CBD – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 18 Jun 2024 05:38:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “สิรัชชา พัชรโสภาชัย” จากสาวแบรนด์เนมตัวแม่สู่ “อิริเดซเซ็นท์ เมด” เจ้าแม่กัญชาเพื่อการแพทย์รายใหญ่ของไทย https://positioningmag.com/1478027 Mon, 17 Jun 2024 12:56:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1478027
  • มิณ – สิรัชชา พัชรโสภาชัย ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาวแบรนด์เนมตัวแม่ในวงการ เป็นผู้ก่อตั้งร้านโมโมโกะ, iCHi Baby Center และ Runway Closet ก่อนผันตัวสู่วงการกัญชาเต็มตัว
  • “อิริเดซเซ็นท์ เมด” โรงงานผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์รายใหญ่แบบครบวงจร เตรียมผุดโรงงานใหม่ที่ชลบุรีรองรับดีมานด์ส่งออกต่างประเทศ
  • วอนกฎหมายมีความชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการเดินหน้าลงทุนได้ชัดเจนด้วย
  • จากเจ้าแม่แบรนด์เนม สู่โรงงานกัญชา

    พูดถึง “กัญชา” หลายคนยังติดภาพลักษณ์ความเป็นผู้ชายลุยๆ หรือเป็นหนุ่มฮิปปี้แต่อย่างเดียว ตอนนี้ภาพลักษณ์ของกัญชาเริ่มมีความ Positive มากขึ้น จากการปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ หลายคนมีความเข้าใจเรื่องกัญชามากขึ้นเช่นกัน 

    เพราะฉะนั้น… ผู้หญิงก็ทำธุรกิจกัญชาได้เช่นเดียวกัน 

    Positioning พาไปพูดคุยกับ “มิณ – สิรัชชา พัชรโสภาชัย” ผู้ก่อตั้งบริษัท อิริเดซเซ็นท์ เมด จำกัด (Iridescent Med) ผู้ผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์แบบครบวงจร ถือว่าเป็นหนึ่งผู้ผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์รายใหญ่ของไทยอีกเจ้าหนึ่ง

    เส้นทางการเป็นนักธุรกิจของสิรัชชาเป็นสาวไฮโซ คลุกคลีกับสินค้าแบรนด์เนมมาโดยตลอด เป็นผู้ก่อนตั้งร้าน “โมโมโกะ” ร้านสปากระเป๋า และรองเท้าแบรนด์เนม และก่อตั้ง iCHi Baby Center โรงเรียนสอนว่ายน้ำสำหรับเด็กทารก และเด็กเล็ก รวมไปถึงได้ก่อตั้งร้าน Runway Closet ร้านเช่าสินค้าแบรนด์เนม เมื่อปั้นแบรนด์จนประสบความสำเร็จ ก็ได้ขายโมโมโกะ และ iCHi Baby Center ให้นักลงทุนรายอื่น 

    สิรัชชาได้เริ่มศึกษาธุรกิจกัญชาราวๆ 3 ปี โดยที่จุดเริ่มต้นมาจากคุณแม่ของสามีป่วยเป็นสโตรก มีอาการอัมพฤกษ์ครึ่งตัว เป็นผู้ป่วยติดเตียง จนได้ทำการศึกษาสรรพคุณของกัญชาที่ช่วยรักษาอาการของผู้ป่วยสโตรก มะเร็ง และสมอง เมื่อศึกษาก็พบว่ากัญชาสามารถรักษาได้ เลยอยากทำให้กัญชาเป็นยาได้จริงๆ ช่วยเหลือคนจริงๆ 

    “เราได้เริ่มก่อตั้งบริษัท และโรงงานอิริเดซเซ็นท์ เมดที่ย่านแพรกษาเมื่อปี 2565 ด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาท ได้พื้นที่จากครอบครัวมาทำโรงงาน ทำแบบครบวงจร มีการจ้าง R&D มีศูนย์วิจัยสายพันธุ์ที่เป็นยา รวมถึงจ้างนักปลูกกัญชาจากสหรัฐอเมริกามาช่วยบอกเทคนิคในการปลูก ส่วนที่มาของชื่ออิริเดซเซ็นท์ เมดมีความหมายที่มาการตกกระทบของแสง เหมือนกับกัญชาที่คนมองเห็นแค่ด้านดาร์กๆ แต่จริงๆ แล้วกัญชายังมีมุมสวยๆ ให้เห็นอีกมาก”

