินจิต อนุสาวรีย์ชัยฯ และแบริ่ง โดยเป็นรูปแบบคีออสก์ ขนาด 10 ตร.ม. สาขาใหญ่สุดคือ ทองหล่อ 32 ตร.ม. ในสิ้นปีนี้จะเปิดสาขาบนบีทีเอสรวม 15 สาขา ภายใน 2-3 ปี วางเป้าหมายเปิด 30 สาขา

“การร่วมเป็นพันธมิตรกับ วีจีไอ เกิดขึ้นหลังจากปีก่อน เครือสหพัฒน์เป็นพาร์ตเนอร์ด้านบิ๊กดาต้ากับวีจีไอ จึงมีความร่วมมือต่อเนื่องกับลอว์สันในปีนี้”

โคอิชิ ฮิโรเซะ

การเปิดสาขาบนบีทีเอสที่เป็นทำเล exclusive เฉพาะลอว์สันเท่านั้น ทำให้ได้เปรียบเรื่องโลเคชั่น ในพื้นที่ระบบขนส่งมวลชน ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายเติบโตได้ สินค้าที่นำมาจำหน่าย เป็นอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ ที่เหมาะกับการซื้อแบบเร่งรีบระหว่างเดินทาง โดยยังมีสินค้าที่เป็นจุดขายของลอว์สัน คือ โอเด้งและของทอด  

ปัจจุบันร้านลอว์สันทั้งบนรถไฟฟ้าบีทีเอสและสาขาทั่วไป สามารถจ่ายค่าสินค้าและบริการผ่าน Rabbit Line Pay เพื่อก้าวสู่ Cashless Society รวมทั้งได้รับสิทธิพิเศษผ่าน Rabbit Rewards และโปรโมชั่นจากพันธมิตรอื่นๆ

ไทยเปิดร้านสะดวกซื้อได้กว่า 3 หมื่นสาขา

ฮิโรเซะ บอกว่าแม้ปัจจุบันประเทศไทยจะมีร้านสะดวกซื้อกว่า 20,000 สาขา แต่ยังมีโอกาสเปิดเพิ่มได้อีก เพราะหากเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันมีประชากร 120 ล้านคน มีร้านสะดวกซื้อกว่า 50,000 สาขา โดยเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นอันดับ 1 จำนวน 20,000 สาขา 2. แฟมิลี่มาร์ท 17,000 สาขา 3. ลอว์สัน 15,000 สาขา โดยเฉลี่ยร้านสะดวกซื้อ 1 สาขา รองรับประชากร 2,000 คน

ดังนั้นหากเปรียบเทียบกับประเทศไทย ปัจจุบันมีประชากรราว 67 ล้านคน มีร้านสะดวกซื้อ 20,000 สาขา นั่นเท่ากับว่าประเทศไทยยังมีโอกาสเปิดสาขาร้านสะดวกซื้อรวมได้กว่า 33,000 สาขา หากประชากรเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสที่จะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“ลอว์สัน ยังมองโอกาสขยายร้านคอนวีเนียนสโตร์ในประเทศไทย ด้วยการชูจุดขายเรื่องโลเคชั่นใหม่ๆ ร่วมกับพาร์ตเนอร์และจุดแข็งสินค้าที่แตกต่าง มีขายเฉพาะลอว์สัน ทั้งอาหารสดและสินค้าทั่วไป”

นอกจากความร่วมมือกับ วีจีไอ เปิดสาขาบนบีทีเอสแล้ว ที่ผ่านมาได้ร่วมกับ MRT ขยายสาขาลอว์สัน ในเมโทร มอลล์ ปัจจุบันมี 7 สาขา โดยเป็นการลงทุนเช่าพื้นที่ของลอว์สันเอง

รูปแบบการขยายสาขาลอว์สันปัจจุบันมีทั้งการลงทุนเอง โดยจะเน้นพื้นที่ใจกลางเมืองเป็นหลัก เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค การขยายสาขาแฟรนไชส์ รูปแบบ B2B ปัจจุบันให้แฟรนไชส์ ปั๊มน้ำมันซัสโก้ 20 สาขา กำลังพิจารณาให้แฟรนไซส์กับบุคคลทั่วไป B2C และการตั้งบริษัทร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ วีจีไอ ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ และไม่มีรูปแบบนี้ประเทศญี่ปุ่น

ปัจจุบันลอว์สันมีสาขาทุกประเภทรวมกัน 123 สาขา ครึ่งปีหลังเปิดอีก 15 สาขา.

