Tinder เผยผลสำรวจ Year in Swipe จากการเก็บข้อมูลประวัติส่วนตัวบน Tinder ของผู้ใช้งานชาวไทยวัย Gen Z ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 – 30 พฤศจิกายน 2564 พบ 7 ที่สุดที่น่าสนใจดังนี้
ฟีเจอร์ Passport ที่ทำให้ผู้ใช้ปักหมุดหาคู่ที่เมืองอื่นได้ ปีนี้แชมป์ก็ยังเป็นของ “กรุงโซล” ประเทศเกาหลีใต้ ตามด้วย “ลอนดอน” ประเทศอังกฤษ “นิวยอร์ก” ประเทศสหรัฐฯ “โตเกียว” ประเทศญี่ปุ่น และ “ลอสแอนเจลิส” ประเทศสหรัฐฯ
แต่ถ้านับเฉพาะภายในประเทศไทย เมืองที่มีคนปักหมุดไปหาคู่แมตช์มากที่สุดคือ “กรุงเทพฯ” ตามด้วย “เชียงใหม่” “ขอนแก่น” “ปทุมธานี” และ “หาดใหญ่ จ.สงขลา”
เนื่องจากการล็อกดาวน์ ทำให้การไปเดทกันแบบเจอตัวอาจจะยุ่งยาก ฟีเจอร์ “วิดีโอคอล” ภายในแอปฯ Tinder จึงตอบโจทย์มากขึ้นในการทำความรู้จักเบื้องต้น โดยสถิติทั่วโลกมีคนใช้งานวิดีโอคอลในแอปฯ เพิ่มขึ้น 52%
ส่วนในไทย Gen Z ก็นิยมการเดทออนไลน์แบบนี้มากขึ้น มี 2 เมืองที่ใช้งานฟีเจอร์นี้มากที่สุดคือ นครราชสีมา และ ขอนแก่น
น่าสนใจว่ากิจกรรมเดทแรกของคน Gen Z ต้องการทำกิจกรรมที่แปลกใหม่และทำให้ได้รู้จักกันจริงๆ Tinder พบว่าคำว่า “กางเต็นท์” ถูกใช้มากขึ้น 3.2 เท่า ในหน้าโปรไฟล์ และทำให้สถานที่เดทอย่างภูเขาและทะเลได้รับความนิยมสูง อย่างไรก็ตาม การเดทแบบอื่น เช่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ก็ยังได้รับความนิยมเหมือนกัน
ปี 2564 เป็นปีที่มีเช็คลิสต์ใหม่ก่อนออกเดทเกิดขึ้น นั่นคือการแชร์ข้อมูลว่าตนเอง “ฉีดวัคซีนแล้ว” บนหน้าประวัติส่วนตัว โดยมีข้อมูลระบุเรื่องนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 27 เท่า เนื่องจากคนเข้าถึงวัคซีนกันมากขึ้น และการแชร์ข้อมูลเรื่องนี้จะทำให้คู่เดทรู้สึกปลอดภัย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คำว่า “หมูกระทะ” กลายเป็นคำยอดฮิตของ Gen Z บนหน้าโปรไฟล์ โดยคำนี้มีการใช้เพิ่มขึ้น 2 เท่า เพราะเป็นการแสดงข้อมูลความชอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยสร้างความประทับใจ ทำให้คู่แมตช์เห็นว่ามีความชอบตรงกัน นอกจากนี้คำว่า “บุฟเฟต์” ก็เพิ่มขึ้นถึง 25%
เพลง เป็นอีกหนึ่งช่องทางแสดงความรู้สึกของคนบน Tinder โดยปีนี้เพลงฮิตมาแรงที่อยู่บนหน้าโปรไฟล์ชาวไทยคือ STAY ของ The Kid LAROI & Justin Bieber รองลงมาเป็นเพลง good4u ของ Olivia Rodrigo ตามด้วย Kiss Me More ของ Doja Cat, SZA
อิโมจิรูปลูกตาสองข้างด้านบนนี้ กลายเป็นอิโมจิแห่งปีบนแอปฯ ทั่วโลกมีการใช้เพิ่ม 40% เป็นการแสดงออกถึงความสงสัยผสมกับความรู้สึกมองโลกในแง่ดี
แล้วปีนี้การปัดขวาของคุณบน Tinder เป็นอย่างไรบ้าง?
