LGBTQI+ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 01 Jun 2023 15:50:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กรณีศึกษา: “บาร์บีก้อน” แหวกกระแส ไม่เปลี่ยนโปรไฟล์เป็น “สีรุ้ง” ในเดือน Pride Month https://positioningmag.com/1432743 Thu, 01 Jun 2023 13:58:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432743 การตลาดในเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ Pride Month” ปี 2566 ขอยกกรณีศึกษาจาก “บาร์บีก้อน” หรือร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ที่รีบออกตัวก่อนใครว่าปีนี้จะไม่เปลี่ยนโปรไฟล์เป็น “สีรุ้ง” เพราะต้องการเคารพความหลากหลายให้เป็นเรื่องปกติทุกวัน ถือเป็นแคมเปญแหวกกระแสที่เสี่ยงต่อการได้รับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐจาก LGBTQ+

ช่วงเย็นของวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ก่อนเข้าสู่ Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ 1 วัน โซเชียลมีเดียของร้านบาร์บีคิวพลาซ่าได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความไว้ดังนี้

“ขออภัย หากพรุ่งนี้ Bar B Q Plaza ไม่ได้เปลี่ยนรูป Profile เป็นสีรุ้ง เพราะการเคารพในความหลากหลาย ‘ควรเป็นเรื่องปกติ’ ที่ควรเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ไม่ว่าเดือนไหน มาสนับสนุน Pride Month อย่างเข้าใจ และทำเรื่องนี้ให้เป็น ‘เรื่องปกติ’ กันนะคร้าบบ” พร้อมใบหน้าของ “บาร์บีก้อน” มาสคอตร้าน กับข้อความว่า “รักเธอเสมอทุกเวลา <3”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารวมถึงปีนี้ด้วย มีแบรนด์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่หันมาแสดงข้อความสนับสนุน LGBTQ+ ในเดือนมิถุนายน พร้อมเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีรุ้งหรือประดับธงรุ้งเข้ากับโลโก้บริษัท บางแบรนด์อาจจะมาพร้อมกับ “สินค้าสีรุ้ง” ไว้จำหน่ายในเดือนนี้โดยเฉพาะ หรือหยิบยกสินค้าที่มีสีรุ้ง (หรือใกล้เคียง) ของร้านออกมาโปรโมตในช่วงเวลานี้

ทำให้ในรอบ 1-2 ปีมานี้ แวดวงผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศในไทยเริ่มมีกระแสตีกลับแบรนด์ที่ออกตัวสนับสนุน LGBTQ+ ในเดือนมิถุนายน ด้วยคำถามว่า ‘แบรนด์มีความจริงใจหรือไม่ที่จะสนับสนุน LGBTQ+ ตลอดทั้งปี หรือเป็นเพียงกิมมิกทางการตลาดเพื่อเกาะกระแสและขายสินค้าเท่านั้น?’

นี่น่าจะเป็นจุดตั้งต้นให้บาร์บีคิวพลาซ่าวางแคมเปญที่แตกต่างสำหรับ Pride Month ปี 2566 เลือกจะออกแถลงการณ์ดังกล่าวข้างต้นว่าร้านจะไม่ประดับธงรุ้งในโปรไฟล์

สำหรับ feedback ของชาวเน็ตส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างจะเป็นไปในเชิงบวก เต็มไปด้วยคำชมว่าเป็นทัศนคติที่ ‘ยอดเยี่ยม’ และเป็นเรื่องถูกต้องที่แบรนด์ไม่เกาะกระแสเพื่อขายของ

แต่แน่นอนว่า เมื่อได้รับดอกไม้แล้วย่อมต้องมีก้อนอิฐบ้างเช่นกัน เนื่องจากความเห็นบางส่วนก็ตั้งคำถามกลับว่า แล้วบาร์บีคิวพลาซ่ามีนโยบายใดที่เป็นรูปธรรมในบริษัทบ้างที่สื่อให้เห็นว่าแบรนด์เคารพในความหลากหลายจริงๆ

ทางบาร์บีคิวพลาซ่าจึงมีภาพโปรโมตเพิ่มเติมถึงนโยบายของบริษัทแม่ บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด ว่าบริษัทมีนโยบายเพื่อความเท่าเทียม เช่น พนักงานสามารถเลือกใส่แบบยูนิฟอร์มได้ตามความชอบ, มีโควตาวันลาสำหรับผ่าตัดแปลงเพศ, การแต่งงานเพศเดียวกันสามารถใช้สิทธิวันลาแต่งงานได้เช่นกัน