]]>
1236824
จับมือสร้างแบรนด์! “ชาร์ป” เปิดโชว์เคสติดตั้งเครื่องฟอกอากาศควบโฆษณาในรถไฟฟ้า BTS https://positioningmag.com/1235568 Thu, 20 Jun 2019 12:00:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1235568 ปัจจุบันระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าบีทีเอสมีผู้ใช้บริการวันละเกือบ 1 ล้านเที่ยวคนต่อวัน มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4 – 5% ด้วยจำนวนดังกล่าว ทำให้รถไฟฟ้ากลายเป็น “สื่อ” ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคจำนวนมากในการสื่อสารแบรนด์

ภายใต้ความร่วมมือล่าสุดของ 3 ธุรกิจ “ชาร์ป-บีทีเอส-วีจีไอ” ด้วยการติดตั้งเทคโนโลยี Plasmacluster ระบบฟอกอากาศและกำจัดกลิ่นในรถไฟฟ้าบีทีเอส 2 ขบวนภายในเดือนมิถุนายนนี้

ความร่วมมือในครั้งนี้ สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS บอกว่า “ชาร์ป” ได้เสนอติดตั้งเทคโนโลยี พลาสม่าคลัสบนรถไฟฟ้าบีทีเอส ทดลอง 2 ขบวนแรกก่อนและยังไม่มีแผนขยายการติดตั้งเพิ่มหลังจากนี้ ปัจจุบันบีทีเอสให้บริการรถไฟฟ้า 52 ขบวน ปีนี้จะเพิ่มเข้ามาอีก 46 ขบวน รวมเป็น 98 ขบวน เพื่อให้บริการส่วนต่อขยายที่จะให้บริการในปีนี้

ในมุมของบีทีเอส การติดตั้งเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้โดยสารได้รับอากาศบริสุทธิ์ ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพในระหว่างการเดินทางก็จะทำให้มั่นใจในการใช้บริการมากขึ้น ปกติในรถไฟฟ้าจะมีอากาศหมุนเวียนอยู่แล้วและทำความสะอาดทุกวัน แต่ทุกวันนี้มลพิษในอากาศก็มีมากขึ้นเช่นกัน

โชว์เทคโนฯ รถไฟฟ้า โฆษณาแบรนด์สื่อ VGI            

ปัจจุบัน “ชาร์ป” ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสม่าคลัสเตอร์ไปแล้วกว่า 80 ล้านเครื่องทั่วโลก ในประเทศญี่ปุ่น ชาร์ปเป็นผู้ติดตั้งเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ในรถไฟด้วยเช่นกัน การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบีทีเอส เพื่อติดตั้งพลาสม่าคลัสเตอร์ในรถไฟฟ้า 2 ขบวน ถือเป็นการติดตั้งระบบในรถไฟฟ้าเป็นประเทศแรกนอกญี่ปุ่น

โรเบิร์ต อู๋ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย และมาเลเซีย กล่าวว่าเทคโนโลยี พลาสม่าคลัสเตอร์เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของชาร์ป ซึ่งเป็นระบบฟอกอากาศบริสุทธิ์ ความร่วมมือติดตั้งในรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อให้คนไทยมีประสบการณ์การเดินทางที่ดีและสร้างสังคมสุขภาพ ส่วนอนาคตมองว่าอาจจะมีความร่วมมือติดตั้งเพิ่มเติมต่อไป

สำหรับโครงการความร่วมมือติดตั้งเทคโนโลยี พลาสม่าคลัสเตอร์ในไทยเริ่มมาตั้งแต่ต้นปี โดยติดตั้งในโรงพยาบาลและหน่วยงานภาครัฐ การติดตั้งในรถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีผู้ใช้จำนวนมากจะทำให้ผู้บริโภครู้จักเทคโนโลยีของชาร์ปมากขึ้น