อ่านเพิ่มเติม
]]>Gen Z หรือกลุ่มคนที่มีอายุ 9-24 ปี (เกิด 1997 – 2012) ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษาและ First Jobber โดย Gen Z ถือเป็น Gen ที่จะกลายมาเป็นกำลังซื้อหลักในอนาคต เนื่องจากมีจำนวนถึง 25% ของประชากรในอาเซียน อย่างไรก็ตาม แม้คน Gen Z จะมีช่วงอายุที่ใกล้กับคนยุค Millennials แต่ก็มีความแตกต่างกันพอสมควร
ด้วยความที่ Gen Z เกินมาพร้อมอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ผ่านยุคแอนะล็อกเหมือนกับคน Gen อื่น ๆ ทำให้มีความเปิดโลกมากขึ้น อีกทั้ง Gen Z ยังเกิดมาในสภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่า Gen อื่น ทำให้สถานะครอบครัวมีความมั่นคงกว่า
อย่างไรก็ตาม Gen Z มักจะถูกมองว่าเป็น Gen ที่ ไม่ค่อยแคร์สังคม เน้นที่ความคิดตัวเองเป็นหลัก ติดมือถือชอบใช้โซเชียลตลอดเวลาโดยไม่ได้คิด ซึ่งพวกเขานั้นมองว่ากำลังถูกเข้าใจผิด
ในความเป็นจริงแล้ว Gen Z ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ที่ดูเป็นแบบนั้นเพราะ 48% รู้สึกว่ามีความสัมพันธ์แบบเพื่อน ค่อนข้างสนิท เพราะพ่อแม่ไม่ชอบการเลี้ยงดูแบบยุคเก่า และ 46% ถูกสอนให้ตั้งคำถามและมีมุมมองของตัวเอง เปิดกว้างต่อความคิดเห็นต่าง ๆ ได้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้าถึงโซเชียล ทำให้เปิดรับความเชื่อต่าง ๆ ได้มากกว่า
ขณะที่ 63% ของ Gen Z ถูกสั่งสอนให้เคารพต่อสังคมและประเพณี และคิดถึงครอบครัวเป็นหลัก โดย 67% โดยจุดมุ่งหมายทำให้พ่อแม่ภูมิใจ อยากทำงานดี ๆ จะได้เลี้ยงดูพ่อแม่ 61% มองว่าความสุขคือการ ถูกยอมรับจากคนรอบข้าง และ 70% ต้องการมีเพื่อนจำนวนมาก แต่ไม่ได้แปลว่าจะละทิ้งความเป็นตัวเองเพื่อให้เข้ากับเพื่อน
ในส่วนของการ ‘ให้ความสำคัญกับชีวิต’ (Life Value) ไม่น่าเชื่อว่า Gen Z ให้ความน้ำหนักกับความมั่นคง ครอบครัว และ Inner peace (ความสงบภายใน) เท่า ๆ กัน โดย Gen Z มองว่า ความสำเร็จเกิดจากความสุขของเขาและคนรอบข้าง โดย Gen Z ถือว่าเป็น Gen ที่พยายาม ‘บาลานซ์’ ความสุขของตัวเองและคนรอบข้าง
โดย 86% เห็นด้วยกับข้อความที่ว่า ชีวิตเป็นการเติมเต็มความรับผิดชอบ และ ชีวิตเป็นเรื่องของการรักตัวเอง และ 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นด้วยว่า ความสำเร็จ คือ การมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น ไม่ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไร ชี้ให้เห็นว่า ตำแหน่งใหญ่โตและการหาเงินทองไม่ใช่สิ่งพิสูจน์ความสำเร็จสำหรับพวกเขา
“คนชอบบอกว่า Gen Z มีความสุดโต่ง สนใจเรื่องตัวเองมากกว่าสังคม อยากได้เงิน งาน เที่ยว ครอบครัว แต่จริง ๆ แล้ว เขามองว่าความสำเร็จในชีวิตขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ แค่มีความสุขในทุกวันก็ประสบความสำเร็จแล้ว” พร้อมพร สุภัทรวณิช ผู้จัดการแผนกวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮิลล์ เอเชีย จำกัด กล่าว
