Central Park – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 08 Sep 2025 05:13:41 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 วิเคราะห์ Central Park ท้าชน One Bangkok ศึก Retail Hub ปลุกย่านพระรามสี่-สวนลุมพินี ระอุ https://positioningmag.com/1537096 Mon, 08 Sep 2025 04:41:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1537096 ย่านพระรามสี่-สวนลุมพินี ของกรุงเทพฯ กำลังกลายเป็น สมรภูมิรีเทลที่ร้อนแรงที่สุด เมื่อ 2 โปรเจกต์ยักษ์ใหญ่เปิดตัวไล่เลี่ยกันในระยะไม่กี่ร้อยเมตร นั่นคือ

  • Central Park ศูนย์การค้าใหม่ล่าสุดจาก CPN เปิดตัว 4 ก.ย. 68
  • One Bangkok เมืองครบวงจรจากกลุ่มทีซีซี เปิดตัว 25 ต.ค. 67

โดยบิ๊กเนม 2 รายนี้ ต่างขนจุดแข็งที่ไม่ซ้ำกันลงสนาม แข่งกันชัด ๆ ระหว่างCommunity Hub ที่เข้าถึงง่าย กับ Luxury Magnet ระดับโลก

Central Park หัวมุมพระรามสี่-สีลม เดินง่าย + ของกินเพียบ

เพิ่งเปิดม่านต้อนรับนักช้อป เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2568 สด ๆ ร้อน ๆ บนพื้นที่กว่า 130,000 ตร.ม. จัดเต็มร้านค้า 550 ร้าน แต่ทำเลย์เอาท์ให้เดินง่าย ไม่หลงทาง

ผังห้างชัดเจน เช่น

  • ชั้น LG : Street Food + ร้านมิชลิน
  • ชั้น 2 : แฟชั่นวัยรุ่น + ร้านอาร์ตทอย
  • ชั้น 3 : แฟชั่นสปอร์ต + เอาต์ดอร์
  • ชั้น 5 : อาหารพรีเมียม ร้านดัง และคอนเซ็ปต์ใหม่

Central Park กรุงเทพ CPN เซ็นทรัล

CPN ตั้งใจวาง Central Park ให้เป็นมากกว่า “ห้าง” แต่คือ Hub ของชีวิตประจำวัน ที่ใช้พลัง “ของกิน” ทั้งร้านมิชลิน คาเฟ่ดัง และสตรีทฟู้ด ดึงทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มักมากินตามรอยร้านดัง รวมถึงดูดคนทำงานย่านสีลม เข้ามาใช้เวลาที่นี่ได้ทุกวัน

หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็น “ห้างที่ทุกคนเข้าถึงได้” ไม่ว่าจะสายช้อป สายกิน หรือสายแฮงก์เอาต์

ขณะที่ ของกินยังสร้าง Traffic ซ้ำ ได้ดีกว่าแฟชั่น เพราะคนกินวันละ 3 มื้อ และกินได้ทุกวัน ต่างเสื้อผ้าที่ไม่ได้ซื้อทุกวัน

One Bangkok ห้างหรูคอนเซ็ปต์ทำเมืองในเมือง

One Bangkok เปิดตัวก่อนหน้าเมื่อ 25 ต.ค. 67 ด้วยพื้นที่ศูนย์การค้าใหญ่กว่า 160,000 ตร.ม. ดีไซน์แบบ รีเทลลูป 3 อาคารเชื่อมถึงกัน เปรียบเสมือนการสร้างเมืองใหม่ ในใจกลางกรุงเทพฯ เพราะทุกอย่างมีครบทั้งของกิน แหล่งช้อป ที่ทำงาน และแฮงก์เอาต์

ความโดดเด่นหลัก คือ

  • การมี Duty Free กลางเมืองครั้งแรก
  • Mitsukoshi Depachika ซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมียมส่งตรงจากญี่ปุ่นครั้งแรกในไทย
  • การโฟกัสลูกค้ากลุ่มบนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มตัว

