ที่ผ่านมา หลายคนรู้อยู่แล้วว่ากระเป๋าหรูหราอย่าง Hermès Birkin เป็นอีกตัวเลือกการลงทุนที่ยอดเยี่ยม และมีประสิทธิภาพทำกำไรดีกว่าทรัพย์สินแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและหุ้น S&P 500 แต่ในช่วงหลังการเสียชีวิตของ Jane Birkin มีการตอกย้ำคำวิเคราะห์ของ Deloitte และ Credit Suisse ว่า กระเป๋า Hermès Birkin ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่น่าทึ่งถึง 38% ในปี 2020 ซึ่งแซงหน้ากระเป๋าหรูหราอื่นทั้งหมด

ในอีกด้าน กระแสที่ร้อนแรงตอนนี้ยังทำให้บางเรื่องเบื้องหลังที่มาของกระเป๋า Birkin ถูกนำมาเล่าอีกครั้งอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการลงลึกรายละเอียดของความบังเอิญครั้งประวัติศาสตร์ว่า Jane Birkin และ Jean Louis Dumas ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hermès ได้นั่งข้างกัน พูดคุยกัน แล้วนำไปสู่การเขียนสรุปคอนเซ็ปต์ของกระเป๋า Hermès Birkin บน “ถุงรองรับอาเจียน” ที่ให้บริการบนเครื่องบิน!

จากการเสียชีวิตของ Jane Birkin ถึงกระเป๋า Birkin ที่แพงที่สุด

Jane Birkin เป็นนักร้องและนักแสดงชาวอังกฤษผู้ซึ่งกลายเป็นไอคอนสไตล์ตั้งแต่ยุค 80 ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2023 ที่ปารีสด้วยวัย 76 ปี หนึ่งในสิ่งที่ทำให้โลกรู้จัก Jane Birkin คือการที่เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ Jean Louis Dumas ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hermès ในการสร้างกระเป๋า Birkin สุดหรูที่คนดังเกือบทุกคนนิยมถือหิ้วในทุกวันนี้

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการกระเป๋าหรูเกิดขึ้นเมื่อ Jane Birkin ได้พบกับหัวเรือใหญ่ Hermès ในปี 1983 เวลานั้น Jane Birkin กำลังเดินทางด้วยเที่ยวบินจากปารีสไปยังลอนดอน เหตุการณ์ถุง straw bag ของ Birkin เกิดขาดจนทำให้เกิดการสนทนากับ Dumas ซึ่งประธานของ Hermès ได้แนะนำว่า Birkin ต้องการกระเป๋าที่มีช่องใส่ของ และ Birkin ก็ตอบว่า “วันไหนที่ Hermès ผลิตกระเป๋าที่มีช่องใส่ของแบบนั้น ฉันจะซื้อเลย”

Dumas จึงตอบแบบหล่อเหลาไปว่า “ผมนี่ล่ะ Hermès” ก่อนสัญญาว่าจะออกแบบกระเป๋าที่มีช่องใส่ของใช้งานได้หลากหลายให้ Birkin ผู้บริหาร Hermès ได้คว้าถุงแก้อาการเมาเครื่องบิน ขึ้นมาร่างแบบเป็นรูปกระเป๋าถือที่คุ้นตากันดีในปัจจุบัน

ต่อมาเมื่อ Birkin ติดต่อ Hermès เพื่อขอซื้อสินค้าพิเศษที่คาดไม่ถึงนี้ Dumas ก็แจ้งว่าได้ตัดสินใจมอบกระเป๋านี้ให้ฟรีโดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้ชื่อนามสกุลของ Hermès เป็นชื่อรุ่น ซึ่งจนถึงปี 2010 นักแสดงหญิงได้รับค่าลิขสิทธิ์ปีละ 30,000 ปอนด์ (ปัจจุบันมูลค่าราว 1,325,688 บาท) จาก Hermès สำหรับการใช้ชื่อนามสกุล และสาว Birkin ก็บริจาครายได้ให้กับการกุศล

ปัจจุบัน มูลค่ากระเป๋า Birkin ไต่ระดับขึ้นถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกินกว่า 339,000 บาทในวันนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากราคาประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่เคยตั้งไว้เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในปี 1984 สำหรับกระเป๋า Birkin ที่แพงที่สุดคือรุ่น Himalaya Birkin เป็นกระเป๋าหนังจระเข้สีขาวประดับด้วยทองคำขาว 18K และเพชรมากกว่า 200 เม็ด กระเป๋ารุ่นนี้แบ่งออกเป็น 3 ไซส์ แต่ไซส์ที่หายากที่สุดคือขนาด 35 เซนติเมตร ซึ่งมีสถิติขายรีเซลด้วยราคาที่แพงที่สุดเมื่อปี 2019 ด้วยราคา 5 แสนเหรียญหรือ 15 ล้านบาท

Birkin vs S&P 500 และทองคำ

สิ่งที่ทำให้กระเป๋า Birkin แตกต่างจากการลงทุนอื่นคือมูลค่าการขายต่อที่สูง ตามรายงาน Claire Report 2022 ของ Rebag ในปี 2022 กระเป๋าถือสวยหรู Birkin ยังคงมีมูลค่าเฉลี่ย 103% ของมูลค่าการขายปลีกเริ่มต้นต่อเนื่องไปไม่มีทีท่าจะหยุด ทำให้มีมูลค่าในตลาดขายต่อหรือรีเซลมากกว่าราคาซื้อเดิม มูลค่าการขายต่อที่สูงนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางรายแนะนำให้พิจารณากระเป๋า Birkin เป็นทางเลือกในการลงทุน