ปีนี้ประเทศไทยมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำให้ผู้บริโภคตื่นตัวในการดูแลสุขภาพ ส่งผลให้ตลาดเครื่องฟอกอากาศในไทยมีความต้องการสูง สินค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น “เท่าตัว” ปัจจุบันชาร์ปมีส่วนแบ่งในตลาดนี้เป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง

ไม่เพียงแต่ความร่วมมือในการติดตั้งเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ในรถไฟฟ้าบีทีเอส ชาร์ปยังได้ใช้สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ ของ VGI เพื่อสื่อสารแบรนด์กับผู้บริโภค ซึ่งในรถไฟฟ้า 2 ขบวนที่ติดตั้งระบบฟอกอากาศก็จะมีสื่อโฆษณาชาร์ปอยู่ด้วย

ขณะเดียวกัน VGI ได้ร่วมมือนำเข้านวัตกรรมป้ายดิจิทัลความละเอียดสูง (Digital Signage Solutions) 33.18 ล้านพิกเซล จากชาร์ป มาใช้สำหรับสื่อโฆษณาของ VGI และรองรับแผนขยายสื่อโฆษณานอกบ้านแบบดิจิทัล (Digital Out-of-Home).

]]>
1235568
อยากลงน้ำบ้าง! “VGI” แจ้งใช้เงิน 100 ล้านบาท สยายปีกไปสู่การโฆษณาใน “เรือด่วนเจ้าพระยา” https://positioningmag.com/1227077 Sun, 28 Apr 2019 02:55:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1227077 ตั้งแต่ย่างเข้าสู่ปี 2019 “VGI” บริษัทสื่อโฆษณาที่มี “BTS” เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยังไม่หยุดใช้เงินในการซื้อหุ้นและร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆ เลย เพื่อขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นตามเทรนด์การเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านเลย

ไล่มาตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม ร่วมทุนกับ แอ็ดเอเชีย (ประเทศไทย)” ตั้ง วีจีไอ เอนี่มายด์เทคโนโลยี” ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ทำธุรกิจพัฒนาระบบโปรแกรมเมติกสำหรับสื่อโฆษณานอกบ้านระบบดิจิทัล ถัดจากนั้นไม่กี่วัน 26 มีนาคม ใช้เงินอีก 4,620 ล้านบาท ถือหุ้น 18.59% ใน แพลน บี มีเดีย

จนมาถึงเดือนเมษายน ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ 23 เมษายน ได้เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับ iCLK” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเปิดให้บริการสื่อโฆษณาออนไลน์ในประเทศจีน ตั้ง วีคลิ๊ก เทคโนโลยี ทุนจดทะเบียน 90 ล้านบาท 

VGI ถือหุ้น 30% โดยจะทำธุรกิจเป็นตัวแทนขายสื่อโฆษณาออนไลน์ สำหรับสินค้าไทยที่ต้องการโฆษณาที่จีน พัฒนาแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ และให้บริการเครื่องชาร์จอุปกรณ์สื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีจอโฆษณาดิจิทัลด้วย

รูป Facebook : VGI Global Media

และสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันก่อน (26 เมษายนได้ใช้เงินอีก 100 ล้านบาท ซื้อหุ้นใน แอดซ์ เจ้าพระยา ซึ่งให้บริการสื่อโฆษณาแต่เพียงผู้เดียวในเรือโดยสาร เรือด่วน เรือข้ามฟาก เรือท่องเที่ยว ที่สัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาประเภทป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตามท่าเรือต่าง ริมแม่น้ำ

โดยซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิม Silver Pendulum Limited จำนวน 1,429 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 34,989.50 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 50 ล้านบาท และใช้เงินอีกเท่ากันในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีก 1,429 หุ้น รวมเป็นหุ้นทั้งหมด 2,858 หุ้น

ภายหลังการเข้าซื้อ VGI จะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 3 ด้วยสัดส่วน 25.01% โดยมี สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 37.50% และ พิริยะ วัชจิตพันธ์ ถือหุ้นรองลงมา 33.75%

