Warrix – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 27 Apr 2022 06:18:45 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดมุมคิด 3 เเบรนด์ดัง พลิกวิกฤตอุตสาหกรรม ‘เสื้อผ้า’ คว้าโอกาสปรับตัวสู่ดิจิทัล https://positioningmag.com/1382271 Tue, 26 Apr 2022 04:49:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382271 ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเเละปรับเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอด พร้อมพัฒนาให้ก้าวทันตลาดอยู่ทุกช่วงเวลา เเม้จะต้องเจอวิกฤตที่ไม่คาดฝัน อุตสาหกรรมเสื้อผ้าเป็นธุรกิจที่มีการเเข่งขันสูง ทั้งรายใหญ่รายย่อย โดยมีทั้งเเบรนด์ที่ประสบความสำเร็จกลายเป็นที่รู้จักโด่งดัง เเละอีกมุมหนึ่งก็มีเเบรนด์ที่ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก

วันนี้เราจะมาเปิดมุมคิดพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทองยุคดิจิทัล จาก 3 เเบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังของเมืองไทย อย่างห่านคู่เสื้อยืดที่อยู่คู่กับคนไทยมาหลายทศวรรษ มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตามมาด้วยวอริกซ์’ (Warrix) แบรนด์เสื้อผ้า รองเท้ากีฬาที่ท้าชนแบรนด์ระดับโลกด้วยกลยุทธ์ออนไลน์ เเละน้องใหม่ไฟเเรงอย่าง ‘Davie Jones’ เสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชาย แบรนด์ไทยที่กำลังเป็นที่นิยม

จากรุ่นสู่รุ่น ‘ห่านคู่’ ยกเครื่องดิจิทัล 

เมื่อพูดถึง ‘เสื้อยืด-เสื้อกล้าม’ คลายร้อน ห่านคู่จะเป็นเเบรนด์อันดับต้นๆ ที่คนไทยรู้จักเเละคุ้นเคยอยู่เสมอ หลังอยู่อยู่ในตลาดมายาวนานกว่า 69 ปี

‘คุณากร ธนสารสมบัติ’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานไทยแลนด์ นิตติ้ง จำกัด เล่าว่า ความท้าทายของธุรกิจนั้นมีอยู่ตลอดเวลา เเละมีอยู่ต่อเนื่องก่อนช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ต้องเจอคู่แข่งจากต่างประเทศ ที่มีรูปแบบการเเข่งขันที่เเตกต่างกันไป

การตัดสินใจปรับเปลี่ยนเข้าสู่ ‘digital transformation’ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์เเต่ละยุคสมัย หลังมีฐานกลุ่มลูกค้ากว่า 5 เจเนเรชัน

“ออนไลน์เป็นเครื่องมือที่จำเป็นมาก ถ้าเราจะอยู่ได้ถึง 100 ปี เราต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้ง 5 กลุ่มนี้ให้ได้”

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้เห็นกลุ่มลูกค้าต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น รวบรวมข้อมูลเพื่อทำการประเมินได้รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น จากการประเมินด้วยข้อมูลที่เคยเป็น mass สู่การประเมินเเบบฉพาะบุคคลได้อย่างเรียลไทม์ เป็นการปรับตัวเพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น

“ในช่วงวิกฤตผู้ประกอบการต้องหัวใจนักสู้ เสี่ยงให้ถูกทาง การลงทุนเทคโนโลยีจึงมีความจำเป็นมาก Digital Platform จะเป็นเครื่องมือสำคัญทั้งในปัจจุบันและรองรับในอนาคต”

โดยห่านคู่ ได้เข้าร่วมกับโครงการกับ ‘The FinLab Thailand’ ซึ่งมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่โลกดิจิทัลของเหล่า SMEs ไทย

ทางเเบรนด์ต้องการมุ่งเน้นที่ e-commerce, social commerce รวมทั้งการมีระบบ backend หลังบ้านที่แข็งแกร่ง โดยได้รับคำแนะนำและทำการติดตั้ง ERP เพื่อเชื่อมต่อกับระบบ supply chain เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในได้ดีขึ้นได้มาก

สำหรับจุดเด่นของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าในตลาดไทยนั้น คือการมีอยู่หลาย segment หลายกลุ่มลูกค้า เเละนั่นหมายถึง “การมีโอกาสมากขึ้นตามไปด้วย”

-ร่วมมือกับบาบีคิวพลาซ่า เปิดตัวเสื้อยืดรุ่นลิมิเต็ด “GON X ห่านคู่” ขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่

ขณะที่การแข่งขันในระดับภูมิภาค CLMV และจากประเทศจีนก็ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เเบรนด์ต้องขยายการลงทุนแข่งขันกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มทประเทศเพื่อนบ้าน ที่สามารถเข้าไปเจาะตลาดได้ผ่านการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่มีอยู่

ด้านการส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นนั้น แต่ละรุ่นจะมีความท้าทายเป็นของตนเองต่างกันในแต่ละยุค “หลักการคงอยู่ ไม่เปลี่ยน แต่วิธีการและเครืองมือเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงวิธีความคิด การยอมรับการเปลี่ยนแปลงของคนเหล่านี้คือความท้าทาย” 

“เราในฐานะผู้บริหารต้องถอดตรงนี้ออก แล้วลงมือทำไปด้วยกันเลย ตอนนี้องค์กรของเรามีการทำงานเเบบ Flat Organization สามารถที่จะเข้าถึงผู้บริหารหรือผู้ปฏิบัติงานได้โดยตรง”

เเม้ว่าเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยที่สำคัญ แต่เรื่องบริหารคนก็สำคัญมากไม่เเพ้กัน การมีวิสัยทัศน์เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่จะปรับเปลี่ยนองค์กร กล้าลองผิดลองถูก ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเรียนรู้และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน

“ผู้ประกอบการตระหนักรู้ว่าทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง เมื่อคิดแล้วลงมือทำ ต้องประเมินความเสี่ยง แล้วเดินหน้าลุยการตลาดดิจิทัล อย่าคิดว่าสายแล้วเกินจะทำ เพราะถ้าไม่ทำ เราก็จะหายไปเลย”

Warrix ส่งเเบรนด์ไทยสู่ตลาดโลกด้วย ‘ออนไลน์‘ 

‘วอริกซ์’ (Warrix) แบรนด์เสื้อผ้ารองเท้ากีฬาของคนไทยที่ดำเนินธุรกิจมา 8 ปี จากการวางโพสิชันเป็น sportswear มาสู่เสื้อผ้าด้าน ‘healthy active lifestyle’ บริการด้านเวชศาสตร์การกีฬาและการฟื้นฟู

แม้จะเจอวิกฤตโควิด เเต่ Warrix ก็ยังสามารถทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการของบริษัทได้ จากการปรับสู่ ‘ดิจิทัลแพลตฟอร์ม’ และเข้าเปิดตลาดที่หลากหลาย อย่างเช่น สถานพยาบาล , ที่พักสำหรับผู้สูงวัย ฯลฯ

วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ซีอีโอบริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด บอกเล่าถึงการตัดสินใจทรานฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลว่า
ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งเเต่ช่วงก่อนโควิด ปี 2017 ตั้งแต่ที่หลังชนะงานประมูล sportswear ทีมชาติไทย

จุดนั้นถือเป็นความท้าทายใหม่ เเละถึงเวลาที่จะต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทโดยตรง ตัวเขาเองจึงได้ไปลงคอร์สเรียนธุรกิจดิจิทัล เพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ทำให้มีวิสัยทัศน์มาช่วยเร่งสปีดในเรื่องการปรับส่วนต่างๆ ในองค์กร

“ถ้าเราไม่ตัดสินใจทุ่มลงทุนในเรื่องออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2017 เราคงไม่ได้มาอยู่ตรงจุดนี้”

โดยเริ่มจากการพัฒนาช่องทางการค้า e-commerce  ทั้ง Inbox Facebook , LineAds, eCommerce เเละ marketplace ชื่อดังต่างๆ อย่าง Lazada ฯลฯ

ทางโครงการ Smart Business Transformation ( SBTP) โดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เเละ the FinLab ได้แนะนำให้ Warrix ได้รู้จักกับระบบบริหารกิจกรรมทางการขายบนช่องทางที่หลากหลายให้อยู่บนแพลตฟอร์มเดียว และทำให้เราสามารถพัฒนาต่อยอดจากตรงนั้นได้

เหล่านี้ ทำให้เเบรนด์เห็นความสำคัญของ Data Management การลงทุนกับเว็บไซต์ เเละการนำ AI มาใช้

