Covid-19 – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 22 May 2024 13:26:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จับตาโควิดสายพันธุ์ใหม่ ‘FLiRT’ กําลังแพร่กระจายทั่วโลก https://positioningmag.com/1474665 Wed, 22 May 2024 13:26:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1474665 ดูเหมือนการระบาดของ COVID-19 กำลังแพร่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหน้าร้อน ทําให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเกี่ยวกับระบาดอีกครั้ง

สำหรับไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในตอนนี้ถูกเรียกว่าสายพันธุ์ FLiRT ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ รุ่นหลานของโอมิครอน เนื่องจากโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นรุ่นลูกของสายพันธุ์ JN.1 ที่กลายพันธุ์มาจากโอมิครอน อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยว่าสายพันธุ์ใหม่นั้นรุนแรงกว่าสายพันธุ์เก่า

ตามรายงานของ John Hopkins Bloomberg School of Public Health รายงานว่า ปัจจุบัน โควิดสายพันธุ์ KP.2 ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มสายพันธุ์ FLiRT ถือเป็นสายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่ระบาดในสหรัฐอเมริกา โดยตามข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค พบว่า ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ KP.2 คิดเป็น 28.2% เพิ่มขึ้นจาก 3.8% ณ สิ้นเดือนมีนาคม ส่วนสายพันธุ์ KP.1.1 ซึ่งเป็นอีกสายพันธุ์ย่อยของ FLiRT ก็เพิ่มขึ้นเป็น 7.1% ของจำนวนการติดเชื้อในปัจจุบัน 

ส่วนใน ยุโรป ก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยขณะนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ใน 14 ประเทศ ขณะที่ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า การติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ยังจำกัดอยู่เฉพาะประเทศที่รายงานข้อมูลเข้ามา และข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากระดับการติดเชื้อที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม เจนนิเฟอร์ ฮอร์นนีย์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ มองว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ไม่น่า ทําให้เกิดการติดเชื้อครั้งใหญ่ อย่างที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำให้จำนวนผู้ป่วยในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ แต่อาการจะไม่รุนแรง เพราะประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่า วัคซีนในปัจจุบันมีประสิทธิภาพเพียงใดต่อสายพันธุ์ใหม่

Source

]]>
1474665
‘จีน’ เผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดเฉพาะที่โรงพยาบาลเกือบ ‘6 หมื่นคน’ นับตั้งแต่เลิกนโยบายควบคุม https://positioningmag.com/1415496 Sun, 15 Jan 2023 10:50:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1415496 หลังจากที่มีการโจมตีว่า จีน ปกปิดตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิต ล่าสุด รัฐบาลได้เปิดเผยว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เกือบ 60,000 คนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล นับตั้งแต่ยกเลิกนโยบายปลอดโควิดเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากตัวเลขที่รายงานก่อนหน้านี้

นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม รัฐบาลจีนได้ยกเลิกระบบควบคุมโควิดที่เข้มงวดนาน 3 ปี ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบผลการติดเชื้อ การจำกัดการเดินทาง และการปิดเมืองจำนวนมาก และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีผู้ติดเชื้อทั่วประเทศถึง 1.4 พันล้านคน

Jiao Yahui หัวหน้าสำนักบริหารการแพทย์ภายใต้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค. ถึง 12 ม.ค. จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 ในโรงพยาบาลของจีนอยู่ที่ 59,938 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตเหล่านั้น 5,503 รายมีสาเหตุจากการหายใจล้มเหลวเนื่องจากโควิด และส่วนที่เหลือเกิดจากการรวมกันของโควิดและโรคอื่น ๆ

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อย่างน้อย 1 ล้านคนในปีนี้ แต่ก่อนหน้านี้จีนรายงานผู้เสียชีวิตเพียง 5,000 รายนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำที่สุดในโลก

องค์การอนามัยโลกกล่าวในสัปดาห์นี้ว่าจีนรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก แม้ว่าขณะนี้จีนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาดของโรคก็ตาม

Yanzhong Huang นักวิชาการอาวุโสด้านสุขภาพโลกของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในนิวยอร์ก กล่าวว่า การเสียชีวิตที่ เพิ่มขึ้น 10 เท่า ของการประกาศเมื่อวันเสาร์ บ่งชี้ว่า การระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ คนสูงอายุ

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าข้อมูลใหม่นี้สะท้อนถึงการเสียชีวิตที่แท้จริงหรือไม่ เนื่องจากแพทย์ไม่ต้องการรายงานการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิด และตัวเลขดังกล่าวรวมเฉพาะการเสียชีวิตในโรงพยาบาลเท่านั้น

“ตัวอย่างเช่น ในชนบท ผู้สูงอายุจำนวนมากเสียชีวิตที่บ้านแต่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงชุดทดสอบหรือไม่เต็มใจที่จะรับการตรวจ”