สำหรับผลประกอบการย้อนหลังของ VGI หรือ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ มีดังนี้

  • ปี 2558 รายได้รวม 3,077.93 ล้านบาท กำไร 837.58 ล้านบาท
  • ปี 2559 รายได้รวม 2,423.42 ล้านบาท กำไร 940.52  ล้านบาท
  • ปี 2560 รายได้รวม 3,358.28 ล้านบาท กำไร 826.40 ล้านบาท
  • ปี 2561 รายได้รวม 4,079.66 ล้านบาท กำไร 846.23 ล้านบาท
  • เดือนปี 2562 รายได้รวม 3,903.91 ล้านบาท กำไร 830.89 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการ บริษัท แอดซ์ เจ้าพระยา จำกัด ที่รายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดังนี้

  • ปี 2556 รายได้รวม 210,739.27 บาท ขาดทุน 16,860.73 บาท
  • ปี 2557 รายได้รวม 24,584,356.01 บาท กำไร 3,959,823.44 บาท
  • ปี 2558 รายได้รวม 29,332,367.59 บาท กำไร 8,493,197.52 บาท
  • ปี 2559 รายได้รวม 29,932,703.77 บาท กำไร 6,349,833.24 บาท
  • ปี 2560 รายได้รวม 27,390,774.58 บาท กำไร 1,890,561.02 บาท
]]>
1227077
ได้เวลาบุกแดนมังกร VGI ร่วมทุน iClick ลุยตลาดดิจิทัลหนุนแบรนด์อาเซียนเจาะกำลังซื้อชาวจีน https://positioningmag.com/1226344 Wed, 24 Apr 2019 09:20:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1226344 ภายใต้การลงทุน  3 ธุรกิจหลัก “สื่อนอกบ้าน เพย์เม้นต์และโลจิสติกสส์” ของ “วีจีไอ โกลบอล มีเดีย” ที่เริ่มจากประเทศไทย จากนั้นใช้โมเดลเข้าไปลงทุนอาเซียน ที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย ล่าสุดประกาศขยายการลงทุนครั้งแรกในประเทศจีน ร่วมทุนบริษัทเทคโนโลยีเพื่อทำการตลาดดิจิทัลให้กับแบรนด์อาเซียน

ด้วยจำนวนประชากรจีนกว่า 1,300 ล้านคน ข้อมูลของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศจีนพบว่า จีนเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังต่างประเทศติดอันดับสูงสุดของโลกกว่า 150 ล้านครั้ง ในปี 2561 จุดหมายปลายทางยอดนิยมก็คือประเทศไทย ตามด้วยญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย

นักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายในต่างประเทศถึง 258 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2560 คิดเป็น 21% ของการใช้จ่ายทั่วโลก กำลังซื้อชาวจีนจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก

“วีจีไอ โกลบอล มีเดีย” มองโอกาสเข้าไปขยายธุรกิจในจีน ด้วยการร่วมทุนกับบริษัท iClick Interactive Asia Group Ltd. (iClick)  ซึ่งเป็นผู้นำแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์และเทคโนโลยีฐานข้อมูลในประเทศจีน ทั้งยังเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา  ซึ่งการร่วมทุนกับ iClick ได้จัดตั้งบริษัทใหม่ที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศจีน เพื่อทำตลาดสื่อสารกับผู้บริโภคจีน รวมทั้งการทำตลาดในไทยเพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย

เนลสัน เหลียง

เนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI กล่าวว่าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ iClick  เป็นการเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภคในประเทศจีนที่มีมูลค่ากว่าหลายพันล้านดอลลาร์และกำลังเติบโต  ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด

ชู 3 เครื่องมือการตลาดิจิทัล

โดยการร่วมทุนดังกล่าวจะใช้จุดแข็งของ VGI เเละ iClick มาสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีมือถือและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ประกอบด้วย

Mobile Application  ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI โมบายแอปพลิเคชัน ที่สามารถสร้างเนื้อหาทางการตลาดได้ตรงตามลักษณะส่วนบุคคลหรือความสนใจของผู้ใช้งาน ทำให้แบรนด์สามารถกำหนดและแบ่งกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