“เราเริ่มลงทุนกับเว็บไซต์สูงขึ้น ใช้เงินทุนไปหลายล้าน ในส่วนตรงกลางเราก็ลิงก์กับระบบซัพพลายต่างๆ หลังบ้าน เราใช้ SAP B1 ติดตั้งใช้งานเรียบร้อย การเชื่อมต่อได้ดีขึ้น จากนั้นก็กลับมาลงทุนที่หน้าบ้านเราให้ดีขึ้นอีก เเละทำอย่างต่อเนื่อง เพราะเครื่องมือทางการตลาดก็มีออกมาเรื่อยๆ”

เมื่อถามถึงการเข้าสู่เทคโนโลยีโลก Metaverse ของเเบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Warrix นั้น เขายอมรับว่ามีความเสี่ยง และยังเป็นเรื่องที่ใหม่มาก เเต่ก็มองเป็น high risk, high return

ดังนั้น ต้องมีการแสวงหาความร่วมมือ จับมือกับผู้เชี่ยวชาญ อย่างการจับมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตและบริษัท อินเด็กซ์ ทำ MOU เพื่อร่วมทุนกันซื้อพื้นที่ใน ‘sandbox’

“เราต้องก้าวไปในอนาคต เพื่อไปจับคนกลุ่มใหม่ พาร์ทเนอร์ และความรู้พื้นฐานถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ควรอัปเดตความรู้อยู่เสมอ เพราะการเรียนรู้ทำได้ไม่มีวันจบ มีเครื่องมือทางการตลาดออกมาใหม่มากมาย”

ปัจจุบัน Warrix มีส่วนออนไลน์คิดเป็น 1 ใน 3 ของช่องทางการตลาดทั้งหมด พร้อมมีการจัดงบโฆษณาออนไลน์ ซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นรายได้อย่างมาก รวมถึงการใช้ Data Management ในการกระตุ้นยอดขาย

“มีใจสู้ ไม่ยกธงขาวไปก่อน วิกฤตโควิดถือว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุด เเต่ผมรู้สึก down แค่วันเดียว เราต้องตัดสินใจเรื่องธุรกิจบนพื้นฐานความจริง ทั้งปัญหาระยะสั้นและระยะยาว”

สำหรับเป้าหมายของ Warrix คือการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในตลาดอาเซียนและญี่ปุ่น
 การใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ทำให้เเบรนด์สามารถที่จะขยายธุรกิจเข้าไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม โดยไม่ต้องพึ่งพาเอเจนท์ เพราะเมื่อลูกค้าสนใจสินค้า ก็สามารถเข้าดูสินค้าได้เอง และสั่งได้เองโดยตรงจากเว็บไซต์ของบริษัท หรือตาม marketplace ต่างๆ

-ตัวอย่างหน้าเว็บไซต์ของ www.warrix.co.th ที่มีฟังก์ชั่นการค้นหาสินค้าผ่านการเลือกสี ไซส์ ราคา ขนาด ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

โดยความท้าทายในการขยายธุรกิจนั้น ก็มีหลายด้าน ทั้งการดิสรัปองค์กร การทำ branding ความท้าทายด้านทรัพย์สินทางปัญญา เเละด้าน digitalization

การสร้างแบรนด์ ให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่งให้ได้นั้นมีความสำคัญมาก เพราะการผลิตสินค้าทุกวันนี้ เอาเข้าจริงก็มักจะมาจากโรงงานเดียวกัน แหล่งวัตถุดิบเดียวกัน แบบก็คล้ายๆ กัน แต่ branding เป็นสิ่งที่จะทำให้เราตั้งราคาได้ต่างกัน เเละได้รับความเชื่อถือจากผู้ซื้อต่างกัน

“ตอนเริ่มทำสินค้าเสื้อผ้า มีแต่คนมาเตือนว่าตลาดเสื้อผ้าอยู่ช่วง sunset ช่วงขาลง แต่ไม่จริงเลย มีโอกาสเกิดใหม่ สร้างโอกาสใหม่ได้มากมาย”

ผู้บริหารต้องสร้างแบรนด์ให้ใหม่ หาทางหนีออกมาจากตลาดที่แข่งขันด้วยราคาให้ได้ หันมาสร้างแบรนด์ให้มี value พัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ ตราบใดที่คนเราต้องใส่เสื้อผ้าออกจากบ้าน ก็จะต้องเกิดดีมานด์ขึ้น ต้องเดินให้ถูกทางไปพร้อมความต้องการของลูกค้า สร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์ เป็นจุดมีความสำคัญมากๆ

Davie Jones เจาะอีคอมเมิร์ซเเบบ ‘คีพคาแร็กเตอร์’ 

Davie Jones เเบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชาย ที่เริ่มจากการเป็นโรงงานผลิตเพื่อส่งออกตลาดต่างประเทศ และเริ่มปรับตัวมาจับตลาดในประเทศ หลังเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2015 ณ ตอนนี้มีการขยายสาขา 50-60 แห่งทั่วประเทศ เน้นช่องทางห้างสรรพสินค้าและทางออนไลน์

ศิพิมพ์ อุ่นวรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและอีคอมเมิร์ซ บริษัท วี.พี.อาร์.เอส. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของแบรนด์ Davie Jones กล่าวว่า ทุกวันนี้ลูกค้าได้เปลี่ยนทางเลือกในการจับจ่าย กำลังการซื้อของลูกค้าบางกลุ่มไม่ได้ลดลง แต่ลูกค้าหันมาช้อปปิ้งออนไลน์เเทน กดซื้อจากไหนก็ได้ ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เเบรนด์อยากจะทรานส์ฟอร์มเเละต้องการที่รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด

เราต้องการรู้จักลูกค้าของเรา รู้ความต้องการ รู้สัดส่วนต่างๆ ในตลาด  ซึ่งเมื่อเรามาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว ก็ทำให้เรารู้จักลูกค้าได้เร็วขึ้น เปลี่ยนจาก fast/mass fashion มาสู่ realtime fashion”

ปัจจุบันมีแบรนด์เสื้อผ้าเกิดใหม่มากมาย แต่เราต้องมีตัวตนที่ชัดเจน มีคุณภาพของสินค้าที่ดี ด้วยความที่ Davie Jones มีโรงงานของตัวเอง ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้ พร้อมมีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่างประกอบกัน เมื่อลูกค้าทำการซื้อแล้ว ก็เกิดการ re- purchase กับมาซื้ออีกกับเเบรนด์เรา

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ทำให้เเบรนด์สื่อสารผ่านเว็บไซต์ของตัวเองได้ ต่อไปก็จะขยายไปสู่ตลาดเพื่อนบ้าน ที่มีภาษาใกล้เคียงกันเเละชื่นชอบสินค้าไทย อย่าง สปป.ลาว

ตลอดออนไลน์เป็นโลกที่ต้องรีบเข้าไป จะช่องทางไหนก็ต้องรีบเข้าไปดู ไม่มีคำว่าช้าไป เพราะการที่จะสร้างให้เป็นแบรนด์ที่หนึ่งในใจได้ ต้องสามารถเข้าถึงลูกค้าแม้ในภาวะที่มีปัญหามากมาย ลูกค้าก็ยังสามารถเข้าถึงสินค้าได้

โดยแพลตฟอร์มการขายทางออนไลน์ช่วยให้ยอดขายของ Davie Jones พุ่งกระฉูดช่วงโควิด เเม้จะมีสัดส่วนออนไลน์ประมาณ 20% เท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็น activewear, casualwear, streetwear เเบรนด์จะต้องมีตัวตนที่ชัดเจน อย่าง Davie Jones มี denim jogger มีแบบขาจัมพ์ เอวจัมพ์ หรือแบบเดินด้ายเขียวสะท้อนแสง เห็นปุ๊บก็รู้ว่าเป็นของเเบรนด์เรา พร้อมมีจุดยืนที่แตกต่างจากเจ้าอื่น และมีความชัดเจนในคาแร็กเตอร์สินค้า มีช่องทางการตลาดแน่นอน เเต่ยืดหยุ่นได้เเละปรับตัวตลอดเวลา

 

]]>
1382271
“วอริกซ์ สปอร์ต” ชี้ปีนี้ยอดขายผ่านโมเดิร์นเทรด “ทรุด” ดับเบิ้ลดิจิต สวนทางออนไลน์ https://positioningmag.com/1253699 Fri, 15 Nov 2019 03:26:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1253699 อัพเดตผลการดำเนินงานวอริกซ์ สปอร์ต ปี 2562 วางเป้ายอดขายทั้งปี 700 ล้านบาท ชี้เป็นยุคเปลี่ยนผ่านของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดในห้างฯ ตลอดปีทรุดลงดับเบิ้ลดิจิต ขณะที่ยอดขายออนไลน์โตเท่าตัว พร้อมกางแผนงานเตรียมตัวเปิด IPO ตั้งบริษัทโฮลดิ้งในสิงคโปร์ ขยายบริษัทลูกเข้าอินโดนีเซีย-ญี่ปุ่น

“วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด เปิดเผยสถานการณ์ตลาดเสื้อผ้ากีฬาของบริษัท ปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขาย 700 ล้านบาท รอบ 10 เดือนแรกทำยอดขายแล้ว 500 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด ร้านค้าดั้งเดิม ออนไลน์ และช่องทางอื่นๆ กลุ่มละ 25% เท่ากัน

ที่น่าสนใจคือ วิศัลย์ฉายภาพว่ายอดขายผ่านโมเดิร์นเทรดหรือกลุ่มร้านค้าในห้างสรรพสินค้าของวอริกซ์ตกลงแบบ ‘ดับเบิ้ลดิจิต’ โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่หนักที่สุด ในทางกลับกัน ยอดขายผ่านออนไลน์โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภคและการปรับระบบภายในบริษัทให้เอื้อกับตลาดออนไลน์สูงขึ้น ทำให้ยอดขายออนไลน์จากเดือนมกราคม 2562 ทำได้ 5 ล้านบาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นเป็นลำดับจนถึงเดือนตุลาคม 2562 มียอดขายออนไลน์ 12.5 ล้านบาทต่อเดือน

“คนไปเดินห้างฯ น้อยลง และคนที่ดูของในห้างฯ ยังไปเพื่อเช็กสินค้าเท่านั้น แต่สุดท้ายเขามาตัดสินใจซื้อผ่านช่องทางออนไลน์แทน” วิศัลย์กล่าว

 

ขึ้นระบบ B2B2C ช่วยร้านค้าท้องถิ่น

ส่วนช่องทางร้านค้าดั้งเดิม วอริกซ์ยังมียอดขายทรงตัวตามปกติ แต่พบว่าร้านค้ารายย่อยเริ่มมีกระแสเงินสดหมุนเวียนติดขัด พบปัญหาการชำระหนี้

แต่บริษัทต้องการมีส่วนร่วมให้ร้านค้าท้องถิ่นยังอยู่ได้ จึงวางโมเดลธุรกิจแบบใหม่ “B2B2C” โดยร้านค้าสามารถตั้งเชลฟ์ของวอริกซ์ในร้าน เมื่อบริษัททำการตลาดออนไลน์แบบ geo-marketing พุ่งเป้าไปที่ลูกค้าในท้องถิ่น ระบบจะแนะนำให้ลูกค้าสามารถเข้าไปลองสินค้าจริงที่ร้านค้าได้ หากสินค้านั้นไม่มีสต็อกภายในร้าน ลูกค้าสามารถสั่งผ่านร้านค้าได้ทันที และร้านค้าจะได้รับส่วนต่างกำไรตามปกติ โดยระบบนี้จะเริ่มต้นใช้งานวันที่ 1 ธันวาคม 2562

วิศัลย์ยังเชื่อว่า ยอดขายรวมทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมาย พร้อมเดินหน้าสู่รายได้แตะ 1 พันล้านบาทในปี 2563 รวมถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่พร้อมจะยื่นไฟลิ่งช่วงครึ่งปีแรกปีหน้า หลังที่ผ่านมาเคยเลื่อนแผนออกไป 1 ปีเนื่องจากต้องการจัดระบบโครงสร้างภายในบริษัทให้เรียบร้อยก่อน

 

ตั้งโฮลดิ้งสิงคโปร์ เตรียมบุกอินโด-ญี่ปุ่น

ด้านแผนงานปี 2563 วอริกซ์ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทโฮลดิ้งในประเทศสิงคโปร์ จากเดิมที่อยู่ระหว่างพิจารณาจะเป็นประเทศสิงคโปร์หรือเกาะฮ่องกง เนื่องจากขณะนี้ฮ่องกงมีความไม่มั่นคงทางการเมือง และสิงคโปร์มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับไทย จะทำให้บริษัทได้สิทธิประโยชน์

การก่อตั้งโฮลดิ้งนี้เป็นก้าวแรกของการบุกต่างประเทศเต็มตัว โดยจะใช้โฮลดิ้งในสิงคโปร์เป็นฐานรับรายได้จากประเทศอื่นๆ ก่อนส่งเข้าไทย เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางการเงินและบัญชีเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

สินค้าของวอริกซ์ (photo: Facebook@warrixthailand)

ส่วนการเริ่มทำตลาดต่างประเทศ วิศัลย์เตรียมงบ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมตั้งบริษัทใน อินโดนีเซีย ช่วงต้นปี 2563 เป็นบริษัทร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ผู้กระจายสินค้าในท้องถิ่น อัตราส่วนถือหุ้น ไทย 66: 34 อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย

“ที่เลือกอินโดนีเซียเพราะเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในอาเซียน คือ 280 ล้านคน และประชากรคนที่ติดตามกีฬาฟุตบอลมีมากกว่า 100 ล้านคน อีกทั้งยังไม่มีแบรนด์ท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง จึงเป็นโอกาสทางการตลาดที่ดีสำหรับวอริกซ์” วิศัลย์กล่าว

ปัจจุบัน วอริกซ์ส่งขายออนไลน์ในอินโดนีเซียมูลค่าเพียง 20 ล้านบาทต่อปี แต่เขาเชื่อว่ามูลค่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใน 5 ปียอดขายจากอินโดฯ จะมากกว่ายอดขายในไทย 2-3 เท่าตัว โดยใช้กลยุทธ์ License Marketing เหมือนประเทศไทย คือการประมูลลิขสิทธิ์สโมสรเพื่อสร้างแบรนด์ในตลาด นำไปสู่ยอดขาย และในอินโดฯ นั้นวอริกซ์ได้รับลิขสิทธิ์สโมสรดังแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว จะประกาศอย่างเป็นทางการวันที่ 1 มกราคม 2563

ถัดมาที่แผนการบุกแดนปลาดิบ ใช้การเจวีกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นเช่นกันแต่ยังอยู่ระหว่างตกลงอัตราส่วนการถือหุ้น คาดว่าจะก่อตั้งได้ช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ในเมืองโอซาก้า สำหรับตลาดญี่ปุ่นนี้ วิศัลย์ไม่ได้มองด้านยอดขายว่าจะเติบโตหวือหวามากนักเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและประชากรไม่ได้เติบโตสูง แต่ต้องการให้เป็นสปริงบอร์ด สร้างชื่อแบรนด์วอริกซ์ให้น่าเชื่อถือก่อนเข้าสู่ประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป

เขายังมีแผนจะให้บริษัทในต่างประเทศทุกบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศนั้นๆ เพราะวางโครงสร้างให้บริษัทลูกสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพิงเงินทุนจากบริษัทแม่

]]>
1253699
ไม่ต้องเสี่ยงทาย วอริกซ์ดึง BNK48 เป็นพรีเซ็นเตอร์เจาะกลุ่มวัยรุ่นขายเสื้อบอลช้างศึกในราคาคนไทยจับต้องได้แค่ 390 บาท https://positioningmag.com/1162260 Mon, 19 Mar 2018 09:26:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1162260 หลังจากทุ่มเงินมูลค่ามหาศาลกว่า 400 ล้านบาท เพื่อให้ วอริกซ์” ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้รับสิทธิ์ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายชุดแข่งขันและเครื่องแต่งกายทัพช้างศึกไทยอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 4 ปี (ปี 2560-2563) โดยปีแรกได้รับการตอบรับอย่างดีส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทในปี 2560 เติบโตขึ้นจากปี 2559 สูงถึงเกือบ 3 เท่า จึงต้องไปเดินเกมอีกขั้นดึงไอดอลคนดัง วง BNK48 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์หวังเจาะกลุ่มวงการสปอร์ตไทยให้ขยายมากขึ้น ตั้งเป้าปีนี้ขายเสื้อได้ไม่น้อยกว่า 7 แสนตัว!

วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทวอริกซ์สปอร์ต จำกัด บอกว่า การดึงเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง BNK48 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์และร่วมทำกิจกรรมร่วมกันกว่า1 ปีโดยเฉพาะเสื้อเอ็กซ์คลูซีฟที่ทำออกมาจำหน่าย 1 หมื่นตัวในรูปแบบบ็อกซ์เซ็ตขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็วพร้อมกับได้ผลิตเสื้อแบบเดียวกันนี้เพิ่มอีก 150,000 ตัว จำหน่ายให้แก่เหล่าโอตะทั้งหลายซึ่งตอนนี้ขายไปแล้วกว่า 7 หมื่นตัว

จากนี้ไป จะร่วมกับ BNK48 ทำตลาดต่อเนื่องตลอด 1 ปีนี้ และน่าจะพีคสุดในช่วงซูซูกิคัพในช่วงสิ้นปี จะมีกิจกรรมมากมายเช่นการประกวดไวรอลเพลงหวังขยายตลาดไปสู่กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น จากเดิมฐานลูกค้าจะเป็นผู้ใหญ่คนทำงาน

พร้อมกันนี้วอริกซ์ได้เปิดตัวชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยประจำปี 2018 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ภารกิจแห่งเกียรติยศ Mission Of Honor ที่จะหลอมรวมทุกจังหวะชีพจรของคนไทยทั้งในสนามและนอกสนาม ร่วมทำภารกิจแห่งเกีนติยศด้วยหัวใจไทยที่เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยชุดแข่งขันใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยมาตรฐานเดียวกับสโมสรชั้นนำของโลก เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักเตะทีมชาติไทยสามารถดึงศักยภาพภายในตัวออกมาใช้ได้มาก

ชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยปีนี้มีทั้งหมด 5 สีได้แก่ 1. ชุดแข่งเหย้าสีน้ำเงิน 2. ชุดแข่งเยือนสีแดง 3. ชุดแข่งที่ 3-สีขาว 4. ชุดผู้รักษาประตูเหย้าสีเขียว 5. ชุดผู้รักษาประตูเยือนสีเทา วิศัลยืนยันว่า ใช้มาตรฐานเดียวกับสโมสรชั้นนำของโลก

ชุดแข่งขันสำหรับนักเตะ (Warrix Player Jersey) ในปีนี้ไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป!เนื่องจากถูกออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อนักเตะโดยเฉพาะ เป็นชุดแข่งขัน ใช้ใช้เทคโนโลยีการผลิต COMBATEC (คอมแบทเทค) ที่คิดค้นขึ้นมา โดยคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างรวมกันในชุดแข่งขัน เนื้อผ้าบางเบาแห้งเร็ว ระบายความร้อนได้เร็วกว่าเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ปกติถึง 3 เท่า ดูดซับความชื้นและลดอุณหภูมิของร่างกายได้ดี และที่สำคัญคือการอัญเชิญตรามหาพิชัยมงกุฎซึ่งเป็นตราพระราชทานจาก ร.6 สำหรับตัวแทนนักฟุตบอลทีมชาติไทยทุกคนมาอยู่บนชุดแข่งขันสำหรับนักเตะด้วย

ในส่วนของชุดแข่งขันสำหรับแฟนบอล (Warrix Replica Jerey) ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์เหมือนชุดนักเตะแต่โดเด่นและมีความพิเศษมากยิ่งขึ้นที่ดีไซน์ด้วยการสามารถใส่ได้ 2 ด้าน 1 ลายในราคา 990 บาท ทั้งนี้ทางวอริกซ์ได้ผลิตเสื้อเชียร์ทีมชาติไทยออกวางจำหน่ายในราคาที่จับต้องได้คือ 390 บาท

ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 620 ลบเติบโตจากขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มียอดอยู่ที่ 564 ล้านบาท ผ่านไป 2 เดือนกว่า ๆ ทำรายได้ 180 ลบ.โดยปีที่ผ่านมาขายเสื้อทุกชนิดไปแล้วกว่า 570,000 ตัว ปีนี้ตั้งเป้าต้องขายได้มากกว่า 700,000 ตัว หวังขายสินค้าทุกอย่างที่เป็นของวอริกซ์ 4 ล้านชิ้น และทุ่มงบสู้ศึกตลาดออนไลน์และเว็บไซต์กว่า 20 ลบ.

]]>
1162260
ปั้น Warrix สปอร์ตแวร์แบรนด์ไทย สู่ตลาดโลก https://positioningmag.com/1132948 Fri, 14 Jul 2017 22:55:04 +0000 http://positioningmag.com/?p=1132948 จากเจ้าของโรงงานตัดเสื้อผ้าขนาดเล็ก แถมธุรกิจยังเคยล้มมาก่อน แต่ด้วยมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ไม่เพียงจะทำให้ “วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล”  ก้าวผ่านความยากลำบากมาได้ แต่ยังกลายมาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลิตชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทย ด้วยเงินลงทุน 400 ล้านบาท ที่กำลังก้าวจากแบรนด์ไทยไปสู่ตลาดโลก

“วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ผลิตชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทย ผู้บริหารวัยกลางคนที่ยังไฟแรง เจ้าของ “แบรนด์วอริกซ์” ภายใต้ “บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด” ได้ก้าวขึ้นเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัยมาพัฒนาและผลิตเสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยที่มีคุณภาพ มีการออกแบบสะท้อนให้เห็นถึงรากเหง้าและวัฒนธรรมไทย ควบคู่กับความทันสมัยมีความเป็นสากลอย่างลงตัว เพื่อให้นักกีฬาและแฟนบอลได้สวมใส่อย่างภาคภูมิใจ

ปัจจุบันแบรนด์ Warrix เป็นเสื้อผ้ากีฬาแบรนด์ของไทยที่กำลังจะขยายจากแบรนด์ระดับชาติมาสู่แบรนด์ระดับโลก และคาดว่าปีหน้าจะได้นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อที่จะทำสัญญากับพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ และเจลีกของประเทศญี่ปุ่นในอนาคตอีกด้วย

 •  แบรนด์ Warrix  ต้องใช้เงินลงทุนถึง 400 ล้านบาทในการซื้อไลเซนส์หรือลิขสิทธิ์ทีมชาติไทยมา?

ครับ ถ้าเราคิดในวิธีการปกติ เหมือนกับที่พี่ๆ เขาทำไว้ คือมีเสื้อราคาเดียว ก็จะต้องขายหลายแสนตัว แต่ว่าเสื้อทีมชาติไทยในแบบที่เราใส่อยู่ มีอยู่ 3 ราคาในแบบเดียว คือ เสื้อเชียร์ (Warrix Cheer Jersey) ราคา 390 บาท ที่เน้นเรื่องสวมใส่สบาย ในราคาย่อมเยา เปิดตัวไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และชุดแข่งขันชุดหลักของทีมชาติไทย ซึ่งมี 2 แบบ คือ ชุดแข่งขันสำหรับแฟนบอล (Warrix Replica) ราคา 890 บาท และชุดแข่งขันสำหรับนักเตะ (Warrix Player Grade) ราคา 1,990 บาท” และ 3 ราคารวมกันน่าจะได้ประมาณ 1,300,000 ตัวครับ ซึ่งค่าลิขสิทธิ์ผมคิดว่าเป็นภาระหน้าที่ที่จะต้องจ่าย ก็คิดว่าพอจ่ายอยู่ครับ ส่วนตัวเราไม่ได้คิดถึงกำไรหรอก เราคิดว่าสร้างแบรนด์และทำสิ่งดีๆ มีกำไรมาด้วยก็ดี

• ไม่คิดถึงเรื่องกำไร? แล้วในฐานะคนที่สร้างเสื้อนักรบ คนที่ 12 Warrix ทำไมถึงใจกล้าเอาเงินตั้ง 400 ล้านไปทุ่มทุนขนาดนี้ เราได้อะไรจากตรงนี้บ้าง

จริงๆ การประมูลเสื้อลิขสิทธิ์ทีมชาติไทย หรือโลโก้ราคา 400 ล้านบาท มันเป็นเรื่องของการสร้างแบรนด์ ยกระดับแบรนด์สินค้าของเราให้เป็นระดับประเทศ ในเมื่อเรามีความพร้อมในเรื่องคุณภาพสินค้า และเทคโนโลยีในการผลิต เป้าหมายของ Warrix คือเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากเสื้อทีมชาติไทยก็จะนำพาให้สินค้า Warrix ขายเพิ่มขึ้นด้วย ในสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร

อย่างยอดขายปีที่แล้วเทียบกับปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่ากว่า เกือบ 4 เท่า ในปีถัดไปก็คาดว่ายอดขายน่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คิดว่าความคุ้มน่าจะอยู่ที่การพาเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ การที่เราเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อที่เราจะไปล่าสัญญาทีมชาติในประเทศที่ 2 ในปีถัดๆ ไป หรือสัญญาทีมฟุตบอลในเจลีก ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่เราต้องการไปล่าสัญญาเหล่านั้น มูลค่ามากกว่าสัญญาทีมชาติไทยอีก เราจำเป็นต้องเข้าถึงแหล่งเงินทุน อย่างตลาดหลักทรัพย์เป็นหนึ่งตลาดทุนที่เราต้องเข้าไปถึง เพราะฉะนั้นการทำเสื้อลิขสิทธิ์ทีมชาติไทย เราจึงไม่ได้มองกำไรเป็นที่ตั้ง เรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราทำแล้วเราภาคภูมิใจ คือสิ่งที่ยกระดับสินค้าที่แฟนบอลได้ใช้ แล้วก็สามารถทำให้เราไปต่อได้