ในขณะที่บางความเห็นส่งคำถามถึงบาร์บีก้อนว่า รู้หรือไม่ว่าการฉลอง Pride Month เกิดขึ้นเพื่ออะไร รวมถึงเสนอมุมมองว่าแบรนด์อื่นๆ ที่เปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีรุ้งนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกวันนี้สังคมยังไม่ได้ให้การยอมรับเพศหลากหลายเท่าเทียมกับชายหญิงตรงเพศกำเนิดอย่างแท้จริง ทำให้การรณรงค์เพื่อความเท่าเทียมยังต้องมีต่อไปทุกปี และแบรนด์ที่ช่วยกันติดธงสีรุ้งเพื่อสร้างการรับรู้ สร้างบทสนทนาให้สังคมหันมาพูดถึงสิทธิของ LGBTQ+ นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ควรถูกละเลยความตั้งใจ

ทางบาร์บีคิวพลาซ่าก็ตอบรับทุกความเห็นว่า “Gon น้อมรับคำชี้แนะครับ ขอบคุณมากครับ”

ขณะนี้แคมเปญของ “บาร์บีก้อน” ยังไม่มีดราม่าใหญ่โตอะไรจากการเลือกวางตัวไม่เปลี่ยนโปรไฟล์เป็น “สีรุ้ง” นับเป็นกรณีศึกษาทางการตลาดที่ “กล้า” แข็งขืนวางจุดยืนของตัวเอง แม้รู้ว่าจะได้รับ feedback ทั้งบวกและลบเข้ามาก็ตาม

 

*Pride Month คืออะไร? ย้อนไปในช่วงยุคทศวรรษ 1960s การแสดงออกถึงความรักต่อเพศเดียวกันยังถือว่าผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา ทำให้ผับบาร์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็น LGBTQ+ มักจะถูกตำรวจตรวจค้นและจับกุมผู้มาใช้บริการเสมอๆ จนกระทั่งวันที่ 28 มิถุนายน 1969 ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นผับ “สโตนวอลล์ อินน์” ในเมืองนิวยอร์ก เหมือนเช่นเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือรอบนี้กลุ่มคนในผับพยายามต่อสู้กลับจนกลายเป็นการจลาจล

การจลาจลครั้งนั้นไม่ได้จบลงภายในคืนเดียว แต่มีการลุกฮือเดินขบวนเรียกร้องสิทธิการแสดงออกความเป็น LGBTQ+ ในที่สาธารณะต่อเนื่องอีกเป็นสัปดาห์ในบริเวณกรีนิช วิลเลจ ที่ตั้งของผับสโตนวอลล์ อินน์ และกลายเป็นข่าวครึกโครมทั่วประเทศ

ในปีต่อมาคือปี 1970 จึงเกิดการเดินขบวนเรียกร้องสิทธิเกย์ใน 4 เมืองหลักของสหรัฐฯ คือ นิวยอร์ก ชิคาโก ซานฟรานซิสโก และลอสแอนเจลิส โดยยึดเอาวันที่ 28 มิถุนายนเป็นวันเดินขบวน จนต่อมาเดือนมิถุนายนกลายเป็น ‘Pride Month’ ที่ผู้มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลกใช้เป็นเดือนแห่งการเรียกร้องสิทธิของตน รวมถึงในประเทศไทยด้วย โดยปี 2566 จะมีการจัดงาน Bangkok Pride 2023 ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เวลา 14:00-20:00 น. เดินขบวนตั้งแต่แยกปทุมวันจนถึงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

]]>
1432743
ผู้บริหารฝ่ายการตลาดถูกพักงาน เซ่นวิกฤตเบียร์ “Bud Light” เลือก “สาวทรานส์” ช่วยโฆษณา https://positioningmag.com/1428318 Mon, 24 Apr 2023 08:26:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428318 เบียร์ยี่ห้อ “Bud Light” เผชิญวิกฤตหลังจากเลือก “สาวทรานส์” ชื่อดังมาโฆษณา ลุกลามจนเป็นกระแสบอยคอตในหมู่ผู้บริโภคกลุ่มอนุรักษ์นิยม ล่าสุดผู้บริหารฝ่ายการตลาดของแบรนด์นี้ถูกบริษัทสั่งพักงานแล้ว

Anheuser-Busch Inbev บริษัทเจ้าของเบียร์ยี่ห้อ Bud Light ประกาศการพักงานผู้บริหารระดับสูง “อลิสซา ไฮเนอร์ไชด์” รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดของเบียร์ Bud Light และจะส่ง “ท็อดด์ อัลเลน” รองประธานบริหารที่ดูแลเบียร์ Budweiser ทั่วโลกมาดูแลแทนชั่วคราว