]]>
1415496
ผ่อนคลายมากขึ้น จีนเตรียมยกเลิกมาตรการให้ชาวต่างชาติกักตัว เริ่ม 8 มกราคม 2023 https://positioningmag.com/1413975 Tue, 27 Dec 2022 05:43:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413975 จีนเตรียมยกเลิกมาตรการให้ชาวต่างชาติกักตัวเป็นระยะเวลา 8 วัน โดยเริ่มต้นวันที่ 8 มกราคมปี 2023 หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการที่เกี่ยวข้องกับโควิด หลังจากที่ประชาชนแสดงความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณว่าจีนเตรียมเปิดประเทศไวกว่าที่คาดไว้

สื่อต่างประเทศหลายแห่งทั้ง CNN และสำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เตรียมที่จะยกเลิกมาตรการให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศจีนต้องกักตัวเป็นระยะเวลา 8 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญในการเปิดประเทศจีนอีกครั้ง นับตั้งแต่มีการปิดพรมแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ก่อนหน้านี้มาตรการดังกล่าวถ้าหากชาวต่างชาติจะเข้าไปยังประเทศจีนคือจะต้องมีผลการตรวจ PCR เป็นลบอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนบินมายังประเทศจีน นอกจากนี้ยังต้องมีการกักตัวที่โรงแรมที่รัฐบาลจัดหาให้เป็นเวลา 5 วัน หลังจากนี้ถึงจะกักตัวในที่พักอาศัยได้อีก 3 วัน ถึงจะสามารถท่องเที่ยวหรือทำภารกิจอื่นๆ ได้

นอกจากนี้จีนยังเคยมีมาตรการถ้าหากเที่ยวบินจากต่างประเทศถ้าหากตรวจพบผู้ติดโควิด ก็จะมีการแบนเที่ยวบิน ซึ่งส่งผลทำให้ในช่วงที่ผ่านมาจีนมีเที่ยวบินจากต่างประเทศลดลงอย่างมาก ทำให้ผู้ที่ต้องบินไปจีนนั้นพบกับราคาตั๋วเครื่องบินที่แพงมหาศาล

มาตรการยกเลิกการกักตัวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนเตรียมที่จะเปิดประเทศอีกครั้ง หลังจากที่จีนได้ใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์มาเป็นระยะเวลานานนับตั้งแต่ปี 2020 ส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนมหาศาล และยังทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความไม่พอใจจนเกิดการประท้วงตามเมืองใหญ่ๆ ทำให้ทางการจีนเปลี่ยนนโยบายดังกล่าว

ไม่เพียงแค่จะยกเลิกมาตรการกักตัวเท่านั้นแต่รัฐบาลจีนเตรียมให้บริการวีซ่าเข้าประเทศจีนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ การทำธุรกิจ การเข้ามาศึกษาในประเทศจีน

หลังจากที่จีนได้ออกมาตรการดังกล่าวออกมาทำให้ประชาชนจีนเริ่มที่จะหาเที่ยวบินไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยปริมาณการค้นหาเที่ยวบินในแพลตฟอร์มท่องเที่ยวหลายแห่งเพิ่มสูงขึ้นระดับ 10 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ

ที่มา – CNN, Reuters

]]>
1413975
“ไฟเซอร์” เตรียมจำหน่ายยา-วัคซีน “ราคาต้นทุน” ให้แก่ 45 ประเทศยากจน https://positioningmag.com/1386771 Sat, 28 May 2022 15:11:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386771 ไฟเซอร์ อิงค์ ประกาศจะจำหน่ายยาที่มีสิทธิบัตรทุกชนิดของบริษัท รวมถึงแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ซึ่งเป็นยารักษาผู้ป่วย COVID-19 และไอแบรนซ์ (Ibrance) ซึ่งเป็นยาสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ให้แก่ 45 ประเทศยากจนที่สุดของโลกในรูปแบบไม่แสวงผลกำไร

ไฟเซอร์ แถลงว่า โครงการจำหน่ายยาในราคาต้นทุนจะครอบคลุมตัวยาและวัคซีนทั้งหมด 23 รายการที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อ มะเร็งบางชนิด และโรคจากการอักเสบที่พบได้ยาก โดยนอกจากแพกซ์โลวิดและไอแบรนซ์แล้ว ยังมีวัคซีน Prevnar 13 ที่ใช้ป้องกันโรคปอดอักเสบ ยา Xeljanz สำหรับรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมถึงยา Xalkori และ Inlyta ที่ใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง

วัคซีน Comirnaty รักษา COVID-19 ที่ไฟเซอร์พัฒนาร่วมกับบริษัท ไบโอเอ็นเทค เอสอี ของเยอรมนี ก็อยู่ในลิสต์นี้ด้วยเช่นกัน

ตามข้อมูลจากมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) ประเทศยากจนเหล่านี้ยังขาดแคลนนวัตกรรมในการรักษาโรค และอาจเข้าถึงแนวทางการรักษาใหม่ๆ ล่าช้า 4-7 ปี

อัลเบิร์ต บัวร์ลา ซีอีโอไฟเซอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวยาที่บริษัทผลิตออกมาทั้งหมดควรจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์