หนึ่งในนั้นคือ Phoebe Chamier ผู้จัดการอาวุโสด้านการลงทุนของ Brooks McDonald กล่าวในงานเสวนาของ Female Folio ว่ากระเป๋าถือสุดหรู รวมถึงกระเป๋า Birkin นั้นเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการเฉลี่ยพอร์ตการลงทุนที่รอบด้าน โดยอธิบายว่าสินทรัพย์ทางเลือกสามารถเสริมจุดต่างจากสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น หุ้นและทองคำ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอนหากมีความผันผวนของตลาด

นอกจากนี้ การศึกษาที่จัดทำโดย BagHunter ยืนยันประสิทธิภาพที่โดดเด่นของการลงทุนในกระเป๋า Birkin ว่าหากเทียบตั้งแต่ปี 1980 ถึง 2015 กระเป๋าหรูหราเหล่านี้มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 14% ซึ่งดีกว่าหุ้นในทำเนียบ S&P 500 ที่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 8.65% และทองคำ 1.9% อย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อมองไปข้างหน้า เซียนกระเป๋าคาดการณ์ว่ากระเป๋า Birkin จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นตัวเลือกการลงทุนที่มั่นคงเมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นที่รับอิทธิพลภายนอกและผลกระทบต่อตลาดมากกว่า อย่างไรก็ตาม แม้เสน่ห์ของกระเป๋า Birkin ในฐานะการลงทุนจะปฏิเสธไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงโดยธรรมชาติ เช่นเดียวกับการตัดสินใจทางการเงินใดๆ ดังนั้นจงปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อตัดสินใจเลือกการลงทุนที่มีข้อมูลครบถ้วน

ที่สุดแล้ว ไม่ว่า Jane Birkin จะลาโลกใบนี้ไปแล้ว แต่กระเป๋า Hermès Birkin จะยังไม่ไปไหน และยังคงดึงดูดใจผู้หลงใหลในแฟชั่นและนักลงทุนต่อไป และสามารถยืนตระหง่านเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเสน่ห์อันไร้กาลเวลาของการลงทุนสุดหรูได้อีกนาน

อ่านเพิ่มเติม

• ที่มาราคาใบละ(หลาย)แสนของ “Hermes Birkin” หนึ่งในกระเป๋าแบรนด์เนมที่แพงที่สุดในโลก

ที่มา : Barrons, Designtaxi, Business today

ความนิยมซื้อของหรูของกลุ่มคนมั่งคั่ง ไม่เเผ่วลงในช่วงวิกฤต COVID-19 โดยผลประกอบการของ Hermes ประจำไตรมาส 1/2021 เพิ่มขึ้น 43.7% ในอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่จากปี 2020 โดยสามารถรายได้รวมถึง 2,083 ล้านยูโร (ราว 7.8 หมื่นล้านบาท) ในช่วงเเค่ 3 เดือนแรกของปีนี้เท่านั้น เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ว่าคาดจะเพิ่มขึ้น 24%

ปัจจัยที่ส่งเสริมรายได้ของ Hermes ในช่วงนี้ก็คือ ‘ยอดขายในเอเชีย’ (ไม่รวมญี่ปุ่น) ที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถึงถึง 93.6% เมื่อเทียบกับจากไตรมาสแรกของปี 2020 โดยเฉพาะยอดขายในจีน ที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว บวกกับยอดขายที่ทรงตัวในเกาหลีใต้ ไทย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย 

ญี่ปุ่นยังเป็นตลาดสำคัญที่เติบโตได้ดีของ Hermes โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 20% ส่วนยอดขายฝั่งอเมริกาก็เพิ่มขึ้นกว่า 24% ช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงในตลาดยุโรป ที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 4.4% เพราะยังต้องเผชิญกับการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาระลอกใหม่

โดยสินค้าขายดีที่สุดของเเบรนด์ Hermes เป็นกลุ่มเครื่องหนัง , เสื้อผ้า Ready-to-Wear และผ้าไหม 

• ที่มาราคาใบละ(หลาย)แสนของ “Hermes Birkin” หนึ่งในกระเป๋าแบรนด์เนมที่แพงที่สุดในโลก

Eric du Halgouët ผู้บริหารระดับสูงของ Hermes ยืนยันว่า การเติบโตของยอดขายในไตรมาสดังกล่าวไม่ใช่แรงหนุนจาก ‘ราคาที่เเพงขึ้น’ เพราะบริษัทมีการปรับราคาขึ้นเพียง 1.4%ในปีนี้

“ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 100% หรือมากกว่านั้นในทุกภูมิภาค และมีแนวโน้มที่จะเกิน 1 พันล้านยูโรในไม่ช้า”

ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณการกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งของกลุ่มสินค้าลักชัวรี โดยคู่แข่งอย่าง LVMH และ Kering ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ในวิกฤตนี้ เช่นในญี่ปุ่นที่ COVID-19 กำลังกลับมาระบาดรุนเเรงอีกครั้ง

• Hermes ลุยธุรกิจ “เครื่องสำอาง” เป็นครั้งแรก ส่งลิปสติก 24 เฉดสีเปิดตลาดสู้ Chanel-Dior

ที่มา : Reuters , wwd