‘เเม็คกรุ๊ป’ ปรับเกมปั้นเเบรนด์เเฟชั่นไลฟ์สไตล์ ทุ่มออนไลน์ ผสมขยายสาขาใน ‘ปั๊มน้ำมัน’

แม็คกรุ๊ปปรับกลยุทธ์มุ่งสู่ รีเทลเต็มรูปแบบ ผสมออฟไลน์-ออนไลน์ ปั้นเเบรนด์เเฟชั่นไลฟ์สไตล์ ให้เป็นมากกว่ายีนส์ตุนเงินสด 1.8 พันล้านในมือ ต่อยอดธุรกิจ

วงการเเฟชั่นได้รับผลกระทบไม่น้อยจากวิกฤตโควิด-19 เมื่อผู้คนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านน้อยลง สาขาหน้าร้านต้องปิดชั่วคราวจากมาตรการล็อกดาวน์ เเละผู้บริโภคจำใจต้องประหยัด เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อของที่จำเป็นกว่า

เเต่หลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย การกระจายวัคซีนคืบหน้า เหล่าลูกค้าก็เริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น บางคนจ่ายหนักยิ่งกว่าเดิม เพื่อชดเชยการอดช้อปในช่วงที่ผ่านมา

แม็คกรุ๊ป เป็นอีกบริษัทที่มีการปรับกลยุทธ์รับมือโรคระบาดได้อย่างน่าสนใจ ด้วยผลงานการปิดงวดปีบัญชี 2564 กำไรสุทธิเติบโตเกือบ 10% แตะ 446 ล้านบาท กวาดรายได้จากการขาย 3,220 ล้านบาท จากการเดินเกมการตลาดเชิงรุก อัดแคมเปญโปรโมชันกระตุ้นยอดขายทั้งออนไลน์เเละออฟไลน์

หลังเข้ามารับตำเเหน่งได้ 4 เดือน ‘เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ต้องเข้ามารับมือความท้าทายในการขับเคลื่อนองค์กรครั้งใหญ่

โดยก่อนที่จะมาร่วมงานกับ MC เขาเคยบริหารงานเป็นซีอีโอที่ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์มาถึง 6 ปี เเละอยู่ในวงการ FMCG มายาวนาน ประสบการณ์การทำงานกว่า 30 ปีที่ผ่านมา จึงได้ถูกนำมาใช้ในการวางเเผนกลยุทธ์ต่างๆ ในยามวิกฤต

การดำเนินการลดต้นทุนอย่างจริงจังในทุกๆ ส่วนงาน และมุ่งเพิ่มยอดขายให้เติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะที่ยังคงรักษารายได้ และความสามารถในการทำกำไรของช่องทางออฟไลน์ รวมไปถึงให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานที่ได้มีการจัดให้พนักงานได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงด้วย

ขยายสาขาในปั๊มน้ำมัน รับเปิดเมือง 

ริชาร์ด ยอมรับว่าภาพรวมของตลาดรวมในประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบพอสมควร หลักๆ มาจากการที่ต้องปิดช่องทางการขายทางออฟไลน์ไปกว่า 50% ในช่วงล็อกดาวน์เเต่หลังจากที่มีสัญญาณจะเริ่มเปิดเมือง ยอดขายหน้าร้านในเดือนก.. ก็กระเตื้องขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทกำลังวางแผนจับมือกับพันธมิตรกลุ่มปตท.’ ในการขยายสาขา Mc Outlet ไปยังสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งจะมีการเปิดตัว Mc Outlet สาขาใหม่ที่วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มอีก 1 แห่ง ในวันที่ 1 ..นี้

กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะออกเดินทางกันมากขึ้นในช่วงปลายปี และรองรับกำลังซื้อหลังเปิดเมือง

ทั้งนี้ ปัจจุบัน Mc Outlet มีสาขาอยู่ 55 แห่งในปตท. และมีร้านออฟไลน์ 279 แห่ง ร้านชอปอินชอป 143 แห่ง อื่นๆ 45 แห่ง รวมทั้งสิ้น 522 แห่ง โดยเเบ่งเป็นสัดส่วนนอกกรุงเทพฯเเละปริมณฑลถึง 60%

โดยพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปบ้าง อาจจะซื้อเสื้อผ้าน้อยลงในช่วงที่ต้องอยู่เเต่บ้าน เเต่ความต้องการยังมีอยู่เเละเริ่มมีสัญญาณความอยากช้อปปิ้ง อยากกลับมาเเต่งตัวเเละอยากใช้ชีวิตปกติมากขึ้นเรื่อยๆ

โลกเเห่งการ Omni Channel 

เมื่อเตรียมขยายฝั่งออฟไลน์เเล้ว ก็ต้องสานต่อฝั่งออนไลน์ให้เติบโตขึ้นไปอีก โดย MC จะเน้นไปที่การสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าทางออนไลน์ หรือ Online Engagement จากฐานลูกค้าที่เป็นสมาชิก MC CLUB กว่า 1.6 ล้านคนเเละนำดาต้าที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้

โดยล่าสุดได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ MC CLUB ที่สามารถใช้งานได้สะดวกสบายผ่าน LINE OA สำหรับช่องทางโซเชียลมีเดียของบริษัท เช่น Facebook Page Mc Jeans มีผู้ติดตามประมาณ 1 ล้านคน