• เสื้อนักรบคนที่ 12 (We are the 12th warrior) มีเอกลักษณ์โดดเด่นยังไงบ้าง

ชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยจากวอริกซ์ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดนักรบคนที่ 12 หรือ We are the 12th warrior เพื่อสื่อถึงความสำคัญของเหล่ากองเชียร์ มี 2 สี คือ 1) สีดำ เป็นชุดเหย้า มีชื่อว่า “ไชยานุภาพ” และ 2) สีขาว เป็นชุดเยือน มีชื่อว่า “ปราบไตรจักร” ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวประวัติศาสตร์ของช้างศึกไทย ‘เจ้าพระยาไชยานุภาพ’ ซึ่งเป็นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวร และ ‘เจ้าพระยาปราบไตรจักร’ ซึ่งเป็นช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งแม้จะตัวเล็กกว่า แต่ก็มีใจสู้ มุ่งมั่น ยืนหยัดรวมพลัง ร่วมรบในสงครามกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจนได้ชัยชนะ เช่นเดียวกับแฟนบอลและนักเตะช้างศึกไทยที่จะรวมใจและสู้ไปด้วยกัน และที่สำคัญนับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการฟุตบอลไทยที่เสื้อฟุตบอลทีมชาติไทยสีดำจะทรงพลัง หลอมรวมใจคนไทยเป็นหนึ่งเดียว และปลุกพลังใจและเลือดนักสู้ในตัวคนไทยได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เสื้อช้างศึกวอริกซ์ตัวนี้ ถ่ายทอดปรัชญาและหัวใจของความเป็นไทยผ่านการดีไซน์ในแต่ละรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เน้นความดุดันแข็งแกร่งดุจนักรบสมัยก่อนที่ออกรบด้วยเลือดนักสู้ พร้อมกับสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจติดตัวที่สร้างพลังใจและความฮึกเหิม นำมาถ่ายทอดลงในเสื้อช้างศึกวอริกซ์ ได้แก่

– ผ้าประเจียดผูกแขน ลักษณะเป็นผ้าพันกันเป็นเกลียวแน่น ใช้ผูกมัดแขนข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง สื่อแทนความสามัคคีของเหล่านักรบ ถูกนำมาออกแบบเป็นลายสานเกลียวเชือกวางบนแขนเสื้อ เพื่อสื่อความหมายเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งนักเตะและกองเชียร์ที่พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน

– แถบชายผ้าถุงแม่ เป็นสิ่งติดตัวของนักรบในสมัยก่อน ที่ช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้นักรบมีแรงที่จะต่อสู้เพื่อป้องกันแผ่นดินเกิดและเป็นสิ่งแทนใจให้นึกถึงแม่ผู้เป็นที่รัก ถูกนำมาออกแบบวางไว้ที่ชายเสื้อ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักเตะ ตลอดจนให้ข้อคิดและเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องความกตัญญู

– ลวดลายไทย เพื่อแสดงออกซึ่งความภาคภูมิใจในความเป็นไทย โดยเสื้อวอริกซ์เพิ่มความพิเศษด้วยลายถักทอแนวไทยประยุกต์ มีประกายโดดเด่นสะดุดตา เน้นน้ำหนักลวดลายไทยประยุกต์ให้เฉียงไปทางด้านขวาและเน้นให้เห็นชัดเฉพาะบริเวณที่อกด้านขวาทำให้เกิดมิติดูเหมือนแสงสะท้อนที่สวยงาม

ที่พูดมาข้างต้นเห็นว่าความฝันของ Warrix นั้นไม่ได้เห็นแค่เสื้อที่มีทีมชาติไทยอย่างเดียว อาจจะไปเจลีก พรีเมียร์ลีกเลยหรือ

แน่นอนครับ สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศต่างๆ ที่พูดมาข้างต้นเป็นการทำการตลาดที่ล่วงหน้าหมดเลย เขามีการพัฒนาในเรื่องของการค้าขาย เรื่องธุรกิจ ลิขสิทธิ์เรื่องกีฬาที่แอดวานด์มาก ต้องเจรจา ต้องคุยล่วงหน้าหลายปี เราฝันแล้วเราก็ต้องทำฝันนั้นให้เป็นจริงครับ

 • แสดงว่าเราไม่ได้มองว่าเสื้อ Warrix หรือโรงงานที่ผลิตเสื้อ Warrix เป็นแค่อุตสาหกรรมสิ่งทอ

ไม่ใช่เลยครับ ถ้าบอกว่าสิ่งทอ เราต้องเป็นคนรับจ้างผลิต แบบสมัยก่อน พอค่าแรงขึ้นปุ๊บก็ปิดโรงงาน เราทำธุรกิจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ ธุรกิจไลเซนส์ สมัยก่อนอาจเปรียบเทียบลิขสิทธิ์หนัง ลิขสิทธิ์เพลง ที่ผู้ผลิตอยู่ต่างประเทศ แต่ตัวแทนจำหน่ายเมืองไทยเป็นคนที่ซื้อลิขสิทธิ์มา มาทำแผ่นซีดีขาย มาทำให้เพลงขายดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำคือการประมูลสิ่งเหล่านี้มา หรือลิขสิทธิ์ของทีมชาติอื่นๆ มา ตลาดมันเป็นตลาดที่กว้าง เราได้ลิขสิทธิ์เหล่านี้ เราก็ต้องมาทำสินค้า ที่มีกำไรเพียงพอจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ได้ และมีเหลือกำไร มันอาจจะไม่ใช่สินค้าที่ผลิตทั้งหมด เช่น รองเท้าหนัง เสื้อสูท เราก็อาจสามารถหาโรงงานผลิตสินค้าดีๆ ที่ผลิตสูทตัวนึง 50,000 บาท มาให้นักฟุตบอลใช้ แล้วเราก็ยังมีสินค้าที่มาขายด้วย

• คิดว่าตัวเองได้เปรียบไหมในเรื่องของการได้ลิขสิทธิ์ไลเซนส์มา เพราะเรามีผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ มีโรงงานเป็นของตัวเอง มีผ้าเป็นของตัวเองอยู่แล้ว

จริงๆ มีส่วนที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ ส่วนที่ได้เปรียบ คือแน่นอนว่าเราจะผลิตสินค้าเร็วๆ หรือเราจะทำสินค้าที่ควบคุมคุณภาพสินค้าสูงๆ เราได้เปรียบเพราะเราทำเองหมดเลยทุกขั้นตอนในโรงงาน ตั้งแต่นำเข้าเส้นด้ายมาทอผ้าเอง เย็บเอง ปักเอง พิมพ์เอง จะได้งานที่เร็ว และมีคุณภาพดี แต่ในแง่ของสิ่งที่เราจะโตไปกว่านั้นคือ บริษัทจะต้องโตกว่ากำลังผลิตที่โรงงานมี ในยอดขายถ้าเราเติบโตขึ้น เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณสัก 500 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งโรงงานเราโตไม่ทัน เราก็สามารถไปจ้างผลิตโรงงานที่เขามีมาตราฐานเทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำของโลก เราก็สามารถจ้างได้ หรือสินค้าที่เราไม่ผลิตเลยจริงๆ อย่างรองเท้า เราก็ต้องจ้างผลิต ผมคิดว่าตรงนี้ถ้าเราจะมองก็เป็นทั้งการได้เปรียบ และเสียเปรียบนะครับ

• พอมันอยู่ในรูปที่เราต้องระดมทุนแบบตลาดหลักทรัพย์ หลักการหรือวิธีการที่จะทำอุตสาหกรรมหรือทำธุรกิจนี้ มีความเหมือนและความต่างกันยังไงบ้าง

สิ่งแรกที่เราต้องทำเลยก็คือ เราต้องทำให้บริษัทมีระบบการบริหารงานที่โปร่งใส เริ่มจากการประมูลสัญญา เราไม่จ่ายใต้โต๊ะเลย แต่เราเอาเงินที่เรายินดีจะสนับสนุนทั้งหมดใส่เข้าไปในเอกสารที่ยื่นการประมูล เพื่อให้เงินทั้งหมดเข้าไปพัฒนาองค์การฟุตบอลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