“แน่นอนว่าการเข้าถึงยาต้านไวรัส (แพกซ์โลวิด) อาจเป็นเรื่องยากสำหรับกลุ่มประเทศเหล่านี้ ถ้าพวกเขาจำเป็นต้องใช้มัน พวกเขาก็ควรจะได้รับทันที” บัวร์ลา กล่าว

โครงการ ‘Accord for a Healthier World’ ที่ไฟเซอร์ประกาศบนเวทีประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส จะครอบคลุม 27 ประเทศที่มีรายได้น้อย (low-income countries) และอีก 18 ประเทศที่มีรายได้ต่ำกว่า (lower-income countries) ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขณะนี้รวันดา กานา มาลาวี เซเนกัล และยูกันดา ประกาศเข้าร่วมโครงการแล้ว

ไฟเซอร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์มานานในเรื่องของการจัดสรรวัคซีนป้องกัน COVID-19 โดยวัคซีนล็อตแรกๆ ถูกส่งให้แก่บรรดาชาติร่ำรวยเสียเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ประเทศยากจนต้องตั้งตาคอยนานหลายเดือนกว่าจะได้วัคซีน

Source

]]>
1386771
เปิดเงื่อนไขญี่ปุ่น “แง้มประตู” เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเดือน มิ.ย. https://positioningmag.com/1385312 Fri, 13 May 2022 14:29:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1385312 นักท่องเที่ยวไทยตื่นเต้นกับข่าวญี่ปุ่นจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนมิถุนายน แต่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งข้อจำกัดในการเดินทางอย่างมาก รวมทั้งแรงกดดันจากประชาชนในญี่ปุ่นที่ยังกังวลการระบาดของ COVID-19 ทำให้การท่องเที่ยวอิสระยังทำไม่ได้

ข่าวญี่ปุ่นจะเปิดประเทศในเดือนมิถุนายน ถูกสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก “เล่นใหญ่” เกินไปมาก ที่มาของเรื่องนี้มาจากคำพูดของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ฟูมิโอะ ระหว่างเยือนอังกฤษเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนเช่นเดียวกับประเทศอื่นในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือ G7

แต่หลายคนกลับลืมไปว่า ในคำพูดของนายกฯ ญี่ปุ่นมีคำสำคัญ คือ “พิจารณา” และ “เป็นขั้นเป็นตอน” จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนอย่างเป็นทางการเพียงเรื่องเดียวคือ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ญี่ปุ่นจะเพิ่มโควต้าผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจากวันละ 10,000 คน เป็น 20,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นก่อนการระบาดของโควิดที่มากถึงวันละ 90,000 คน

รายงานของจากสื่อญี่ปุ่นระบุว่า การดำเนินการแบบ “เป็นขั้นเป็นตอน” ตามคำกล่าวของผู้นำญี่ปุ่น คือ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดเล็ก โดยยังไม่มีประกาศทางการว่าจะให้ฟรีวีซ่าหรือไม่ รวมทั้งข้อกำหนดเรื่องชนิดของวัคซีน และประกันสุขภาพ

ฟูมิโอะ คิชิดะ
(Photo by Carl Court/Getty Images)

การท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดนี้คือ ต้องมาเป็นคณะกับบริษัทท่องเที่ยว เดินทางตามกำหนดการแน่นอน และมีผู้ที่รับผิดชอบในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็หมายความว่า นักท่องเที่ยวไม่สามารถออกนอกเส้นทาง หรือ เที่ยวอิสระได้

รูปแบบการท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์เช่นนี้คล้ายกับมาตรการที่ใช้ช่วงงาน “โตเกียว โอลิมปิก” และไม่ใช่สไตล์ที่นิยมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังคงใช้มาตรการตรวจหาเชื้อก่อนเข้าประเทศอย่างเข้มงวด แม้แต่คนญี่ปุ่นที่เดินทางกลับประเทศก็ต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อน การเพิ่มจำนวนคนเข้าประเทศจะทำให้ภาระงานการตรวจคัดกรองที่สนามบินหนักมาก รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเงื่อนไขใหม่ เช่น ให้ตรวจหาเชื้อก่อนออกเดินทาง หรือ ละเว้นการตรวจหาเชื้อกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่สถานการณ์โควิดไว้วางใจได้

แค่ “แง้มประตู” ไม่ใช่ “เปิดประเทศ”

นายกฯ ญี่ปุ่นระบุว่า จะพิจารณาสถานการณ์ผู้ติดเชื้อหลังวันหยุดยาว “โกลเดน วีค” ของญี่ปุ่น ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ราว 40,000 คน ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ไม่ได้ลดลงอย่างชัดเจน

อีกเรื่องหนึ่งที่ญี่ปุ่นแตกต่างจากกลุ่มประเทศ G7 คือ ยังห่างไกลจากการเกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” ซึ่งเชื่อว่าการระบาดจะสิ้นสุดลง เมื่อประชากรราว 60% ติดเชื้อโควิด

ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ระบุเมื่อ 26 เม.ย. ว่า ชาวสหรัฐฯ ติดเชื้อโควิดแล้ว 57.7% แต่ผลการศึกษาในญี่ปุ่นพบว่า ชาวญี่ปุ่นติดเชื้อเพียง 4.3% ของประชากรเท่านั้น

รัฐบาลไม่เสี่ยงคะแนนนิยมผู้สูงวัย

ปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่เปิดประเทศอย่างเต็มที่ คือ การเลือกตั้งวุฒิสภาในเดือนกรกฎาคม การสำรวจล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่า ประชาชน 48% บอกว่าควรผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเข้าประเทศ และ 38% บอกว่าไม่ควรผ่อนปรน

ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากยังไม่อยากให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา เพราะขณะนี้การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นเป็นปกติอย่างมาก การเดินทางคึกคัก ร้านอาหาร และร้านค้าเต็มแน่นไปด้วยลูกค้า ชาวญี่ปุ่นกลัวว่าหากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาและเกิดการระบาดอีกครั้ง จะต้องลำบากกันถ้วนหน้า

Photo : Shutterstock

กลุ่มที่กังวลกับการเปิดประเทศมากที่สุด คือ ผู้สูงอายุ ที่มีความเสี่ยงที่จะอาการทรุดหนักหากติดเชื้อโควิด ผู้สูงวัยเหล่านี้คือ ผู้สนับสนุนหลักของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ LDP ของนายกฯ คิชิดะ ในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม และสำหรับนักเมืองแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่า คะแนนเสียง

ประเมินกันว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเข้าประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และหลังการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม หากพรรค LDP ยังรักษาคะแนนเสียงไว้ได้ รัฐบาลจึงจะเดินหน้าเปิดประเทศอย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็กอาจต้องรอจนถึงปลายปีนี้จึงจะมาเที่ยวญี่ปุ่นอย่างเสรีได้

Source

]]>
1385312
ข่าวดี! ‘WHO’ เผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดอยู่ในระดับ ‘ต่ำสุด’ ในรอบ 2 ปี https://positioningmag.com/1383100 Wed, 27 Apr 2022 08:57:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383100 องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 รายใหม่ในรอบสัปดาห์ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 พร้อมเตือนให้ทั่วโลกอย่าหยุดตรวจหาเชื้อ เพราะอาจขัดขวางความพยายามในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่

จำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 รายใหม่ทั่วโลกในช่วง 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 15,668 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและอเมริกา โดยจากข้อมูลของ WHO พบว่า ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากจำนวนกว่า 18,000 รายในช่วงสัปดาห์ที่ 17 เมษายน

โดยทั้งจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเริ่มลดลงตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ด้านจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีมากกว่า 4 ล้านราย ตามข้อมูลของ WHO จำนวนดังกล่าวลดลงจากรายงานผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 5 ล้านราย เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ที่ 17 เม.ย.

“การเสียชีวิตที่ลดลงถือเป็นข่าวดีที่ แต่เราต้องยินดีด้วยความระมัดระวัง” เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าว นอกจากนี้เขายังเตือนว่า หลายประเทศได้ลดการตรวจเชื้อ COVID-19 ซึ่งจำกัดความสามารถของ WHO ในการติดตามผลกระทบของไวรัสและรูปแบบการแพร่กระจายและวิวัฒนาการ

ไวรัสนี้จะไม่หายไปเพียงเพราะประเทศต่าง ๆ หยุดมองหามัน มันยังคงแพร่กระจาย ยังคงเปลี่ยนแปลง และยังคงสังหารอยู่ แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลง แต่เราก็ยังไม่เข้าใจผลที่ตามมาของการติดเชื้อในผู้ที่รอดชีวิตในระยะยาว”

ดร.บิล โรดริเกซ ซีอีโอของ FIND องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านการวินิจฉัยโรคทั่วโลก กล่าวว่า WHO เรียกร้องให้ทุกประเทศรักษาระบบเฝ้าระวัง ซึ่งรวมถึงการทดสอบและการจัดลำดับจีโนม โดยอัตราการทดสอบ COVID-19 ทั่วโลกลดลงจาก 70-90% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งการทดสอบที่ลดลงอาจทำให้ความสามารถของโลกในการรักษาโควิดด้วยการบำบัดแบบใหม่ลดลงไปด้วย

ด้าน Maria Van Kerkhove หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้าน COVID-19 ของ WHO เสริมว่า การที่ไม่ได้ตรวจหาเชื้อเหมือนก่อน อาจจำกัดการตรวจสบ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน อย่างสายพันธุ์ BA.2 ที่แพร่ระบาดมากขึ้นในขณะนี้ ก็ถือเป็นสายพันธุ์ที่กระตุ้นให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ในยุโรปและจีน ซึ่งกำลังต่อสู้กับการระบาดครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020