และใน ปลายปี 2569 เตรียมเปิดศูนย์การค้าเฟส 2 คือ POST 1928 ที่เป็น Shopping Street แห่งแรกของกรุงเทพฯ รวมแบรนด์หรู Stand Alone ระดับโลก ตั้งแต่แฟชั่น ไฮจิวเวลรี่ ยันสตรีทแวร์พรีเมียม ยกระดับไทยสู่ Luxury Hub ในสายตาของชาวต่างชาติ

และด้วย One Bangkok เลือกเจาะกำลังซื้อระดับบน ทำให้เป็น Demand ที่ “พร้อมจ่าย” ไม่ใช่แค่เดินเล่นเท่านั้น

One Bangkok

สรุปสั้น ๆ

Central Park = Mass & Food Power
ใช้ “ของกิน” เป็นแม่เหล็ก สร้าง Traffic และทำตัวเป็นศูนย์กลางชีวิตประจำวันของคนเมือง ได้กลุ่ม Mass + นักท่องเที่ยว + พนักงานออฟฟิศ

One Bangkok = Luxury & Global Magnet ใช้แบรนด์หรู + Duty Free สร้างภาพลักษณ์ระดับโลก เจาะลูกค้าต่างชาติ + กลุ่มกำลังซื้อสูงที่ต้องการประสบการณ์แบบ World-class

ศึกนี้ใครมีโอกาสชนะ?

Central Park ได้เปรียบตรงอาจสร้าง Traffic ได้สูงเพราะทุกคนต้องกิน และการเน้น Community ทำให้คนใช้ห้างเป็น Routine

One Bangkok ได้เปรียบตรง Ticket Size ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงมาก และช่วยสร้างภาพลักษณ์ “กรุงเทพฯ เป็น Global Luxury Hub”

ดังนั้น สุดท้ายแล้ว ผู้ชนะอาจไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือ ย่านพระรามสี่ ที่จะถูกยกขึ้นเป็น Global Retail District ของกรุงเทพฯ

]]>
1537096
สรุป “เซ็นทรัล พาร์ค” ศูนย์การค้าใหม่ติดสวนลุมฯ เดินง่าย + ของกินเยอะ https://positioningmag.com/1536840 Thu, 04 Sep 2025 12:03:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1536840 “เซ็นทรัล พาร์ค” เปิดวันนี้ (4 ก.ย. 68) วันแรก ภาพรวมเป็นศูนย์การค้าเดินง่าย โดยมีการแบ่งโซนในแต่ละชั้นชัดเจน

สรุปแบบเร็ว ๆ จะมีทั้งหมด 7 ชั้น ดังนี้

ชั้น LG : Parkside Market

เน้นโซนอาหารสตรีทฟู้ดเป็นหลัก และมีร้านมิชลินด้วย อาทิ เบญจรงค์ปาย, ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกคุณประนอม, ขาหมูโบราณกระทู้ ภูเก็ต, นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า, ราดหน้ายอดผักสูตร 40ปี (ศาลเจ้าพ่อเสือ), ข้าวมันไก่โกยี

ชั้น G : Parkside Food Hall

รวมร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ชื่อดัง อาทิ ทองสมิทธิ์, ฟ้าประทาน, Souri, Yole, Chadee รวมถึงร้านใหม่ ๆ อย่าง Downtown by Fran’s ของเครือ iberry Group เป็นต้น รวมถึง Top Food Hall ก็อยู่ชั้นนี้ด้วยเช่นกัน

ชั้น 1 About Fashion สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ นาฬิกา อาทิ YSL, TORY BURCH, ยูนิโคล่ (เปิดเดือน ต.ค.), BOYY

ชั้น 2 Fashion Playglound แฟชั่น อาร์ตทอย น้ำหอม เครื่องสำอาง อาทิ Popmart, Zara, Cross, Sephora, Lacoste

ชั้น 3 Active Energy โซนสปอร์ต และ แฟชั่น เช่น Adidas, Nike, Onitsuka, New Balance, Beautrium

ชั้น 4 Gadgets & Services สินค้าไอที ธนาคารต่าง ๆ และ โซนความงาม อาทิ True, AIS, Asiabooks, Banana