หลักการที่สอง เราจะต้องมีการบริหารจัดการภายในเป็นอย่างดี งานต้องมีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้บริษัทเราสามารถสร้างยอดขาย ให้คุ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อทีมชาติไทยให้เราพิสูจน์ตัวเราเองว่าเราทำได้แน่นอน ทีมฟุตบอลในต่างประเทศ ทีมชาติในต่างประเทศ เขาก็จะมั่นใจในแบรนด์สินค้าของเรา ที่ทำให้เราสามารถไปเสนอตัวในการรับใช้แฟนบอลในประเทศอื่นๆ ได้อีก เหมือนจะเป็นฝันที่ใหญ่มากเลยนะแต่เราต้องคิดต่าง

• แต่ก่อนอุตสาหกรรมสิ่งทอที่บ้านเราเติบโตมาก แล้ววันหนึ่งมันก็ถดถอยลง เรียกได้ว่าแทบจะติดลบในสายตาคนอื่น ไม่ทราบว่ามองเรื่องนี้ยังไงบ้าง

โลกมันเปลี่ยนไป เราก็มองว่าสิ่งทอไม่ใช่ตัวเรา เราไม่ได้ทำสิ่งทอ เราทำเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา แล้วทรัพย์สินทางปัญญามีค่าที่ประเมินไม่ได้ อยู่ที่เราจะสร้างให้มันมีขนาดใหญ่โตขนาดไหน อย่างเช่นเสื้อทีมชาติไทย คนประเมินว่า วันแรกที่ประมูล 400 ล้านบาท ผู้ใหญ่ที่หวังดีต่างๆ นานา โทร.มาเลย กลัวเจ๊ง ต้องขายกี่ตัว แต่จริงๆ พิสูจน์มาแล้ว 3 เดือน เราก็ขายเสื้อไป 3 แสนกว่าตัวแล้ว แฟนบอลสามารถเข้าถึง จับต้องได้ง่าย ไป 7-11 หมื่นสาขามีหมด แล้วเราก็ผลิตของออกมาดีพอสมควร ผมคิดว่าแฟนบอลจะยังไง บอลจะแพ้ชนะยังไง อนาคตสมาคมฟุตบอลต้องเดินต่อไป

• มองการขยายช่องทางการจำหน่ายไว้อย่างไร  เห็นว่ามีการขยายทั้งร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีลเฟเว่น และออนไลน์  

มีทั้งในส่วนที่เป็นร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่แล้วดั้งเดิมของเรา ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าทุกยี่ห้อ และเพิ่มของการค้าขายออนไลน์ แล้วเราเข้าใจถึงพฤติกรรมของแฟนบอลคนไทยเป็นอย่างดี เช่น แฟนบอลในจังหวัดนครราชสีมา แฟนบอลจังหวัดศรีสะเกษที่อยู่ที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ชลบุรี ตามนิคมอุตสาหกรรม เขามีความต้องการอะไร ยังไง เราต้องเรียนรู้ และรับฟังคำติชม จนเราเข้าใจแฟนบอล และเรารับฟังความเห็นของแฟนบอล ก็ทำให้เราผลิตสินค้ามาตอบสนองความต้องการของแฟนบอลได้ค่อนข้างพึงพอใจครับ

เราแก้โจทย์การตลาดตามทฤษฎีพื้นฐานเลยว่า ในยุคที่ผมเรียนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว การตลาดบอกว่า 4P (Product Price Place Promotion) สิ่งที่เราวิเคราะห์ตัวเราเอง 10 ปีที่ผ่านมา แฟนบอลชาวไทยซื้อเสื้อได้ที่กี่จุดจัดจำหน่าย เราพบว่าไม่กี่ร้อยจุด คนไทยเพิ่มมา 15,000 จุดได้ เราก็ไปคุยกับ 7-11 ซึ่ง 7-11 มีประมาณ 10,000 สาขา บวกกับช่องทางการจำหน่าย 7-11 24 ชั่วโมง ที่ 0-2 711-7600 เป็นคอลเซ็นเตอร์โทร. 24 ชั่วโมง แฟนบอลก็สั่งของได้ทั้งกลางวัน กลางคืน 24 ชั่วโมง ไปซื้อของ ไปรับของได้ที่เซเว่นใกล้บ้าน นั่นก็เป็นการทำลายอุปสรรคในเรื่องของช่องทางจำหน่าย ออกหมดสิ้นเลย รวมถึงการขายออนไลน์ด้วย อย่าง lazada หรือLine@ (ไลน์แอท) เราก็ขายตรงนี้ได้ตัวเลขที่น่าสนใจพอสมควรเหมือนกัน

จะบอกว่าตรงนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่นะครับเพราะทีมชาติญี่ปุ่นก็มีการซื้อขายผ่านออนไลน์ รับของที่แฟมิลี่มาร์ทในญี่ปุ่น มีมาแล้ว เขาก็ขายได้เยอะด้วย เราก็มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 • พอเราเข้าช่องทางนี้มันก็ทำให้ง่ายขึ้น แบบนี้แล้วเสื้อฝั่ง Warrix ที่เราทำตอนนี้กำลังการผลิตเราเพียงพอไหม

เสื้อฟุตบอลล็อตแรกเราผลิตไป 5 แสนกว่าตัว เสร็จตั้งแต่ช่วงมกราคม กุมภาพันธ์แล้ว ส่วนที่กำลังทำเติมเป็นส่วนของเสื้อซ้อมรุ่นใหม่ๆ ที่เราต้องออกเสื้อซ้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเสื้อที่เราขาย เสื้อแข่งผลิต เราก็ผลิตแบบเดิม ในปีนี้ ปีหน้าอาจจะมี อาจจะนะครับ ไม่ใช่สิทธิ์ของเรา เป็นสิทธิ์ของสมาคม เปลี่ยนโลโก้ และเรื่องของการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ คงเสนอขายในปีหน้า ในไลน์ผลิตที่เห็นตรงนี้ก็น่าจะเป็นเสื้อกีฬาฟุตบอล สิ่งที่เห็นก็น่าจะเป็นอย่างหนึ่งของเสื้อของทีมฟุตบอลของสโมสรชัยนาทที่เราทำ ซึ่งเป็นคุณภาพที่ดีมาก เป็นลักษณะของดีไซน์ที่ทันสมัย คุณภาพผ้าก็ดี เป็นสิ่งที่ทีมชาติไทยเราได้ใช้ของดีๆ สโมสรที่เราสนับสนุนก็ได้ใช้ของที่ดีๆ

• แล้วเราจะยังใช้ระบบประมูลเหมือนเดิมหรือไม่

ใช้ครับ เรามีการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ จะเป็นตัวเงิน หรือเป็นของ ก็อยู่ที่รูปแบบสัญญาแต่ละสัญญา ที่เห็นอยู่ไลน์ถัดไปก็จะเป็นของสโมสรอุดร อุดรธานีเอฟซี ก็จะเป็นเรื่องของลิขสิทธิ์เหมือนกัน ที่เรายื่นไปสนับสนุนทีมฟุตบอลสโมสรอุดรธานี แฟนบอลก็เยอะมาก

เห็นว่าเสื้อฟุตบอลไทยของ Warrix ที่ทำมามีหลายแบบ ดีไซน์เอาไว้แบบละเอียด ทุกแบบนี่ใส่รายละเอียด ใส่เรื่องราวลงไปเยอะมากเลยใช่ไหมคะ

เต็มที่เลยครับในการผลิต ก่อนที่จะมาเย็บแบบนี้มันจะต้องถูกพิมพ์ ถูกปักมาให้เรียบร้อย แต่พอพิมพ์ปักเรียบร้อย เราก็เอามาประกอบเป็นตัว รายละเอียดตรงนี้ก็จะเอามาตัดเย็บในไลน์ผลิต สิ่งที่ต้องทำคือ พิมพ์ผ้า พิมพ์โลโก้ฟุตบอล ด้านหลังก็เป็นตรามหามงกุฏ อันนี้เป็นสิ่งที่เราเตรียมตกแต่งสินค้าก่อนเย็บ ก่อนประกอบเป็นตัว