    ในช่วงแรกที่ก่อตั้งบริษัท เริ่มจากปลูกเป็นดอกไม้ก่อน และมีการบรรจุแบบอัดกระป๋องตามขนาดที่ต้องการใช้ เพื่อป้องกันอากาศเข้าไป มีทั้งทำแบรนด์ของตัวเอง และส่งขายร้านกัญชาทั่วไป แต่ต้องเป็นร้านที่มีการจดอนุญาตถูกต้องแล้วเท่านั้น 

    สิรัชชาเรียนจบทางด้านการตลาดมาโดยตรง ถนัดที่การสร้างแบรนด์ ถ้าถามว่าธุรกิจกัญชา แตกต่างจากธุรกิจสินค้าแบรนด์เนมที่ผ่านอย่างไรบ้าง เธอบอกว่า “ทุกธุรกิจมีการเริ่มต้นเหมือนกัน ต้องมีการสร้างแบรนด์ แต่ธุรกิจกัญชามีความยากที่ตัวกฎหมาย ยังไม่มีความชัดเจน และไม่มีการควบคุมที่ชัดเจน ประกอบกับต้องสู้กับความเชื่อผิดๆ ของคน หน้าที่ของเรา คือ ต้องสู้ด้วย Know How ต่างๆ”

    ปักหมุดโรงงานแห่งใหม่ ใช้พลังงานสะอาด

    ปัจจุบันสินค้าและบริการของ อิริเดซเซ็นท์ เมด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่

    1. ช่อดอกกัญชาเพื่อการแพทย์ โดยเน้นตลาดส่งออกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
    2. ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง CBD เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เวชสำอาง น้ำมันนวดตัว เจลบรรเทาปวด
    3. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม CBD เช่น เจลลี่เพื่อสุขภาพ น้ำมันหยดใต้ลิ้น CBD

    สำหรับโรงงานของ อิริเดซเซ็นท์ เมด แบ่งเป็น 3 ส่วน

    1. โรงงานสำหรับปลูกเพื่อผลิตช่อดอกแห้งเพื่อการแพทย์ (Medical grade Cannabis) แบบระบบปิด ทั้งดอก CBD สูง และ THC สูง มี ซึ่งได้รับมาตรฐาน Global GACP CUMCS จาก Control Union มีกำลังการผลิต 1,000 กิโลกรัม/ปี  เพื่อส่งออกต่างประเทศหลัก ไปให้แพทย์จ่ายในคลินิกทั้งภายใต้แบรนด์ Iridescent Med. และส่งแบบ OEM อีกด้วย
    2. โรงงานที่ผลิตสินค้า และอาหารเสริมที่มี CBD เป็นส่วนผสม เนื่องจากการผลิตสินค้าดังกล่าวจำเป็นต้องแยกมาจากโรงงานที่ผลิตสินค้าปกติ ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการรับผลิตสินค้า CBD อีกทั้งปัจจุบันทางบริษัทยังมีแบรนด์ของตัวเอง ทั้ง Iridescent และ Aryu. โดยมีสินค้าหลากหลายทั้งเครื่องสำอาง และอาหารเสริม
    3. โชว์รูมสำหรับขายสินค้า เพื่อให้โชว์รูมของสินค้า คาดว่าจะเริ่มทำเป็นเคาน์เตอร์ แบรนด์ทั้งในไทย และต่างประเทศในอนาคต

    Iridescent Med

    ตอนนี้มีแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรี ด้วยขนาดพื้นที่ 20 ไร่ ใหญ่กว่าโรงงานที่แพรกษา 10 เท่า ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท เป็นพื้นที่โรงงานเก่าของครอบครัว เอามาปรับเปลี่ยนเป็นโรงงานผลิตกัญชา ที่จะมีระบบพลังงานสะอาดมากขึ้น สามารถนำแก๊สมาหมุนเป็นพลังงาน และน้ำเสียมาหมักเป็นแก๊สเพื่อปั่นไฟได้ด้วย ทำให้ต้นทุนค่าพลังงาน ค่าผลิตต่ำลง และมีการปล่อยคาร์บอน ฟุตปริ้นท์ที่ต่ำมาก ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ช่วยลดภาษีได้ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือราวๆ 20 ตัน/ปี