ชั้น 5 Parkside Eatery ร้านพรีเมียม ร้านอาหารเปิดใหม่ และร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ เช่น Hikiniku to come, Kiwamiya, MAGURO Kappou, Katsu midori shushi, แก้ว Boutique, fastfoot, Saemaeul

ชั้น 6 The Glasshouse ร้านอาหารดาดฟ้าวิวพาโนรามา พร้อมเชื่อมต่อกับสวนลอยฟ้า สวนดุสิตอรุณ ได้ด้วย

POP MART สาขาเซ็นทรัล พาร์ค

“อาหาร” = จุดดึงทราฟฟิกที่ทรงพลังที่สุด

ปกติศูนย์การค้าโซนกลางเมือง มักเน้นไปที่แฟชั่น ลักชัวรี หรือไลฟ์สไตล์วาไรตี้ แต่ “เซ็นทรัล พาร์ค” ชูเรื่องร้านอาหารมากกว่า โดยรวมร้านหลายสไตล์ตั้งแต่ร้านดังคนต่อคิวยาว ร้านสตรีทฟู้ด และร้านที่ได้ดาวมิชลิน สร้างแรงดึงดูดได้อย่างมหาศาล

ซึ่งรอบโครงการเต็มไปด้วย นักท่องเที่ยว, expat, พนักงานออฟฟิศ กลุ่มนี้มีทั้งสายกินด่วน (Street food, Grab & Go) และสายดินเนอร์หรู (Michelin, fine dining) การเน้นอาหารหลายเซ็กเมนต์จึงครอบคลุมลูกค้าหลากหลายกำลังซื้อ

ร้านมิชลินสตาร์

ประกอบกับเทรนด์ Culinary Tourism ทำให้คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวต่างชาติ มักเลือก “กินอะไร” เป็นอันดับแรกในการเที่ยว ซึ่งกรุงเทพฯ เองก็ติดอันดับ เมืองที่มีสตรีทฟู้ดดีที่สุดในโลก

ดังนั้น CPN จึงยก Bangkok’s Global Dining Stage เป็น positioning ของ เซ็นทรัล พาร์ค เพื่อให้ห้างนี้กลายเป็น Landmark ด้านอาหารในเอเชีย (ไม่ใช่แค่ในไทย แต่มองภาพใหญ่ไปถึงภูมิภาค)

เซ็นทรัล พาร์ค กรุงเทพ

วางเกมโตระยะยาว

CPN เคยให้ข้อมูลว่า เซ็นทรัล พาร์ค จะมีขนาดเทียบเท่า เซ็นทรัล แอมบาสซี แตกต่างตรงที่ เซ็นทรัลแอมบาสซีวาไรตี้ และแบรนด์แฟชั่นลักชัวรี ส่วนเซ็นทรัลพาร์ค แบรนด์แฟชั่นจะไม่ถึงขนาดลักชัวรี แต่มีร้านอาหารมากกว่าถึง 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม แม้ค่าเช่าร้านอาหาร จะไม่สูงเท่าลักชัวรีแบรนด์ แต่อัตราการหมุนเวียนลูกค้าสูงกว่ามาก

เมื่อลูกค้ากลับมาซ้ำบ่อย ๆ เท่ากับ การันตี traffic และรายได้ต่อเนื่อง ทำให้โมเดลของ Central Park มั่นคงมากกว่าการพึ่งพาแฟชั่นอย่างเดียวนั่นเอง และเป็นการสร้างความแตกต่าง ให้ “เซ็นทรัล พาร์ค” แข็งแกร่ง และสู้ได้ในสมรภูมิศูนย์การค้าพระรามสี่ที่มีคู่แข่งมากหน้าหลายตา!