BA.2 ยังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา โดยคิดเป็น 68.1% ของเคสทั้งหมดที่หมุนเวียนในประเทศในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 23 เมษายน ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ตัวแปรย่อยอีกตัวหนึ่งคือ BA.2.12.1 กำลังได้รับความสนใจในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ซึ่งคิดเป็น 28.7% ของผู้ป่วยรายใหม่ ข้อมูล CDC กล่าว

Source

]]>
1383100
สหรัฐฯ เร่งเพิ่มช่องทางเเจกฟรี ‘ยารักษาโควิด’ ตามร้านขายยาเป็น 2 เท่า ให้เข้าถึงง่ายขึ้น https://positioningmag.com/1382997 Tue, 26 Apr 2022 14:10:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382997 รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมขยายช่องทางจ่ายยาต้านไวรัสโควิด-19 ผ่านการเพิ่มจำนวนร้านขายยาในโครงการเป็น 2 เท่าของปัจจุบัน ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

โดยร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ จะสามารถสั่งยารักษาโควิดฟรีจากรัฐบาลกลางได้โดยตรง ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป

ปัจจุบันร้านขายยาต้องพึ่งพารัฐในการรับยา โดยรัฐบาลจะส่งยาไปให้ร้านขายยาที่ได้รับคัดเลือก รวมทั้งศูนย์ชุมชนโดยตรง ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการจาก 20,000  แห่งในปัจจุบันให้เป็น 40,000 แห่งในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ที่ผ่านมาพบว่าจำนวนผู้รับยา Paxlovid ฟรีนั้นต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากมีข้อกำหนดเเละขั้นตอนที่ยุ่งยาก ประกอบการตรวจหาเชื้อเริ่มลดลงและหลายคนก็กังวลผลข้างเคียงของยา

อย่างไรก็ดี ยา Paxlovid ถือจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาโรคโควิด-19 จากผลการทดลองทางคลินิกพบว่า ยาดังกล่าวช่วยให้กลุ่มเสี่ยงสูง มีอัตราการเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลงได้ถึง 90% ขณะที่ยาขนานอื่นอย่าง molnupiravir และ Remdesivir มีประสิทธิภาพน้อยกว่า

โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ทำการสั่งซื้อยาก Paxlovid มากถึง 20 ล้านเม็ดสำหรับรักษาผู้ป่วยในราคา 530 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,147 บาท) ต่อคอร์ส ซึ่งบริษัทผู้ผลิตอย่างไฟเซอร์ ได้ตั้งเป้าผลิตให้รัฐบาลได้ 3.5 ล้านคอร์สภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้

แต่นับจนถึงกลางเดือนนี้ รัฐบาลเพิ่งแจกจ่ายไปเพียง 1.5 ล้านคอร์สเท่านั้น และร้านขายยายังมียาเหลือมากกว่า 500,000 คอร์ส

สหรัฐฯ เตรียมจะเพิ่มสถานที่ตรวจหาเชื้อในโครงการ ‘Test to Treat’ เพื่อให้สามารถรับการตรวจหาเชื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แล้วรับยารักษาฟรีทันทีหากมีผลตรวจเป็นบวก ปัจจุบันมีร้านขายยาเข้าร่วมในโครงการ 2,200 แห่ง เเละจะมีร้านเข้าร่วมทางออนไลน์เพิ่มอีก 10,000 แห่งในเร็วๆนี้

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1382997
เซี่ยงไฮ้ผ่าเมือง! แบ่งล็อกดาวน์ทีละครึ่ง สู้โควิด แต่เศรษฐกิจต้องเดินต่อ https://positioningmag.com/1379542 Tue, 29 Mar 2022 03:56:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379542 เซี่ยงไฮ้ออกคำสั่งล็อกดาวน์ 2 จังหวะ โดยแบ่งเมืองออกเป็น 2 ส่วน และเริ่มปิดสะพานและอุโมงค์ จำกัดการจราจรบนทางหลวงด้านตะวันออกตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มี.. เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ครั้งใหญ่ที่สุดในจีน ควบคู่กับการปกป้องเศรษฐกิจของมหานครแห่งนี้ที่เป็นหัวรถจักรสำคัญของเศรษฐกิจภายในประเทศรวมถึงเศรษฐกิจโลก

มาตรการล็อกดาวน์ที่รัฐบาลท้องถิ่นของเซี่ยงไฮ้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มี.. จะแบ่งเมืองออกเป็น 2 ส่วนคร่าวๆ ตามแนวแม่น้ำหวงผู่ และใช้มาตรการล็อกดาวน์รวม 9 วัน

คำสั่งนี้สะท้อนการเปลี่ยนจุดยืนกะทันหันของทางการเซี่ยงไฮ้ หลังจากเพิ่งยืนยันว่า จะไม่มีการล็อกดาวน์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 26 มี.ค. แต่จะใช้แนวทางการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่เพื่อให้เศรษฐกิจของเมืองที่มีประชากร 25 ล้านคนแห่งนี้เดินหน้าได้ต่อไป