    ล่าสุดอิริเดซเซ็นท์ เมดเพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน GACP เมื่อเดือนพฤษภาคม ทำให้สามารถส่งออกกัญชาล็อตแรกได้เดือนกรกฎาคม หมุดหมายแรกก็คือ ประเทศออสเตรเลีย ที่ปริมาณ 30 กิโลกรัม

    หลังจากที่ได้เริ่มคิกออฟส่งออกต่างประเทศ ก็จะเน้นการส่งออกเป็นหลัก เพราะตลาดส่งออกมีการเติบโตขึ้นทุกปี เป้าหมายต้องการส่งออกไปเยอรมัน, ออสเตรเลีย และอิสราเอล โดยที่อิสราเอลเป็นประเทศที่มีการใช้กัญชาเยอะที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ราวๆ 55 ตัน/ปี เป็นการใช้ทางการแพทย์ ควบคุมโดยแพทย์ทั้งหมด 

    Iridescent Med

    ปัจจุบันอิริเดซเซ็นท์ เมดมีสินค้ากัญชาเพียงแค่ช่อดอกเท่านั้น แต่ในอนาคตมีแผนจะทำน้ำมันหยดสำหรับสัตว์เลี้ยง เนื่องจากเห็นว่าสัตว์เลี้ยงเมื่ออายุเยอะขึ้นระบบตับไตจะทำงานไม่ค่อยดี น้ำมันกัญชาจะช่วยทำให้ตับ ไตของน้องๆ ทำงานได้ยาวขึ้น จะเริ่มในช่วงปลายปีนี้

    “ตอนนี้กฎหมายควบคุมออกได้แค่ดอกเท่านั้น แต่จะเปิดโรงงานสำหรับทำเครื่องสำอางอีกโรง เป็นการปลูกกัญชงแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ CBD เพื่อเข้าไปลดอัตราการอักเสบในร่างกาย มีสินค้าทั้งครีม สบู่ โลชั่น ทำเป็นแบรนด์ลูก เพื่อให้คนไม่สับสนกับกัญชา” 

    สิรัชชามีการตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ที่ 300 ล้านบาท แต่สิรัชชาบอกว่า เป้าหมายอยากให้ธุรกิจไปถึงหลักพันล้านให้ได้ 

    เชียร์ให้กฎหมายแข็งแรง คุมมาตรฐาน

    แม้กัญชาจะได้รับการปลดล็อกมาตั้งแต่ปี 2564 แล้ว ทำให้เห็นธุรกิจกัญชาเพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ตอนนี้ผู้ประกอบการก็เริ่มมีการสั่นคลอนกันยกใหญ่ เพราะรัฐบาลเตรียมจะชงให้กัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง

    ในประเด็นนี้ สิรัชชาให้ความคิดเห็นว่า “กฎหมายฉบับแรกมีความเสรีเกินไป เข้าใจว่าทางรัฐบาลมองว่าจะดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ แต่อยากให้มีการควบคุมให้อยู่ในร่องในรอย ทำให้กฎหมายแข็งแรงขึ้น ควบคุมการเข้าถึงของเยาวชน รวมถึง ควบคุมการปลูกกัญชาให้มีมาตรฐานมากขึ้น เพราะกัญชาเป็นพืชที่เซ็นซิทีฟสูง”

    Iridescent Med

    แต่เมื่อกฎหมายยังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักลงทุนยังไม่สามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง โรงงานที่จะสร้างใหม่เลยยังไม่ได้สร้างต่อ เพราะมีข่าวแว่วว่าจะมีการจัดโซนนิ่งโรงงานกัญชาอีก ทำให้ตอนนี้ต้องรอความชัดเจนของกฎหมายอย่างเดียว   

    “จริงๆ เราอยากลบภาพลักษณ์กัญชาในอดีต ตอนนี้มันมีงานวิจัย มีการ R&D มีแพทย์รับรอง ยกตัวอย่างประเทศเยอรมันที่มีการเอากัญชาเข้าสู่สวัสดิการ มีการทดลองในกลุ่มเล็ก ยังไม่มีปัญหาอะไร มีคลินิกกว่า 24,000 แห่งรองรับ มีแพทย์คอยควบคุม”