]]>
1536840
“เซ็นทรัล พาร์ค” เปิดเฟสแรก 4 ก.ย. 68 คาดดึงนักท่องเที่ยวได้ 25 ล้านคน/ปี ยก กทม. สู่ ‘มหานครระดับโลก’ https://positioningmag.com/1534332 Tue, 19 Aug 2025 06:49:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1534332 การเปิดตัว เซ็นทรัล พาร์ค (Central Park) ของ CPN ไม่ใช่แค่การเปิดศูนย์การค้าอีกแห่ง แต่คือการประกาศ ยกระดับ “กรุงเทพฯ” ในฐานะเมืองระดับโลก (Global City) เพราะหัวใจของโครงการนี้ ไม่ได้ขายแค่ช้อปปิ้งหรือกินดื่ม แต่ขาย ภาพฝันเมืองอนาคต ที่ไทยไม่เคยมีมาก่อน

ถ้า “Central Park New York” ทำหน้าที่เติมชีวิตให้มหานครที่เร่งรีบ “เซ็นทรัล พาร์ค กรุงเทพฯ” ก็เลือกเดินเกมเดียวกัน

โดยปั้น Roof Park 7 ไร่ พื้นที่ 11,000 ตารางเมตร (ดูดซับ CO₂ เทียบเท่าต้นไม้ใหญ่ 900 ต้น) เชื่อมสวนลุมพินี ให้กลายเป็น Green Spine ของเมือง และเติมมิติไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ตั้งแต่สตรีทฟู้ด Michelin Guide ไปจนถึงแฟชั่น

“Central Park กำลังนิยามกรุงเทพฯ ให้เป็นมากกว่า ‘เมืองท่องเที่ยว’ แต่เป็น มหานครที่คนอยากอยู่ ใช้ชีวิต และลงทุน”

Roof park สวนลอยฟ้าดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
Roof Park ของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม. ไม่เคยมีมิกซ์ยูสที่อยู่ติดกับ Park (สวนลุมพินี) เหมือนอย่าง Central Park New York และ Hyde Park ลอนดอน

ทำให้เราออกแบบให้ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล พาร์ค พื้นที่ (GBA) 130,000 ตร.ม. รองรับความหลากหลายของชีวิต ปัจจุบันมีอัตราการเช่าไปแล้วกว่า 90%

“เฟสแรกที่เปิด ก.ย. 68 นี้ คาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวได้ 30,000 คน/วัน ส่วนอนาคตหลังเปิดศูนย์การเต็มศักยภาพ คาดมีทราฟฟิกคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ 70,000 คน/วัน หรือรวม 25 ล้านคน/ปี”

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา

อีกหนึ่งหมัดเด็ดของ เซ็นทรัล พาร์ค คือ การวางกรุงเทพฯ เป็น Culinary Landmark ของเอเชีย ผ่าน Parkside Market และ Michelin Street Foods เรียกได้ว่าตั้งใจให้ Central Park กลายเป็น Bangkok’s Global Dining Stage

ร้านดังเปิดในไทยครั้งแรก เช่น
  • คิวามิยะ ร้านเทปันยากิที่มีสเต๊กวากิว ต้นตำรับจากญี่ปุ่น
  • โควไบ พรีเมียมชาบู
  • Long Jing อาหารจีนฟิวชันจากหางโจว
  • Super Matcha ชาเขียวพรีเมียมสุดฮิตจากเกาหลี
  • CHEONGDAM GARDEN (KOREAN GRILL)
ร้านดังคอนเซ็ปต์ใหม่ อาทิ
  • MAGURO KAPPOU
  • GRILL YAMAYA
  • SUN MOULIN
  • CHAGEE
  • BAR B Q PLAZA
  • NOSE TEA
  • CHONGDEE
ร้านดังคิวยาว อาทิ
  • HIKINIKU TO COME
  • KATSU MIDORI
  • SHABU BARU
  • FORTUNE COOKIE EXPRESS
Michelin Guide และสตรีทฟู้ด 70 ร้านดัง กว่า 1,000 เมนู เยอะที่สุดในกรุงเทพฯ ที่ชั้น LG อาทิ
  • เบญจรงค์ปาย
  • ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกคุณประนอม
  • ขาหมูโบราณกระทู้ ภูเก็ต
  • นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็งเสาชิงช้า
  • ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี (ศาลเจ้าพ่อเสือ)
  • ข้าวมันไก่โกยี

“เซ็นทรัล พาร์ค เน้นความเป็นวาไรตี้คล้ายเซ็นทรัล แอมบาสซี แต่มีจำนวนร้านอาหารมากกว่าถึง 2 เท่า ขณะที่แฟชั่นอาจจะไม่แตะถึงลักชัวรี เน้นระดับ Upper Middle Class”

ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
ภาพจำลองโซนร้านอาหารในเซ็นทรัล พาร์ค

จุดแข็งของ Central Park คือการปักหมุดบน Super Core CBD ตรงหัวมุมถนนสีลม–พระราม 4 ทำเลเดียวที่สามารถเชื่อม 4 ย่านหลักของกรุงเทพฯ

  • สีลม-สาทร (CBD ดั้งเดิม)
  • สุขุมวิท-ราชประสงค์ (New CBD / Embassy Zone)
  • เจริญกรุง-ริเวอร์ไซด์ (Creative District)
  • เยาวราช-เมืองเก่า (Cultural Core)

“ด้วยที่ตั้งโครงการ เป็นทำเลศักยภาพของ กทม. มีทราฟฟิกผู้เดินทาง Commuter มากกว่า 70,000 คน/วัน”

ขณะที่ ในมุมเศรษฐกิจ “เซ็นทรัล พาร์ค” เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค กว่า 46,000 ล้านบาท คือการสร้าง “Soft Power แบบมีพื้นที่จริง” ที่เชื่อมธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหาร และธุรกิจ ให้กลายเป็นตัวตนใหม่ของกรุงเทพฯ บนเวทีโลก

ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค

]]>
1534332
พรีวิวคอนเซ็ปต์ “Central Park” ส่วนรีเทลและออฟฟิศใน “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” แลนด์มาร์กใหม่กรุงเทพฯ https://positioningmag.com/1447278 Mon, 09 Oct 2023 10:05:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447278
  • “เซ็นทรัลพัฒนา” พาร์ทเนอร์ผู้พัฒนาในส่วนรีเทลและออฟฟิศของโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Central Park” สำหรับส่วนศูนย์การค้าและสำนักงาน
  • คอนเซ็ปต์สร้างศูนย์การค้าที่เป็น “Curated Experience” เน้นร้านค้าที่เป็นเอกลักษณ์ ตอบสนองไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง วางเป้าทราฟฟิก 25 ล้านคนต่อปี
  • “Central Park” ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งที่ 3 ของกลุ่มเซ็นทรัลในใจกลางกรุงเทพฯ ต่อจาก “เซ็นทรัลเวิลด์” แยกราชประสงค์ และ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” บนแยกเพลินจิตวิทยุ
  • โครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของภาคเอกชนที่ถูกจับตามอง เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี สถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่มีประวัติยาวนาน 50 ปี ก่อนจะปิดทุบปรับปรุงใหม่เป็นโครงการเมกะโปรเจ็กต์มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท

    โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คนี้ทางกลุ่มดุสิตธานีมีการร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัล โดยทางเซ็นทรัลเป็นผู้รับผิดชอบพัฒนาในส่วนศูนย์การค้าและสำนักงาน ส่วนกลุ่มดุสิตธานีดูแลการพัฒนาโรงแรมและคอนโดมิเนียม

    ในที่สุด “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ได้ฤกษ์เปิดพรีวิวคอนเซ็ปต์การพัฒนา “Central Park” แบรนด์ใหม่สำหรับส่วนรีเทลและออฟฟิศ เป็นแบรนด์เฉพาะเพื่อโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โดยต้องการให้เป็นแลนด์มาร์กศูนย์การค้าสำคัญอีกแห่งหนึ่งของกลุ่มเซ็นทรัล

    Central Park ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
    บรรยากาศจำลอง ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค

    เฉพาะส่วน Central Park นี้บริษัทร่วมทุนมีการลงทุนไป 20,000 ล้านบาท ก่อสร้างเป็น

    1) อาคารศูนย์การค้า Central Park สูง 8 ชั้น (7 ชั้นบนดิน + 1 ชั้นใต้ดิน) พื้นที่อาคารรวม 130,000 ตร.ม.
    2) อาคารสำนักงาน Central Park Offices สูง 40 ชั้น พื้นที่อาคารรวม 130,000 ตร.ม.