อู่ ฟาน สมาชิกทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโควิดในเซี่ยงไฮ้ แถลงว่า การระดมตรวจโควิดพบการระบาดขนาดใหญ่ทั่วเมืองซึ่งทำให้เซี่ยงไฮ้กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดในประเทศจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการรับมือที่เข้มข้นขึ้น ควบคู่กับการปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อเพื่อให้การระบาดสิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้พบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 3,450 คนในวันอาทิตย์ หรือเกือบ 70% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ และผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการอีก 50 คน

สำหรับทั่วประเทศจีนในวันเดียวกันนั้นพบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 5,134 คน และผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 1,219 คน

Photo : Shutterstock

ในฐานะหัวรถจักรกระตุ้นเศรษฐกิจหลักของจีน เซี่ยงไฮ้จึงพยายามตอบสนองการเรียกร้องของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการลดผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิดที่มีต่อธุรกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชน

ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ อู่ระบุว่า ไม่สามารถล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้เป็นเวลานานได้เนื่องจากเมืองนี้มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศและเศรษฐกิจโลก

ทว่า หลังจากต้องกลับลำนโยบายเมื่อวันอาทิตย์ โครงการตรวจโควิดได้ทำให้การเดินทางขนส่งหยุดชะงัก เช่นเดียวกับกิจกรรมการดูแลสุขภาพ และเศรษฐกิจในวงกว้าง

สำนักงานความมั่นคงสาธารณะเซี่ยงไฮ้ประกาศปิดสะพานและอุโมงค์ข้ามแม่น้ำ ตลอดจนด่านเก็บเงินทางด่วนที่กระจุกอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองที่เรียกว่าเขตผู่ตง ซึ่งรวมถึงท่าอากาศยานนานาชาติแห่งหลักและศูนย์กลางการเงินตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันที่ 1 เมษายน

ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำหวงผู่ที่เรียกว่าเขตผู่ซีที่มีประชากรมากกว่านั้นจะเริ่มมาตรการจำกัดแบบเดียวกันนี้ตั้งแต่วันที่ 1-5 เมษายน

Photo : Shutterstock

สำนักงานความมั่นคงสาธารณะเซี่ยงไฮ้เสริมว่า จะควบคุมการจราจรบนทางหลวงที่เข้าและออกจากเมือง และผู้ที่ต้องการเดินทางออกจากเมืองต้องแสดงหลักฐานผลตรวจโควิดเป็นลบในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

รัฐบาลมหานครเซี่ยงไฮ้ประกาศว่า จะระงับระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงบริการซอฟต์แวร์เรียกรถสาธารณะในพื้นที่ที่ล็อกดาวน์ อีกทั้งยังสั่งระงับการทำงานของบริษัทและโรงงานต่างๆ ยกเว้นบริการสาธารณะหรือการจัดหาอาหาร

นอกจากนั้น ยังมีการระงับการให้บริการของโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วเซี่ยงไฮ้ เพื่อจัดสรรบุคลากรการแพทย์และทรัพยากรอื่นๆ ไปช่วยในการระดมตรวจโควิด

ทั้งนี้ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจีนสามารถควบคุมการระบาดได้เป็นส่วนใหญ่ผ่านมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งครอบคลุมถึงการล็อกดาวน์พื้นที่ขนาดใหญ่ในเมืองและมณฑลต่างๆ แม้พบผู้ติดเชื้อเพียงเล็กน้อยก็ตาม

แต่การมาถึงของโอมิครอนได้พิสูจน์ว่า มาตรการเข้มข้นของจีนไร้ผลในการสกัดไวรัสกลายพันธุ์นี้ โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนพบเคสใหม่วันละหลายพันคน จากไม่ถึงร้อยคนในเดือนกุมภาพันธ์

Source

]]>
1379542
เช็คลิสต์ “5 ประเทศอาเซียน” พร้อมเปิดประเทศให้เที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว https://positioningmag.com/1379135 Fri, 25 Mar 2022 04:00:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379135 ช่วงนี้สถานการณ์ COVID-19 ในหลายๆ ประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น การเดินทางระหว่างประเทศก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการลง หลายๆ แห่งที่ปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน ก็เริ่มออกมาประกาศว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว ทำให้แนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเริ่มคึกคักมากขึ้น

สำหรับประเทศในแถบอาเซียนใกล้ๆ บ้านเรา ก็มีหลายแห่งที่กำลังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ลองมาสำรวจกันว่ามีประเทศไหนบ้าง

มาเลเซีย

Photo : Shutterstock

ประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประกาศจะเปิดพรมแดนใหม่อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป ภายหลังจากปิดพรมแดนมาเกือบ 2 ปี เนื่องจากมีการระบาดใหญ่ของ COVID-19

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส (หรือ ฉีดบูสเตอร์โดสแล้ว) ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 ดังนี้ (ทั้งการเดินทางเข้าทางอากาศและทางด่าน)