China Solutions  เป็นโซลูชั่นส์การตลาดดิจิทัลที่หลากหลาย ทั้งโซเชียลมีเดียและโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลความสนใจเชิงลึกจากฐานข้อมูลผู้บริโภคในตลาดจีนของ ผ่าน iClick กว่า 780 ล้านผู้ใช้งาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ลูกค้า ในการได้รับข้อมูลของผู้บริโภคที่ตรงกลุ่มเป้าหมายจากหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อสำคัญ

O2O Solutions   เป็นเครื่องมือ Mobile charging station หรือ เครื่องบริการชาร์จมือถือที่มีหน้าจอดิจิทัลสำหรับนำเสนอคอนเทนต์การตลาด ซึ่งถูกติดตั้งบนเครือข่ายของ VGI ทั้งหมด 10,000 จุด ทั่วประเทศไทย โดยมีจุดติดตั้งที่น่าสนใจ อาทิ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และศูนย์ขนส่งสินค้าของ Kerry Express

หนุนแบรนด์อาเซียนเจาะจีน

การร่วมทุนกัน iClick ถือเป็นการเข้าไปขยายธุรกิจด้านการตลาดดิจิทัลในประเทศจีนของวีจีไอ  โดยจะสนับสนุนแบรนด์สินค้าอาเซียน เข้าไปสร้างการรับรู้และทำการตลาดดิจิทัลในประเทศจีน  โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ iClick ในการวิเคราะห์ตลาดดิจิทัล รวมถึงความชำนาญในตลาดประเทศจีนและภูมิภาคเอเชีย ที่จะช่วยเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย  สามารถตรวจสอบและวัดผลกลยุทธ์ทางการตลาดได้อีกด้วย  โดยมองโอกาสของการเข้าไปทำตลาดของธุรกิจค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค การดูแลสุขภาพ และความบันเทิง

“การที่แบรนด์อาเซียนเข้าไปสร้างการรับรู้ในตลาดจีน เมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังอาเซียนเป็นอันดับต้นๆ  ได้รู้จักแบรนด์มาก่อนแล้ว ก็มีโอกาสที่จะเลือกซื้อสินค้าของแบรนด์นั้นๆ เป็นตัวเลือกแรกๆ”

Sammy Hsieh

Sammy Hsieh ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอ ของ iClick กล่าวว่าการนำเสนอโซลูชั่นส์ผ่านนวัตกรรมที่มีความหลากหลายร่วมกันในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งบนตลาดดิจิทัลในภูมิภาคให้กับทั้ง VGI และ iClick  เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นความสามารถในการนำเสนอโฆษณาที่สอดคล้องตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของการโฆษณาในอนาคต

“เราเชื่อว่าการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับวีจีไอ จะเสริมสร้างแพลตฟอร์มการตลาดที่มีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์มากขึ้นให้กับแบรนด์ในภูมิภาค และยังเป็นการเริ่มต้นสู่โอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ของทั้งสองบริษัทในอนาคตอีกด้วย”

]]>
1226344
ช้อปไม่หยุด! “วีจีไอ” ซื้อหุ้น “แพลนบี” 4.6 พันล้าน ยึดสื่อนอกบ้าน 70% https://positioningmag.com/1221741 Wed, 27 Mar 2019 03:16:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1221741 ภายใต้นโยบายต้องการเป็นผู้นำ “ออฟไลน์ทูออนไลน์ โซลูชั่น” (O2O Solutions) บนแพลตฟอร์ม 3 ธุรกิจหลัก คือ สื่อโฆษณา เพย์เมนต์ และโลจิสติกส์ “วีจีไอ โกลบอล มีเดีย” เดินหน้าสร้างเครือข่ายด้วยการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมทุน (JV) มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน ยังช้อปธุรกิจไม่หยุด ล่าสุดเติมพอร์ตโฟลิโอสื่อนอกบ้าน ซื้อหุ้น “แพลนบี” 4,600 ล้านบาท