สิ่งที่เราทำคือในความเป็นสากลเขาทำกัน ก็คือ เสื้อที่นักฟุตบอลใส่ทุกชิ้นต้องมีน้ำหนักเบา โลโก้ดูเหมือนกัน แต่โลโก้ที่นักฟุตบอลใส่กับตัวที่แฟนบอลใส่ หรือตัวที่เป็นเสื้อเชียร์จะมีน้ำหนักต่างกัน ตัวที่นักบอลใส่จะมีน้ำหนักเบามาก เบาที่สุด เพราะเขาใส่ไปชั่ง  ต้องเป็นเท่านี้ กี่กรัม ต้องมีการระบายเหงื่อเท่านี้เท่านั้น ต้องผ่านการทดสอบนห้องแล็บ แต่ตัวที่แฟนบอลใช้ เราสามารถรับได้ ถ้าน้ำหนักมากขึ้น มีความคงทน ซักแล้วทนมากขึ้น วัตถุประสงค์การใช้ที่แตกต่างกัน ต้นทุนเหล่านี้แพงมาก แต่ละชิ้น เทียบเท่ากับเสื้อฟุตบอลในประเทศยุโรปเลย ของที่ขายเป็นทีมชาติในประเทศยุโรป ก็มาจากเมืองไทยทั้งนั้น เราก็เลือกของดีๆ มาใส่ของทีมชาติ

รายละเอียดพวกนี้ ต้องมีเรื่องราวครบทุกอย่างแม้แต่ตราพระมหามงกุฏด้านหลัง อันนี้ก็จะให้เห็นว่ามีสีเงินกับสีทอง สีทองคือตัวที่นักฟุตบอลใส่ ก็คือเหมือนได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 แต่สีเงินเราทำไว้สำหรับแฟนบอลใส่ ให้แฟนบอลได้เห็นว่ามันเป็นเรื่องของการให้เกียรตินักฟุตบอลของเรา

อย่างอาจารย์ที่เป็นหัวหน้าทีมออกแบบเสื้อ ผมเรียนเชิญอาจารย์ชาริญ ละมาไพร ท่านเป็นนักออกแบบอาวุโสของเมืองไทยเลยนะครับ ก็มีคนคอมเมนต์มากมาย แบบเสื้อที่ผมทำ มีการเซอร์เวย์ ผู้หลักผู้ใหญ่ แฟนบอล เซอร์เวย์ต่างๆ แต่ก็ยังดีที่แบบไม่หลุด ก็เลือกคนที่เซอร์เวย์ คนวิจารณ์ต่างๆ มากมาย แบบเสื้อมันอย่างนั้นอย่างนี้ คุณภาพมันอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านอาจารย์ชริญบอกผมว่าผมต้องเชื่อตัวเอง แบรนด์นี้มันมาจากเลือดเนื้อเชื้อไขของผม มาจากสัญชาตญาณของผม ผมเลือกอะไรคิดถ้วนถี่แล้ว เราต้องเลือกสักอย่างหนึ่ง สุดท้ายผมก็เลือกเรื่องราวช้างศึกของพระนเรศวร ผมเลือกเรื่องราวของการกู้บ้านกู้เมือง ให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้น เลือกเรื่องของประวัติศาสตร์ เรื่องของการกตัญญูต่อมารดา อย่างเช่น ตัวชายเสื้อนี้ที่ให้นักฟุตบอลที่ผมจะทำการตลาดต่อจากนี้มาสื่อเรื่องของการให้เกียรติผู้หญิง

• ฟังมาทั้งหมดรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่โลโก้ แล้วแบบนี้คิดว่าเรื่องในเสื้อของเราถึงเยาวชนด้วยเลยหรือไม่

ยังไม่มากครับ เราจะมีกิจกรรมที่เกิดจาก Warrix เมมเบอร์การ์ด ในเสื้อทุกตัวจะมีบัตรสมาชิก  ไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์เราได้ เราจะมีกิจกรรมที่ให้ชาริล ชัปปุยส์ พาแฟนบอลไปเที่ยวที่สุพรรณบุรี เราจะมีกิจกรรมที่จะให้กวินไปทำกิจกรรมร่วมกับแฟนบอล หรือนักฟุตบอทีมชาติไปสอนเยาวชนว่าสุภาพบุรุษคืออะไร แล้วผมก็ให้โจทย์ไป พรีเซนเตอร์เราจะช่วยคิดมาว่าสุภาพบุรุษกับลูกผู้ชายต่างกันอย่างไร ซึ่งต่างกันเยอะเลยนะครับ เพราะสุภาพบุรุษจริงๆ แล้วไม่ใช่คนที่เอาชนะ แบบที่ได้มาทุกวิถีทางนะ เราต้องมีชัยชนะอย่างสง่างาม ต่อให้เราต้องแพ้ เราก็แพ้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ไม่ก้มหัวให้กับความอยุติธรรม ส่วนลูกผู้ชาย ต้องชนะเท่านั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ ก็แล้วแต่ ให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการมาโดยไม่สนใจจริยธรรมก็ได้ สำหรับผู้ชายบางคนนะครับ แต่สำหรับผู้ชายบางคนที่ไม่ใช่แบบนั้น เราจะให้เกียรติเขาว่าคือสุภาพบุรุษ

ระหว่างลูกผู้ชาย กับสุภาพบุรุษ การมองสุภาพสตรี หรือผู้หญิงก็ต่างกัน เรามองผู้หญิงคนหนึ่งแบบที่ให้เกียรติเขา มองความเท่าเทียมกันของผู้หญิงและผู้ชาย วิธีการประพฤติ ปฏิบัติ การให้เกียรติผู้หญิง คำว่าการกระทำของคนเป็นสุภาพบุรุษ จะแตกต่างกับของคนที่เป็นลูกผู้ชายอย่างมาก นี่คือสิ่งที่นักฟุตบอลควรนำไปสอน

แล้วเราก็ได้ผู้พันเบิร์ด (วันชนะ สวัสดี) พระนเรศวรของเรามาเป็นต้นแบบในการสอนความเป็นสุภาพบุรุษ ความเป็นคุณพ่อ ความเป็นผู้นำ ความเป็นทหาร ก็มาสอนเยาวชนด้วย สอนแฟนบอลที่อยากจะเรียนรู้ข้อคิดต่างๆ การใช้ชีวิตของผู้พันเบิร์ด

เรื่องราวของเสื้อหนึ่งตัว มันไม่ใช่แค่เสื้อที่เปียกเหงื่อแล้วซัก มันคือเรื่องราวของความยั่งยืน ไม่ว่าจะเปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนนายก เปลี่ยนนักฟุตบอลกี่รุ่น แฟนบอลก็ยังคงอยู่กับสโมสรต่อไป ที่ผมบอกว่าแฟนบอลคือประธานสโมสรของทีมชาติไทย

ผมคิดว่านักกีฬาฟุตบอลเป็นต้นแบบของเยาวชน แล้วนักกีฬาที่เราได้มาเป็นพรีเซนเตอร์ต้องสอนว่า การเป็นสุภาพบุรุษในสนามและนอกสนาม ให้เกียรติผู้หญิงต้องทำยังไง ผู้หญิงคนแรกที่ต้องให้เกียรติ ให้ความศัทราและเคารพก็คือแม่ แล้วก็ต้องสอนเรื่องของความสามัคคี การเล่นเป็นทีมคืออะไร เรื่องของความเป็นชาติคืออะไร ถ้าคนในชาติสามัคคี ก็สามารถจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ เศรษฐกิจไม่ดีอะไร ภาวะการเมืองต่างๆ มันก็เป็นสิ่งที่มีบทเรียนสอนเราในอดีตอยู่แล้ว เอาประวัติศาสตร์มาเล่าใหม่ ให้เยาวชนฟัง ออกมาเป็นเสื้อตัวนี้ เป็นสิ่งที่เราเลือก และทำให้เกิดขึ้น

• แน่นอนว่ากว่าจะมาถึงวันที่เรารู้ว่าทำธุรกิจมาถูกทางแล้วอาจจะต้องเคยประสบพบเจอกับปัญหาอุปสรรคมาบ้าง ไม่ทราบว่าเราผ่านมาได้ยังไง

ชีวิตเราเกิดมา ผมเชื่อว่ามีชีวิตเดียว ไม่มีหลายชีวิต ใช้ให้คุ้ม แล้วสิ่งต่างๆ ที่เราทำเรามองว่าศักยภาพของเรามีเท่าไหร่ เราก็ต้องให้มันออกมา เราก็ต้องสร้างความฝันให้เป็นจริง มีผู้ประกอบการเยอะแยะมากมายเลยที่มีฝัน แต่ไม่กล้าทำ แต่สิ่งที่เราทำมันไม่ใช่การกระทำโดยขาดสติ คิด วิเคราะห์ วิจัย สำรวจข้อมูล อย่างถ้วนถี่ แล้วเราร่วมกันพิจารณาแล้วว่าเรารับความเสี่ยงได้ เราก็ต้องกล้าที่จะทำมัน สิ่งที่ทำก็จะต้องพิสูน์ออกมา ถ้าเราไม่ทำ จะไม่เกิด