     

    “Central Park” ทำเลริมสวนกลางกรุงเทียบชั้นนิวยอร์ก-ลอนดอน

    วัลยากล่าวถึงจุดเด่นที่สุดของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค คือ การมีทำเลอยู่ริมสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งถ้าหากมองในระดับโลก มหานครหลายแห่งจะมีสวนสาธารณะเป็นจุดใจกลางพื้นที่พัฒนาออฟฟิศและที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ เช่น Central Park ของนครนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ของกรุงลอนดอน ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลมองว่าทำเลสวนลุมพินีจะเป็น ‘ใจกลางของใจกลางเมือง’ เช่นกัน

    Central Park ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
    มุมมองจากชั้น 7 ของ Central Park มองเห็นเชื่อมต่อกับสวนลุมพินี

    “ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล” Chief Development and Commercial Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวเสริมว่า นอกจากจะอยู่ริมสวนลุมพินีแล้ว ดุสิต เซ็นทรัล พาร์คยังอยู่บริเวณจุดตัดรถไฟฟ้า 2 สาย คือ สถานีสีลมของ MRT สายสีน้ำเงิน และ สถานีศาลาแดงของ BTS สายสีเขียวเข้ม ถือเป็นจุดตัดที่มีทราฟฟิกสูงมากเพราะต่างก็เป็นรถไฟฟ้าสายดั้งเดิมที่ผ่านจุดสำคัญกลางเมือง

     

    รวมร้านที่ ‘ไม่เหมือนที่เคยมีมา’

    เมื่ออยู่ในทำเลทองและมีความพิเศษด้วยตำนานของพื้นที่แล้ว ทำให้เซ็นทรัลพัฒนาจะสร้างความแตกต่าง “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” Chief Marketing Officer และ “อิศเรศ จิราธิวัฒน์” Head of Fashion and Luxury Partner Management ร่วมกันอธิบายว่า ศูนย์การค้า Central Park จะเป็นศูนย์ฯ แห่ง “Curated Experience” ในระดับไฮเอนด์

    เนื่องจากลูกค้ายุคนี้มีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่ ‘niche’ เป็นตัวเองมาก เฉพาะกลุ่มมากขึ้น Central Park จึงต้องการจะเลือกสรรประสบการณ์ที่แตกต่าง แยกย่อยลงไป มองหาแบรนด์ที่น่าสนใจเจาะกลุ่มไลฟ์สไตล์หลายรูปแบบ เป็นแบรนด์ที่เป็นที่สุดของโลก หรือที่สุดของคนไทย แบรนด์มีเอกลักษณ์หรือเรื่องราวชัดเจน

    Central Park ตั้งเป้าจะดึงดูดแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยมีในไทยหรือไม่เคยมีในเครือเซ็นทรัลพัฒนามาก่อนราว 10-20% ของศูนย์การค้า ส่วนที่เหลือแม้จะเป็นการเปิดสาขาของแบรนด์เดิม แต่จะทำงานร่วมกันเพื่อให้เปิดร้านแบบ ‘new concept’ แตกต่างจากสาขาอื่นที่เคยมี

    อีกมุมของสวน 7 ไร่บนชั้น 7

    เฉพาะร้านประเภทร้านอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) คาดว่าจะมีราว 30-35% ของศูนย์การค้า โดยไฮไลต์ของส่วนร้านอาหารคือ พื้นที่บนชั้น 7 ซึ่งเป็นสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ 7 ไร่ จะมีการจัดสรรเป็นพื้นที่เช่าร้านอาหาร ผสมกลมกลืนไปกับสวน ซึ่งทำให้ได้บรรยากาศรูปแบบใหม่ในการรับประทานอาหาร

     

    ชูอีเวนต์สายอาร์ต-ดนตรี

    ด้านการจัดอีเวนต์ที่ Central Park เนื่องจากศูนย์ฯ​ นี้มีการจัดสวนลอยฟ้า 7 ไร่ไว้เป็นพื้นที่สาธารณะ จึงทำให้งานอีเวนต์ต่างๆ จะเน้นการจัดงานภายในสวนแห่งนี้ เชื่อมโยงกับฝั่งสวนลุมพินี