วันนี้ (27 มีนาคม) “วีจีไอ” ประกาศลงทุนใน บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) บริษัทโฆษณาสื่อนอกบ้านที่มีเครือข่ายหลากหลาย ด้วยมูลค่าการลงทุน 4,600 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 18.6%

เนลสัน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI กล่าวว่า การเข้าไปลงทุนใน “แพลนบี” ทำให้วันนี้ ทั้ง “วีจีไอและแพลนบี”  ครองส่วนแบ่งการตลาดสื่อโฆษณานอกบ้าน กว่า 70% ยึดผู้นำในตลาดสื่อนอกบ้านของไทย ด้วยกำลังการผลิตสื่อมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ และอาเซียน

“การร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของวีจีไอและแพลนบี จะผลักดันให้เราเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถรวมการเข้าถึงเนื้อหาดิจิทัลใหญ่ที่สุด จากแหล่งฐานข้อมูลของวีจีไอ เพื่อครีเอตการสื่อสารการตลาดแบบผสมผสานให้กับแบรนด์ต่างๆ ด้วย ecosystem ของเรา”

ผนึกกำลังชิงโฆษณาสื่อดั้งเดิม-ออนไลน์

ทางด้าน ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือของวีจีไอและแพลนบี จะใช้จุดแข็งด้าน O2O Solutions จากวีจีไอ ร่วมกับเครือข่ายสื่อโฆษณาที่มีความหลากหลายอันดับ 1 ของประเทศไทยและคอนเทนต์ของแพลนบี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

การร่วมมือกันจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของสื่อโฆษณานอกบ้าน เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากสื่อโฆษณาดั้งเดิมและสื่อโฆษณาออนไลน์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของทั้งแพลนบีและวีจีไอ ยังคงเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมอุตสหกรรมสื่อโฆษณามูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท โดยทั้ง 2 บริษัทยังมองโอกาสเติบโตในตลาดสื่อโฆษณาอาเซียนต่อไป

ปัจจุบันแพลนบี เป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้านที่มีความหลากหลายของประเภทสื่อครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย และได้ขยายธุรกิจไปยังอีก 4 ประเทศอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ลาว และฟิลิปปินส์ ปี 2561 แพลนบี มีรายได้  4,039 ล้านบาท ย้อนหลัง 5 ปี เติบโตเฉลี่ย 24%

5 ปี “วีจีไอ” ช้อป 1.5 หมื่นล้าน

ต้องเรียกว่าเป็น “ขาช้อป” ตัวจริง สำหรับ “วีจีไอ” ในเครือ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ที่ใช้กลยุทธ์สร้างเครือข่ายด้วยการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมทุน (JV) มาตั้งแต่ ปี 2558 ถึงปัจจุบันรวมมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท ใน 3 ธุรกิจหลัก คือ สื่อโฆษณา เพย์เมนต์ และโลจิสติกส์ มาดูกันว่าช่วง 5 ปีนี้ วีจีไอลงทุนอะไรบ้าง

  • กลุ่มสื่อนอกบ้าน มาสเตอร์แอด (MACO) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ถือหุ้น 31.65%, มัลติไซน์ 640 ล้านบาท ถือหุ้น 100%, โคแมส 335 ล้านบาท ถือหุ้น 70%, แอโร มีเดีย 200 ล้านบาท ถือหุ้น 30%, เดโม เพาว์เวอร์ 400 ล้านบาท ถือหุ้น 40% และโกลด์สตาร์ 240 ล้านบาท ถือหุ้น 60% ล่าสุด แพลนบี 4,600 ล้านบาท ถือหุ่น 18.6%
  • กลุ่มเพย์เม้นต์ “แรบบิท” 2,000 ล้านบาท ถือหุ้น 90%
  • โลจิสติกส์ “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” 6,000 ล้านบาท ถือหุ้น 23%

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 วีจีไอ มีรายได้ 3,936 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21.5%