ยอมรับนะครับว่าเรามีช่วงเวลาที่ทุกข์ใจ ผมทุกข์ใจมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นมาตั้งแต่ที่บ้านธุรกิจล้ม สิ่งเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่สอนเราให้เราเข้มแข็งขึ้น ผมเรียนรู้และถูกสอนในโบสถ์ ผมเป็นคริสเตียน ถูกสอนมาตลอดว่า ชีวิตเราต้องอยู่ด้วยความหวัง และทัศนคติบวก ถ้าเรามีทัศนคติบวก แม้สถานการณ์เลวร้ายก็มีโอกาสอยู่ในนั้น แล้วถ้าเราคิดบวก ทัศนคติบวก เราคิดถูก การกระทำจะถูกด้วย เราเลือกที่จะใฝ่ดี ถ้าเราใฝ่ดี เราตั้งใจทำสิ่งต่างๆ ด้วยความขยันหมั่นเพียร ผมเชื่อว่าโอกาสสำเร็จมันมีมากกว่าล้มเหลว

 • คิดอย่างไรกับการที่คนชอบพูดว่า เวลาเราทำธุรกิจเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ เป็นลิขสิทธิ์ เป็นการออกแบบ แบบใหม่ๆ เวลาก่อนเราจะคิดหรือทำ กว่าเราจะไปได้มันยาก มันเหนื่อย แต่เวลาคนก๊อบปี้กลับง่ายมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคเรา คิดว่ามันจะทำให้เป็นอุปสรรคของเราไหม

แน่นอนครับ ประเทศของเราเป็นประเทศที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยนะครับ ผมคิดว่าคนทำธุรกิจถูกต้อง เราก็เหนื่อยกว่าคนทำที่เขาทำไม่ถูก โดยเฉพาะกฎหมายบ้านเราที่ตัวกฎหมายเขียนไว้สวยหรู แต่ทางปฏิบัติยังทำไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก หน้าที่ของเราคือมีหน้าที่แข่งกับตัวเอง เรามีหน้าที่ทำสินค้าออกมาในกลุ่มแต่ละราคา เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแตกต่างกัน อย่างเช่นเสื้อตัวเชียร์ 390 บาท เสื้อเด็กของทีมชาติไทย 290 บาท ของปลอมเหนื่อยเลยนะ จะทำแข่งออกมาแบบนี้ ถ้าเราทำสินค้า 890 บาท 1,000 บาท แน่นอนว่าของปลอมก็อยู่ได้อย่างสุขสบายใจ สิ่งที่เราทำ เราก็แข่งกับตัวเอง ทำสินค้าคุณภาพดีที่สุด ในต้นทุนที่เราแข่งขันได้มากที่สุด แล้วก็แฟนบอลก็เลือกเองว่าจะซื้ออะไร

• ในฐานะคนทำธุรกิจ เรามีการแบ่งโซนยังไงระหว่างเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัว

ผมใช้น้ำหนักส่วนมากอยู่กับงาน 2 ใน 3 ของเวลาที่ตื่นนอน เวลาส่วนตัวก็มีเวลาเรื่องของดูแลสุขภาพ ชีวิตส่วนตัวก็จะน้อยหน่อย เบาหน่อย

ผมว่าการบาลานซ์ในชีวิต มันมาจากปรัชญาการใช้ชีวิต ปรัชญาการใช้ชีวิตที่ผมยึดถือมาตลอด ฟังดูแล้ว ถ้าคนไม่ได้มาคุยกันจะไม่เข้าใจนะ คนที่หิวเงินจะไม่มีวันอิ่มเงิน ทุกอย่างที่ทำมันจะตั้งมั่นอยู่บนความโลภ เอาเงินเป็นที่ตั้ง เอากำไรเป็นที่ตั้งสูงสุด สำหรับเรา ลูกน้องที่ทำกับเรา เราจะบอกเขาเลยว่า กำไรไม่ใช่เบอร์หนึ่งนะ บางอย่างทำแล้วขาดทุนเพื่อต้องรักษาคำพูด รักษาเครดิต เราก็ต้องทำ บางอย่างเป็นการทำเพื่อให้เราได้สิ่งอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงินก็ต้องทำ ผมคิดว่า ถ้าเอาหลักการนี้มาใช้ในการดำเนินชีวิต มันก็จะต่างไปอีกว่า ถ้าทำงานอย่างเดียว หาเงิน สุดท้ายมันก็จะแลกกับสุขภาพ แลกกับความสัมพันธ์ที่เรามีกับเพื่อน กับครอบครัว สุดท้ายได้เงินมาก็ตายไป เอาเงินไปไม่ได้ ผมว่ามันก็มีหลักการในการใช้ชีวิตที่ส่งผลกับการทำธุรกิจครับ

• ถามถึงเรื่องโรงงานหน่อยค่ะว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการบริหารจัดการระบบงานคืออะไรคะ

ระบบการบริหารจัดการ ผมว่าเป็นเรื่องการทำให้คน ปัจจุบันก็เกือบ 1,000 คน สามารถทำงาน แล้วก็เห็นเป้าหมายร่วมกัน สามารถส่งมอบงานได้ทันเวลา มีคุณภาพ แฟนบอลทุกคนเวลารับเสื้อไป เสื้อตัวนี้หลายๆ คนบอกว่าเป็นเสื้อที่แพงที่สุดในบ้าน อันนี้ก็เป็นความภูมิใจของแฟนบอล เราก็ต้องส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา

เราอยู่กับทีมงาน เราไม่ได้อยู่ด้วยเงิน เราอยู่ด้วยใจ พนักงานหลายคนถามว่า ชวนมาทำงานได้ไง ผมก็บอกว่า ผมเอาใจไปแลกใจมา ถ้าใครจะเอาลูกน้องผมไป ต้องเอาใจเขาไปให้ได้ก่อน แน่นอนเรื่องของผลตอบแทน เรื่องของสวัสดิการ เราก็ทำดีที่สุดเท่าที่เราสามารถจะทำได้ แบรนด์ใหญ่ๆ ถามว่าเขาจะมาทำแบบเราไหม ผมก็เชื่อว่าทั้งอาจจะอยากทำและไม่อยากทำ แต่เราก็ไม่ได้กลัว สิ่งที่เราสร้างมาคนอื่นจะสามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน บางคนอาจจะทำได้ดีกว่าเราก็ได้นะ ไซส์เขา ความรวดเร็วในการผลิตของเขา ความคล่องตัวในการปรับตัวจะเหมือนเราหรือเปล่าไม่รู้ สามารถทำงานเร็วๆ บอกต้องการของวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้บอลเตะประเทศนู้น 9 โมงเช้า คืนนี้เที่ยงคืนให้ไปส่ง คนอื่นทำได้ไหมเราไม่รู้ แต่เราทำได้

• ท้ายนี้คิดยังไงกับธุรกิจไลเซนส์ที่เราทำอยู่ตอนนี้ ถือว่าเป็นธุรกิจประกอบการยุคใหม่ที่เติบโตมากน้อยยังไงบ้างในเมืองไทย

ในเมืองไทยผมคิดว่าคนยังมีความเข้าใจค่อนข้างน้อยในเรื่องธุรกิจไลเซนส์ หรือเรื่องของลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นลิขสิทธิ์เสื้อผ้ากีฬา หรือลิขสิทธิ์ในธุรกิจต่างๆ ผมเองผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นโลกที่เปลี่ยนไป ถ้าเราก้าวทันโลก เราก็นำโมเดลธุรกิจเหล่านี้มาพูดคุย ค้าขาย และทำให้เกิดธุรกิจกับสโมสรฟุตบอล ซึ่งวิธีการเดิมๆ อาจจะดีอยู่ ในบางเรื่อง แต่ว่าเรื่องใหม่ๆ ที่ถูกพิสูจน์มาแล้วว่า ธุรกิจแบบนี้ มันดี มันเวิร์กในต่างประเทศ เราก็คิดว่ามันน่าจะเวิร์กสำหรับคนไทยด้วย

สั่งซื้อสินค้าวอริกซ์ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ ได้แก่ เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ ผ่านระบบ 24 Shopping, (Call center: โทร. 0-2711-7600) Super Sports, Ari, Lazada, Thai Ticket Major, ร้านตัวแทนจำหน่ายทุกจังหวัดทั่วประเทศ, Face Book: facebook.com/warrixofficial, Line ID: @warrix.co.th และ Website: www.warrix.co.th

สัมภาษณ์ : กมลพร วรกุล
เรียบเรียง : วรัญญา งามขำ


ที่มา : https://manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9600000049660

]]>
1132948