  • ดาวน์โหลดและลงทะเบียนแอป MySejahtera
  • หลังลงทะเบียนเสร็จ กรอกข้อมูล Traveller ในแอปให้เรียบร้อย
  • ต้องมีผลตรวจ RT-PCR ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
  • ผู้ที่เคยได้รับเชื้อ COVID-19 มาแล้ว สามารถใช้ผลตรวจ RTK-Ag ที่ไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมงได้ แต่ต้องมีใบรับรองจากโรงพยาบาล ว่าหายขาดหรือไม่สามารถแพร่เชื้อได้แนบมาด้วย
  • ประกันการเดินทางครอบคลุมการรักษาโควิด-19 ไม่ต่ำกว่า 50,000 USD
  • ต้องทำการตรวจ RTK-Ag อีกครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมงหลังเดินทางถึงมาเลเซีย

ส่วนผู้เดินทางระหว่างประเทศที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องผ่านการกักตัว เป็นเวลา 5 วันเมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย ในขณะเดียวกันเด็กที่มีอายุ 12-17 ปี ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ โดยปลอดการกักตัว และจำเป็นต้องได้รับการตรวจ RTK-Ag ภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซีย

สิงคโปร์

ภายหลังจากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไข Vaccinated Travel Lane (VTL) มาพักใหญ่ๆ โดยต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดส เดินทางด้วยเที่ยวบินแบบ VTL ตามที่รัฐกำหนด รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่นๆ

ล่าสุด รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาดของ COVID-19 ผ่านการข้ามแดน โดยอนุญาตให้นักเดินทางจากทุกชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 เป็นต้นไป (รวมถึงเด็กที่มีอายุเท่ากับหรือต่ำกว่า 12 ปี)

นอกจากนี้ ยังยกเลิกการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยวิธี ART เมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ภายใน 24 ชั่วโมง (แต่ยังคงต้องตรวจ PCR หรือ ATK ก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์ ภายใน 48 ชั่วโมง) และไม่ต้อวเดินทางด้วยเที่ยวบิน VTL แต่จะเปลี่ยนเป็นการเดินทางภายใต้โครงการ Vaccinated Travel Framework แทน (รายละเอียดโครงการต้องรอติดตามต่อไป) และยังเตรียมยกเลิกข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกอาคารอีกด้วย

กัมพูชา

Photo : Shutterstock

เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ แต่ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

ส่วนประกาศล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 65 เป็นต้นไป กัมพูชาเปิดให้นักท่องเที่ยวที่รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องกักตัวเมือเดินทางเข้าประเทศ และยังยกเลิกข้อกำหนดให้แสดงผลตรวจ PCR ของ COVID-19 เพื่อเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา ยกเลิกข้อกำหนดในการตรวจโควิดเร่งด่วน (ATK) เมื่อเดินทางถึง และเปิดให้ขอ Visa on Arrival สำหรับผู้เดินทางต่างชาติทุกคน ทั้งผู้เดินทางทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ

นอกจากนี้ ผู้เดินทางทุกคนต้องแสดงบัตรหรือใบรับรองการฉีดวัคซีน COVID-19 ครบโดส เมื่อเดินทางมาถึงกัมพูชา (สำหรับผู้เดินทางที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จะต้องกักตัว 14 วัน ณ สถานที่ที่กำหนดโดยกระทรวงสาธารณสุข) และแนะนำให้ผู้เดินทางทุกคนควรตรวจ ATK ด้วยตัวเองก่อนเดินทาง

เวียดนาม

Photo : Shutterstock

เปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางเกือบทั้งหมด ซึ่งมีเงื่อนไขคือ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส ไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าประเทศ เพียงแสดงเอกสาร

  • เอกสารแสดงผลตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นลบ โดยสามารถใช้ได้ทั้งผลการตรวจหาเชื้อไวรัสแบบ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมง หรือผลการตรวจหาเชื้อแบบเร่งด่วน (Antigen Rapid Test) จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
  • ประกันสุขภาพหรือประกันเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมการรักษาโรคไวรัส COVID-19 วงเงินประกันไม่ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 332,835 บาท)
  • ข้อมูลสุขภาพผู้เดินทาง โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ tokhaiyte.vn ก่อนหรือเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม
  • ติดตั้งแอปพลิเคชัน PC-Covid เมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารแสดงประวัติการรับวัคซีน COVID-19 และไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางถึงประเทศเวียดนาม

อินโดนีเซีย

Photo : Shutterstock

ประเทศอินโดนีเซีย ทดลองเปิด “เกาะบาหลี” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 65 เป็นต้นไป โดยชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าบาหลีแบบไม่ต้องกักตัวต้องแสดงหลักฐานด้านสุขภาพดังต่อไปนี้

  • หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดส/วัคซีนเข็มกระตุ้น
  • มีผลตรวจ COVID-19 แบบ PCR เป็นลบก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง
  • เอกสารการจองโรงแรมและชำระเงินเต็มจำนวนอย่างน้อย 4 วันในจังหวัดบาหลี
  • รับการตรวจ COVID-19 แบบ PCR เมื่อเดินทางถึงจังหวัดบาหลี ซึ่งหากมีผลตรวจเป็นลบ ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วบาหลี แต่หากมีผลตรวจเป็นบวก จะต้องแยกกักตัวในโรงแรมตามที่ทางการบาหลีกำหนด

ส่วนผู้สูงอายุต่างชาติที่มีผลตรวจเป็นบวกและมีอาการป่วยโรคอื่นร่วมด้วยจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ที่เดินทางถึงบาหลี นักเดินทางต่างชาติต้องตรวจ COVID-19 อีกครั้ง หากผลเป็นลบจะสามารถเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ นอกบาหลีในวันที่ 4 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ชาวต่างชาติจะต้องทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษา COVID-19 ด้วย

ขณะเดียวกัน จะมีการออก Visa on Arrival ให้นักเดินทางต่างชาติจาก 23 ประเทศ ได้แก่ ไทย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, กาตาร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, แคนาดา, อิตาลี, นิวซีแลนด์, ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, เวียดนาม, ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยมีค่าธรรมเนียม Visa on Arrival คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,520 บาท

โดยรัฐบาลอินโดนีเซียจะขยายการบังคับใช้นโยบายไม่กักตัวทั่วประเทศในวันที่ 1 เม.ย. หรือเร็วกว่านั้น หากการทดลองในบาหลีประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้ มาตรการการเดินทางเข้าไปยังประเทศต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ก่อนการเดินทางหรือจองตั๋วเครื่องบิน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลของประเทศนั้นๆ อีกครั้ง

Source

]]>
1379135
‘สิงคโปร์’ ปลดล็อก ‘ไม่ต้องใส่หน้ากาก’ พร้อมเปิดให้เข้าประเทศ ‘ไม่ต้องกักตัว’ เริ่ม 1 เม.ย. https://positioningmag.com/1379079 Thu, 24 Mar 2022 08:48:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379079 ดูเหมือนจุดสูงสุดของการระบาด COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนในสิงคโปร์จะผ่านพ้นไปแล้ว โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันอยู่ที่ 8,940 รายในวันที่ 23 มี.ค. ลดลงจากจำนวนผู้ติดเชื้อ 26,032 รายในวันที่ 22 ก.พ. ขณะที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีเลย โดยผู้ป่วยอาการหนักจนต้องให้ออกซิเจนมีเพียง 0.3% และ 0.04% ที่อยู่ในห้องไอซียู

จากสถานการณ์ที่เริ่มบรรเทาลง ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ได้ประกาศว่าจะผ่อนคลายมาตรการด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับ COVID-19 ซึ่งรวมถึง ไม่ต้องสวมหน้ากากในที่สาธารณะ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องใช้หน้ากากในอาคาร และยังคงต้องเว้นระยะห่าง 1 เมตร นอกจากนี้ ข้อจำกัดในการชุมนุมทางสังคมจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 5 คนเป็น 10 คน ส่วนพนักงานสามารถกลับไปทำงานที่สำนักงานได้ และปลดล็อกให้จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ได้เพิ่มขึ้น

ในส่วนของเกี่ยวกับข้อจำกัดและมาตรการเกี่ยวกับการเดินทางจากต่างประเทศ สิงคโปร์ได้ปลดล็อกให้นักเดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน สามารถเข้าประเทศสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน และไม่ต้องตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงสิงคโปร์

“สิงคโปร์จะปรับปรุงข้อกำหนดในการทดสอบและกักตัว ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศง่ายขึ้น จนเกือบจะเหมือนก่อน การเกิด COVID-19 และจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติมากขึ้น เพลิดเพลินกับการรวมตัวของครอบครัวและเพื่อนฝูง ออกไปนอกบ้านโดยไม่สวมหน้ากาก หรือพบปะกับคนที่คุณรักในต่างประเทศ แต่อย่าลืมที่จะยังระมัดระวังตัว”

หลังมาตรการผ่อนปรนออกมา ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางพุ่งขึ้น อาทิ สิงคโปร์แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 4.25% ในขณะที่ Sats บริษัทที่ให้บริการภาคพื้นดินและบริการจัดเลี้ยงบนเครื่องบินเพิ่มขึ้น 5.04%

ที่ผ่านมา สิงคโปร์มีความเข้มงวดเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ มาก เช่น คำสั่งสวมหน้ากากและการตรวจสอบไทม์ไลน์ย้อนกลับมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลก และก่อนหน้านี้ ผู้อยู่อาศัยในสิงคโปร์ที่เพิ่งเดินทางมาจากประเทศอื่น ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง หากพวกเขามีผลตรวจเป็นบวกภายใน 14 วันหลังจากเดินทางมาถึง

ปัจจุบัน ประชากรสิงคโปร์ประมาณ 92% ได้รับการฉีดวัคซีนเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่ 71% ได้รับวัคซีนกระตุ้น

Source

]]>
1379079