ในอนาคต เราคาดหวังว่ายอดขายจากช่องทางออนไลน์จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15% ของยอดขายรวมทั้งหมดของบริษัท จากปีก่อนอยู่ที่ 389 ล้านบาท คิดเป็น 12%”

สำหรับในปีบัญชี 2564/2565 Mc คาดว่าจะใช้งบลงทุน 80 ล้านบาท ขยายทั้งธุรกิจออนไลน์และธุรกิจออฟไลน์ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของธุรกิจออนไลน์ก็เริ่มใกล้เคียง 15% ตามเป้าที่วางไว้

ควบคู่ไปกับแผนเปิดสาขาใหม่ รวม 22 สาขา ประกอบด้วย Mc Outlet 15 แห่ง SHOP 4 แห่งและเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 3 เคาน์เตอร์

จะมีการปรับรูปแบบการจัดร้าน เน้นหาสินค้าได้ง่าย เห็นได้ทั่วถึงเเละดูทันสมัย รวมไปถึงการดีไซน์สินค้าใหม่ๆ ที่จะมีการนำเสนอนวัตกรรมมาพร้อมกับเเฟชั่น อย่างการป้องกันเชื้อโรค สวมใส่สบาย ฯลฯ

เปรียบเทียบ ก่อน-หลัง การจัดวางรูปเเบบร้านใหม่

ขณะที่ในอนาคตอีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทวางแผนจะใช้เงินประมาณ 400 ล้านบาทในการสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่จะรวมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ไว้ในที่เดียวกัน

บริษัทจะใช้กลยุทธ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการเติบโตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ในส่วนของออนไลน์ นอกจาก mcshop.com ก็ยังมีช่องทางมาร์เก็ตเพลซและพันธมิตรออนไลน์ ทั้ง Shopee, Lazada, และ JD CENTRAL”

ขอมุ่งโฟกัสตลาดไทย 

ด้านเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปีบัญชี 2564/2565 ทางแม็คกรุ๊ป ประกาศว่า จะส่งแม็คยีนส์ไปเป็นบริษัทค้าปลีกประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำให้ได้ เเละคาดหวังว่ารายได้เติบโตจากปีก่อน

โดยบริษัทจะเน้นไปที่การจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบเฉพาะเจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย สัดส่วนการขายสินค้า การบริหารช่องทางจัดจำหน่ายที่เหมาะสม 

ในช่วงปีสองปีนี้ MC จะโฟกัสธุรกิจในตลาดไทยเป็นหลัก จึงจะต้องใช้กลยุทธ์ Localization เข้าถึงท้องถิ่นให้มากขึ้น ขณะที่ก็ยังมี 4-5 ประเทศที่ดูๆ อยู่ เเต่จะไม่ได้ไปเน้นมากนัก

สำหรับเเนวทางการดำเนินธุรกิจจะมีอยู่ 5 ประเด็นหลักๆ ได้เเก่

1. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจทั้งด้านการเงิน การพัฒนาศักยภาพทางการผลิตสินค้าและบริการ 

2. ขยายฐานการรับรู้แบรนด์และชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์และขยายกลุ่มลูกค้า

3. พัฒนาแพลตฟอร์มค้าปลีกช่องทางออนไลน์ออฟไลน์และการเชื่อมต่อกันอย่างมีศักยภาพ

4. การปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในองค์กร

5. เพิ่มศักยภาพของเทคโนโลยีและกระบวนการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)

ตุนเงินสด 1.8 พันล้านในมือ ต่อยอดธุรกิจ

เมื่อถามถึงความสนใจในธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากเเหชั่นเเละไลฟ์สไตล์ ซีอีโอ MC ตอบว่ามีการมองหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมอเเต่เเตกต่างไปจากเดิม

อย่างเมื่อต้นเดือนก..ที่ผ่านมา เพิ่งเปิดขายแคปซูล ‘สารสกัดกระชายขาว‘ แบรนด์พีเอ็มเอชจากผลงานวิจัยของ ม.มหิดล และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ mcshop.com ให้คนไทยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการกระชายขาวที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดช่วงโควิด

การที่ Mc เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินเเละงวดสิ้นปีบัญชีที่ผ่านมา บริษัทมีเงินสดในมือกว่า 1,864 ล้านบาท ช่วยหนุนให้บริษัทหาโอกาสในการเติบโตได้เพิ่มขึ้น อย่างการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เเละอื่นๆ รวมถึงยังสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการงวดปี 64/65 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตราว 7-8% ลดลงจากเดิมที่คาดจะเติบมากกว่า 10% จากปีก่อน เนื่องจากในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ แต่ล่าสุดได้กลับมาเปิดอีกครั้งแล้ว

แม้ว่าในรอบปีบัญชี 2564 จะต้องเผชิญกับวิกฤตโควิดระลอกแล้วระลอกเล่า แต่เมื่อสถานการณ์การระบาดลดลงและการฉีดวัคซีนมีอัตราเพิ่มขึ้น จนรัฐบาลเตรียมประกาศเปิดเมือง ก็ทำให้มั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับเป้าหมายในช่วง 3 ปีข้างหน้า Mc หวังว่าการเติบโตของรายได้จะทำได้ในระดับดับเบิลดิจิต’