พิมพ์พิชญ์ ธีระพิทยานนท์ นักวางแผนกลยุทธ์ดิจิทัลอาวุโส บริษัท ไอ-ดีเอซี (แบงค็อก) กล่าวว่า Gen Z มีการใช้งานโซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์มด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน โดยใช้ Facebook เพื่ออ่านข่าวต่าง ๆ ส่วน Instagram จะเน้นใช้แชร์เรื่องราวชีวิต โดยเฉพาะใน IG Story ด้าน Twitter เปรียบเสมือนที่ระบายคลายเหงา และเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผลักดันเทรนด์ต่าง ๆ ส่วน TikTok ใช้เน้นคลายเครียด มีอีกสิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Gen Z ชาวไทยคือ ชอบซื้อของผ่าน ‘ไลฟ์สด’ และเน้นซื้อ-ขายบน Instagram กับ Twitter
นอกจากนี้ Gen Z มักจะมีแอคเคานต์มากกว่า 1 บัญชี แต่ไม่ได้ สร้างตัวตนปลอม แต่มีไว้ก็เพื่อ แสดงตัวตนในแต่ละแบบ โดย 82% แคร์เรื่องคาแร็กเตอร์ของตัวเอง และ 68% ต้องการแสดงตัวตนที่เป็นธรรมชาติของฉันในโซเชียลมีเดีย และนอกจากนี้ Gen Z มักใช้โซเชียลมีเดียเพื่อทำให้สังคมดีขึ้นและขับเคลื่อนเรื่องบางอย่าง เช่น ความเท่าเทียม, ประเด็น LGBTQ และการเมือง เป็นต้น
จากข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วเป็นคนมีเหตุมีผล โดย Gen Z จะชอบเปรียบเทียบทุกอย่าง โดย Gen Z จะเป็น Gen ที่คาดหวังกับแบรนด์สูงกว่า Gen อื่น ๆ แต่ถ้าได้สินค้าที่ตรงตามความต้องการหรือตรงตามคาดหวังก็พร้อมจะจ่ายในราคาที่แพงขึ้น โดย 80% เต็มใจจ่ายมากขึ้นให้กับแบรนด์ที่ช่วยเหลือสังคม
ขณะที่ Influencers ยังมีผู้มีมีอิทธิพลทำให้พวกเขารู้จักสินค้า และแม้เทรนด์เช่าใช้มาแรงแต่ 94% อยากเป็นเจ้าของเพราะเขาต้องการความมั่นคง
“ถ้าตอบโจทย์ความคาดหวังได้นอกจากจะได้เงินยังได้ใจด้วย” วรรณรัตน์ วิศวสุขมงคล รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮาคูโฮโด (กรุงเทพ) จำกัด กล่าว
“แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์มีกลุ่มเป้าหมายไม่เหมือนกัน แต่สำหรับการสร้างฐานลูกค้าในระยะยาวแล้ว Gen Z ก็เป็นอีกกลุ่มที่ต้องเร่งมัดใจเพื่อให้มีความภักดีกับแบรนด์ ขณะที่ความสัมพันธ์ของ Gen Z กับคนในครอบครัวค่อนข้างมีความใกล้ชิด ดังนั้น มีโอกาสที่ Gen Z จะพูดคุยและแนะนำแบรนด์ให้กับคนในครอบครัวได้”
ทั้งนี้ Gen Z ในอาเซียนมีความยูนีคที่ต่างจาก Gen Z ทั่วโลกก็คือ การมีจุดยืนที่ชัดเจนเกินไป ไม่ว่าจะเรื่องการเมืองหรือปัญหาสังคมก็ตาม ถ้ามีความสุดโต่งในด้านใดด้านหนึ่งจะทำให้ Gen Z รู้สึกว่าการสนับสนุนเป็นเรื่องยาก เพราะกลัวว่าคนรอบข้างจะรู้สึกว่าสนับสนุนหรือมีความเห็นไปทางเดียวกับแบรนด์ ดังนั้น ควรแสดงจุดยืนในด้านของ ศีลธรรม เป็นหลัก
“ไม่ใช่แค่ GenZ ที่ล่าแม่มด แต่น่าจะเป็นทุก Gen แต่ถ้าเกิดเราถูกต่อต้านจาก Gen Z เราควรรีบเข้าไปดูว่ามันเกิดจากอะไร และสามารถแก้ไขอย่างไรได้บ้าง โดยการสื่อสารต้องทำอย่างตรงไปตรงมาและต้องรีบทำ เพราะ Gen Z ต้องการความรวดเร็ว”
สรุปแล้ว Gen Z ไม่ได้สุดโต่ง แต่แสวงหาความลงตัวกับทุก ๆ ด้านของชีวิต พร้อมกับแบ่งจุดประสงค์ในการใช้งานโซเชียลฯ แต่ละช่องทาง และเชื่อว่าโซเชียลฯ มีพลังในการเปลี่ยนแปลงขึ้น ดังนั้น Gen Z คือ นักผสานความลงตัว หรือ SynergiZers ที่จะสามารถผสานทุกอย่างให้มีความลงรอยและสอดคล้องกันในทุกมิติ ไม่ได้แคร์แค่ตัวเองแต่แคร์ครอบครัวและคนรอบข้าง
]]>