    แต่ถ้าเกิดว่ากฎหมายมีการปรับให้กัญชาเข้าสู่ยาเสพติดอีกครั้ง สิรัชชามองว่าร้านกัญชาที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการประเมินว่าน่าจะมีกว่าหมื่นแห่งทั่วประเทศ น่าจะต้องล้มหายตายจาก อาจจะเหลือหลักพันแห่งที่ขออนุญาตอย่างถูกต้อง

    แน่นอนว่าในแง่ของผู้ประกอบการน้อมรับในกฎหมาย เพียงแค่อยากให้มีความชัดเจน เพื่อจะได้เดินหน้าต่อเท่านั้นเอง

    ]]>
    1478027
    “ฮ่องกง” เตรียมแบนสินค้าผสม CBD จาก “กัญชา” ผู้ประกอบการคอตก อาจต้องปิดกิจการ https://positioningmag.com/1396213 Mon, 15 Aug 2022 10:59:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396213 ผู้ประกอบการทำใจ “ฮ่องกง” เตรียมแบนสินค้าผสมสาร CBD จาก “กัญชา” ก่อนถึงปี 2023 เนื่องจากรัฐมองว่า CBD อาจแปรสภาพเป็น THC ได้ทั้งโดยเจตนาและโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ธุรกิจต่างๆ จะคัดค้านแล้ว แต่แนวโน้มสูงที่ผู้ประกอบการด้านกัญชาจะต้องปิดกิจการ

    สินค้าอาหารเครื่องดื่มที่ผสมสาร CBD จากกัญชาถือเป็นสินค้าที่ยังไม่มีการควบคุมโดยเฉพาะในฮ่องกง ต่างจากสาร THC จากกัญชาที่ถือเป็นสารเสพติดผิดกฎหมาย ทำให้สินค้าผสมสาร CBD เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากคาเฟ่และร้านค้า CBD แห่งแรกในชื่อ “Found” ที่เปิดบริการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 หลังจากนั้นมีร้านค้า คาเฟ่ สินค้าต่างๆ ตามมาอีกจำนวนมาก เช่น กาแฟหรือเบียร์ผสม CBD

    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรัฐบาลฮ่องกงเตรียมร่างกฎหมายเพื่อ “แบน” สาร CBD ด้วยเช่นกัน และคาดว่าจะออกกฎหมายได้ก่อนถึงปี 2023 ทำให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องตกอยู่ในความโกลาหล

    “เมื่อฮ่องกงเกิดการแบน CBD อย่างสมบูรณ์ เราคงถูกบีบให้ส่งแบรนด์ Found ขึ้นหิ้ง ไม่สามารถนำมาขายได้อีก” Fiachra Mullen ซีเอ็มโอบริษัท Altum International ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน Found และเป็นซัพพลายเออร์สินค้าผสม CBD ให้กับธุรกิจอื่นๆ ทั่วเกาะฮ่องกง กล่าว

    CBD กัญชา
    สารสกัด CBD แบบใช้ผสมกับเครื่องดื่ม (Photo: Found HK)

    CBD นั้นเป็นสารจากกัญชาที่ไม่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ผู้บริโภคหลายรายให้ความเห็นว่าสารนี้มีส่วนช่วยให้คลายกังวล คลายเครียด ลดความเจ็บปวดทางกาย และในระดับโลกแล้ว สาร CBD ได้กลายมาเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงหลายปีมานี้ หลังจากถูกนำไปใช้ผสมในสินค้าหลายชนิด เช่น ขนม เยลลี่ น้ำมัน เครื่องสำอาง และเป็นสารที่ได้รับการเปลี่ยนสถานะให้ถูกกฎหมายแล้วในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรปบางส่วน ประเทศไทย ญี่ปุ่น เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว จีนแผ่นดินใหญ่เพิ่งจะออกกฎหมายแบนสาร CBD จากกัญชา และอาจจะเป็นต้นแบบให้ฮ่องกงปฏิบัติตาม

     