]]>
1221741
“ลอว์สัน” บุกรถไฟฟ้าผนึก “วีจีไอ-บีเอ็มเอ็น” ขยายสาขาทั้งบนดิน-ใต้ดิน https://positioningmag.com/1216348 Tue, 26 Feb 2019 04:02:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1216348 ร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่น “ลอว์สัน 108” ร่วมทุนกับ “สหพัฒน์” เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยได้ 5 ปี แต่การที่มาทีหลังทำให้ถูกเจ้าตลาดที่มีกว่า 10,000 สาขายึดทำเลทองไปครองแล้ว จนต้องวางแผนออกไปขายต่างจังหวัด แต่ดูเหมือนไปได้ไม่ค่อยดีนัก สุดท้ายปีที่ผ่านมา “ลอว์สัน 108” ได้ตัดสินใจหันกลับมาโฟกัส “ทำเลใจกลางกรุงเทพฯ” อีกครั้ง ปัจจุบันมีทั้งหมด 119 สาขา 

ล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือกับ วีจีไอ โกลบอลมีเดีย ขยายสาขาร้านค้าลอว์สัน บนพื้นที่ทั้งหมดของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามบินและพื้นที่สำคัญอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารของวีจีไอ 

ลอว์สัน มีแผนที่จะเปิดให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งหมด 30 สถานี ซึ่งเริ่มจากสถานีทองหล่อเป็นแห่งแรก

ในมุมของ วีจีไอ มองว่าความร่วมมือดังกล่าวถือเป็การสร้าง Offline-to-Online eco-system ผ่านบริการจากร้านลอว์สัน ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ โดยมีแรบบิทเป็นช่องทางการชำระเงิน เช่น บัตรแรบบบิท และ Rabbit LinePay ซึ่งจะช่วยเชื่อมให้ผู้บริโภคมีประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ นอกจากนั้นลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านค้าลอว์สัน ยังสามารถรับสิทธิพิเศษผ่านแรบบิทรีวอร์ดส์ได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ VGI สามารถเข้าถึงฐานข้อมูล และนำเสนอบริการที่หลากหลาย รวมถึงสื่อโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายทั้งภายนอกและในบริเวณร้านลอว์สัน

ขยายสาขา เมโทร มอลล์

ก่อนหน้านี้ ลอว์สัน ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์” หรือ บีเอ็มเอ็น” (BMN) บริษัทในเครือบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชนซึ่งเป็นผู้บริหารพื้นที่รีเทลในสถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที (MRT) เปิดให้บริการพื้นที่ ไลฟ์สไตล์ รีเทล เมโทร มอลล์” เปิดให้บริการแล้ว สถานี คือ คลองเตย, สุขุมวิท, เพชรบุรี, พระราม 9, ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, พหลโยธินกำแพงเพชร  และจตุจักร พื้นที่ขนาด 2,000-3,000 ตารางเมตร โดยหนึ่งในพันธมิตรสำคัญ คือ ร้านสะดวกซื้อ ลอว์สัน 108 ที่เปิดบริการในเมโทร มอลล์ ทุกสาขายกเว้นสถานีกำแพงเพชร

ล่าสุด เมโทร มอลล์ ได้เปิดตัวโฉมใหม่สถานีเอ็มอาร์ที จตุจักร ที่มีผู้ใช้บริการสถานีนี้กว่า 40,000 คนต่อวัน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองมากขึ้น ด้วยคอนเซ็ปต์ “Good Food ,Good Mood ,Choose Happy” ให้สอดคล้องกับพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระบบรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีให้เป็น Dynamic Lifestyle Platform พัฒนาพื้นที่ค้าปลีกให้กลายเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และผู้ใช้บริการเอ็มอาร์ทีทุกกลุ่ม ทั้งนักเรียน นักศึกษา พนักงานบริษัท และนักท่องเที่ยว โดยมีร้านค้ากว่า 40 ร้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เร่งรีบและสะดวกสบาย 

สะท้อนให้เห็นยุทธศาสตร์การขยายสาขาของ ลอว์สัน ในปีนี้ ที่จะรุกพื้นที่กลางเมืองที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นอย่างสถานีรถไฟฟ้า โดยบีทีเอสมีผู้ใช้บริการ 1.5 ล้านเที่ยวต่อวัน และเอ็มอาร์ที 3.5 แสนเที่ยวต่อวัน.

]]>
1216348