    โดยสายอีเวนต์หลักๆ ที่เซ็นทรัลพัฒนาจะเน้นการจัดงานที่นี่คือ “ศิลปะ” และ “ดนตรี” เพราะต้องการเน้นไลฟ์สไตล์ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ดีทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถเข้ามาวิ่งออกกำลังในลู่วิ่ง Jogging Track ในสวน พร้อมชมงานศิลปะ ดนตรี โชว์การแสดงต่างๆ ที่จะจัดขึ้น

    รวมถึงที่นี่จะเป็นจุดจัดอีเวนต์ “Countdown Celebration” อีกแห่งหนึ่ง ตีคู่มากับเซ็นทรัลเวิลด์ แต่จะวางคอนเซ็ปต์งานให้ต่างกัน

     

    วางเป้าทราฟฟิก 25 ล้านคนต่อปี

    เป้าหมายของ Central Park นั้นส่วนหลักจะเน้นดึง “ผู้มีกำลังซื้อสูง” ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว แต่ก็รวมไปถึงกลุ่มคนทั่วไปที่ต้องการมารับประสบการณ์ภายในศูนย์ฯ ด้วยเช่นกัน

    โดยเซ็นทรัลพัฒนาตั้งเป้าว่าจะมีทราฟฟิกเข้าศูนย์ฯ ได้ 25 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้คาดว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 10 ล้านคนต่อปี ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ ‘ต้องมา’ ของกรุงเทพฯ

    ในแง่การดึงดูดกลุ่มกำลังซื้อสูง นอกจากภายในโครงการมิกซ์ยูสจะมีทั้งโรงแรมดุสิตธานีที่เป็นระดับ 5 ดาว, กลุ่มผู้พักอาศัยในเรสซิเดนซ์ และกลุ่มพนักงานในออฟฟิศเกรดเอแล้ว ในรัศมี 3 กิโลเมตรรอบโครงการยังมีคอนโดฯ ระดับลักชัวรีอีก 17,000 ยูนิต, โรงแรมระดับลักชัวรี 6,500 ห้อง, ออฟฟิศเกรดเอ 1.5 ล้านตารางเมตร, สถานทูตและสถานกงสุล 47 แห่ง รวมถึงโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลชั้นนำอีกมากมาย ซึ่งเหล่านี้คือแหล่งรวมลูกค้าระดับบนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ Central Park

     

    แลนด์มาร์กที่ 3 ของ “เซ็นทรัล” กลางกรุงเทพฯ

    Central Park นี้ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัลที่ตั้งอยู่บน ‘จุดตัด’ สำคัญในเมือง ถัดจาก “เซ็นทรัลเวิลด์” แยกราชประสงค์ และ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” บนแยกเพลินจิต-วิทยุ

    ทั้ง 3 แลนด์มาร์กมีจุดขายที่ต่างกัน “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” จะยังคงเป็นแหล่งรวมแบรนด์ระดับซูเปอร์ลักชัวรีของไทย “เซ็นทรัลเวิลด์” เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดที่รวมแบรนด์ไว้จำนวนมาก และ “Central Park” คือการสร้างประสบการณ์ลักชัวรีที่แตกต่าง

    Central Park ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
    ทีมงาน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา: (จากซ้าย) “อิศเรศ จิราธิวัฒน์” Head of Fashion and Luxury Partner Management, “ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล” Chief Development and Commercial Officer, “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” Chief Marketing Officer

    หลังจากนี้ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” จะทยอยสร้างเสร็จทีละส่วน ได้แก่

    • โรงแรมดุสิตธานี แบงค็อก เปิดกลางปี 2567
    • อาคารสำนักงาน Central Park Offices เปิด Q2/2568
    • ศูนย์การค้า Central Park เปิด Q3/2568
    • คอนโดฯ Dusit Residences และ Dusit Parkside เปิดปลายปี 2568

    ต้องรอชมว่าหลังก่อสร้างเสร็จ “Central Park” จะเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาศูนย์การค้าไปอย่างไร!

    ]]>
    1447278