    รัฐกังวลการเปลี่ยน CBD เป็น THC

    รัฐบาลฮ่องกงชี้ว่า สาร CBD นั้นสามารถสลายตัวตามธรรมชาติ หรือถูกเปลี่ยนแปลงโดยเจตนาให้กลายเป็นสาร THC ได้ และสาร THC นี้เองที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท แบบที่ผู้สูบกัญชารู้สึกกันนั่นคืออาการ ‘high’ เคลิบเคลิ้ม และสารนี้เป็นกลุ่มที่ผิดกฎหมายในฮ่องกงอยู่แล้ว

    Dr.Albert KK Chung ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่คณะจิตวิทยา University of Hong Kong ระบุว่า ความร้อนสูงหรือแสงอาทิตย์สามารถสลายเปลี่ยน CBD ให้กลายเป็น THC ได้

    “ถ้าคุณมี CBD ที่ไม่ได้เก็บรักษาอย่างถูกต้อง มันอาจเกิดการสลายตัวดังกล่าวได้” Chung กล่าว และย้ำอีกครั้งว่าการรับประทานสาร THC อาจทำให้เกิดอาการทางจิตหรือผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารได้

     

    ผู้ประกอบการแจง ‘ดูแลได้’ …แต่รัฐคงไม่ถอย

    Mullen กล่าวว่า Altum มีการทดสอบผลิตภัณฑ์ของตนก่อนถึง 4 รอบในแล็บ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสาร THC หลุดออกไปสู่ลูกค้า

    ขณะที่ Tammy Tam ผู้ร่วมก่อตั้งเบียร์ยี่ห้อ plantB ซึ่งเป็นเบียร์ผสมสาร CBD ก็กล่าวเช่นกันว่า บริษัทของเธอใช้ผลิตภัณฑ์สารผสมที่ได้รับการรับรองแล้วว่าปลอด THC รวมถึงบริษัททำงานในระดับที่เข้มข้นยิ่งกว่าข้อกำหนดของรัฐเสียอีก

    ผลิตภัณฑ์ CBD สำหรับสัตว์เลี้ยงก็มีจำหน่ายอยู่ในฮ่องกง (Photo: Found HK)

    ผู้บริโภคที่เลือกใช้  CBD นั้นก็เพื่อความหวังว่าจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ลดความเจ็บปวดจากโรค หรือทำให้รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นโดยทั่วไป มีงานวิจัยล่าสุดชิ้นหนึ่งพบว่าสารชนิดนี้ช่วยลดความรุนแรงของโรควิตกกังวลในคนหนุ่มสาวได้ แต่ Chung แย้งว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนพอว่ามีประโยชน์จริง และมองว่าส่วนใหญ่ในโลกที่อนุญาตให้ใช้สาร CBD เพื่อการรักษานั้น ก็จะใช้มันเพื่อรักษาอาการของโรคที่พบเห็นได้ยากเท่านั้น เช่น โรคลมชักขั้นรุนแรง

    Dr.Calvin Ho ผู้อำนวยการร่วมของ HKU’s Centre for Medical Ethics and Law คาดว่ารัฐบาลฮ่องกงจะแบน CBD ด้วยเหตุผลในการปฏิบัติจริง “ด้วยความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ รัฐบาลน่าจะเลือกหนทางแบบปลอดภัยไว้ก่อน” เขากล่าว

    หลังจากกรอบการออกกฎหมายได้รับคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2022 นี้ ธุรกิจที่เกี่ยวกับ CBD บนเกาะฮ่องกงน่าจะเรียกได้ว่ามาถึงจุดจบ

    “เรามีรายได้ทางนี้ทางเดียว” Tam จาก plantB กล่าว “การแบนจะทำให้เราไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากปิดกิจการ”

    Source

    ]]>
    1396213
    อีสเทิร์น สเปคตรัม กรุ๊ป วางแผนบรรลุเป้าหมายสำคัญ เก็บเกี่ยวผลผลิต 2.5 ล้านต้นต่อปี https://positioningmag.com/1349506 Tue, 31 Aug 2021 15:05:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1349506 อีสเทิร์น สเปคตรัม กรุ๊ป (Eastern Spectrum Group Co., Ltd.: ESG) ผู้เพาะปลูก แปรรูปพืชกัญชง และผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง (CBD) เกรดทางการแพทย์แบบครบวงจรของประเทศของไทย เดินหน้าขยายกำลังการผลิตที่วิทยาเขตเพาะปลูกเชิงพาณิชย์ จังหวัดราชบุรีเพื่อเติมเต็มแผนเพาะปลูกพืชให้ได้มากกว่า 2.5 ล้านต้นต่อปี

    ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการส่งเสริมการเพาะปลูกบนพื้นที่กลางแจ้ง อีกทั้งยังเป็นต้นแบบให้กับเกษตรกรท้องถิ่น เพื่อเป็นการปูทางไปสู่พื้นที่เพาะปลูกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยESG มุ่งมั่นผลักดันการเพาะปลูกกัญชงในวงกว้าง โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินการเพาะปลูกกัญชงอย่างน้อย 5,000 ไร่ ผ่านโครงการทำไร่ตามสัญญาภายในปี2566

    ESG คือผู้เพาะปลูกกัญชงในครัวเรือนและเชิงพาณิชย์ชั้นนำของประเทศไทยที่มีความสามารถสูงในการผลิตทางอุตสาหกรรม ด้วยการลงทุนครั้งสำคัญในการเพาะปลูกครั้งนี้ ESG ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการขยายตลาดในระดับภูมิภาคสำหรับสารสกัดจากกัญชง ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค และสินค้าทางอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมและต่อยอดเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง

    ESG และบริษัทในเครืออย่างอีสเทิร์น สเปคตรัม แลปส์ (ESL) ได้ผนึกกำลังกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย รวมถึงมหาวิทยาลัยแม่โจ้และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อการเพาะปลูกกัญชาและกัญชง การแปรรูปกัญชา และสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้สารแคนนาบินอยด์ ESG ได้ร่วมดำเนินการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชาและกัญชงที่จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในสภาพอากาศกลางแจ้งของไทยเพิ่มเติมจากสายพันธุ์ที่พัฒนาให้เหมาะสำหรับการใช้ในภาคอุตสาหกรรม

    default

    ESG กำลังจะได้รับการรับรอง GACP เพื่อการเพาะปลูกในไม่ช้า อีกทั้งจะได้รับการรับรอง PIC/S GMP สำหรับการสกัด โดยเป็นการยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้นั้นไม่เพียงแต่มีคุณภาพสูงและปลอดภัยที่สุดเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรมอีกด้วย ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกของเรายังได้เป็นแกนหลักสำคัญในการวิจัยและพัฒนาตัดต่อพันธุกรรมเพื่อให้ได้สายพันธุ์ชนิดใหม่ที่มีแคนนาบินอยด์เข้มข้น เพื่อเป็นการยกระดับให้สารสกัดจากใบกัญชงของไทยน่าสนใจยิ่งขึ้นทั้งในสายตาของผู้ประกอบการในท้องถิ่น และนักลงทุนต่างประเทศ กลยุทธ์นี้ใช้เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการใช้ประโยชน์จากกัญชงคุณภาพเป็นพืชเศรษฐกิจ ตลอดจนผลักดันชื่อเสียงของประเทศในฐานะที่มีแรงงานด้านเกษตรกรรมที่มีทักษะ และมีความหลากหลายในระดับภูมิภาค

    คุณธนิสร บุญสูง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์น สเปคตรัม กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นของ ESG ในการลงทุนการผลิตของประเทศไทย เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราต่อกัญชงว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล เรามองว่ากัญชงเป็นโอกาสในการกระจายภูมิทัศน์ทางการเกษตรในปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นพืชผลที่มีความยั่งยืน มีมูลค่าสูง และมีการหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว กัญชงถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในท้องถิ่นและผู้มีส่วนได้เสียจากทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรม ตั้งแต่ผู้จัดจำหน่ายผู้ส่งออกเครื่องสำอางและอาหารไปจนถึงผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบสำหรับห้องปฏิบัติการ”

    ภารกิจของอีสเทิร์น สเปคตรัม กรุ๊ป คือการให้บริการผลิตภัณฑ์สารสกัด CBD คุณภาพสูงที่ได้รับการดูแลและการจัดการอย่างดีนับตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ไปจนถึงการจำหน่าย ผ่านการผลิต CBD แบบบูรณาการตามกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ พร้อมด้วยการควบคุมคุณภาพภายใต้มาตรฐานสูงสุด

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.easternspectrum.com

    ]]>
    1349506