ตามรายงานข่าวของ Insider บริษัท Anheuser-Busch กำลังเข้าจัดระเบียบลำดับการทำงานในทีมงานด้านการตลาดให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้บริหารอาวุโสของทีมลงมาดูแลกิจกรรมของแบรนด์อย่างใกล้ชิด

“ขั้นตอนเหล่านี้จะทำให้เรายังคงมุ่งมั่นกับสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด นั่นคือการกลั่นเบียร์ที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้บริโภคทุกคน ขณะที่ยังคงสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนของเราและประเทศ” โฆษกของบริษัทแจ้ง

 

จุดเริ่มต้นกระแสบอยคอต

การพักงานผู้บริหารระดับสูงของ Bud Light เกิดขึ้น 1 เดือนหลังจากที่เบียร์ Bud Light เลือกทำแคมเปญร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ “ดีแลน มัลเวนีย์” ซึ่งเธอเป็น “ทรานส์เจนเดอร์” บุคคลข้ามเพศจากชายเป็นหญิง และทำคอนเทนต์เล่าเรื่องราวเส้นทางการเป็นทรานส์เจนเดอร์ของตนเอง

ทรานส์เจนเดอร์ Bud Light
วิดีโอประกาศการทำแคมเปญร่วมกัน กลุ่มอนุรักษ์นิยมเริ่มออกมาต่อต้านทันทีหลังวิดีโอชิ้นนี้เผยแพร่ (Photo: IG@dylanmulvaney)

แคมเปญใหญ่ที่ทำร่วมกันเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา โดยมัลเวนีย์โพสต์ใน Instagram ของเธอว่า Bud Light กำลังจะออกกระป๋องเบียร์รุ่นพิเศษเป็นลายใบหน้าของมัลเวนีย์ เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 1 ปีที่มัลเวนีย์เปิดเผยตัวว่าเธอเป็นผู้หญิง

ปรากฏว่าวิดีโอแคมเปญนี้จุดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ต่อต้านทรานส์เจนเดอร์ออกมาสร้างกระแสให้ร่วมกันบอยคอตเบียร์ Bud Light การบอยคอตเหล่านี้มีกลุ่มเซเลปคนดังหลายคนช่วยเป็นกระบอกเสียง เช่น Kid Rock ซึ่งเป็นศิลปินดังในสหรัฐฯ มีการอัดคลิปตนเองยิงกระป๋องเบียร์ Bud Light ทิ้ง

จากนั้นกระแสก็เริ่มลุกลามไปในหมู่คนทั่วไป หลายคนอัดคลิปตนเองทำลายเบียร์ Bud Light ด้วยวิธีที่แสดงความเกลียดชังต่างๆ ทั้งโยนทิ้งขยะ ขับรถทับกระป๋อง ใช้รถแทรกเตอร์บดขยี้ ฯลฯ

คลิปยิงกระป๋องเบียร์ Bud Light ของ Kid Rock (Photo: IG@kidrock)

แรกเริ่มเดิมทีที่มีกระแสต่อต้านเกิดขึ้น Bud Light เลือกที่จะยืนข้างมัลเวนีย์ โดยบอกว่า “แบรนด์มีการทำงานกับอินฟลูเอนเซอร์หลายร้อยคน เป็นหนึ่งในหลายเส้นทางที่แบรนด์จะได้เชื่อมสัมพันธ์กับผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะแบ่งตามเพศ/อายุ หรือแบ่งตามความสนใจ”

มัลเวนีย์เองก็ออกมาตอบโต้ด้วยเช่นกันว่าเธอกำลัง “ตกเป็นเป้า” ของการวิจารณ์

“เป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะทุกสิ่งที่ฉันทำเป็นเรื่องเชิงบวกทั้งนั้น” เธอกล่าว “เป็นความพยายามที่จะสานสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ที่อาจจะยังไม่เข้าใจฉัน เป็นคอนเทนต์เพื่อให้คนได้หัวเราะกัน หรือทำให้เด็กสักคนรู้สึกมีตัวตนในโลกนี้”

 

กลุ่มต่อต้านทรานส์ทวีความแรงในสหรัฐฯ

Anheuser-Busch Inbev หรือ AB Inbev เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากเบลเยียมที่มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายไปทั่วโลก เบียร์ที่เป็นที่รู้จักในไทย เช่น Budweiser, Corona Extra, Hoegaarden, Stella Artois เป็นต้น และปกติแคมเปญการตลาดของ AB Inbev มักจะเป็นที่สนใจ

ทั้งนี้ สำนักข่าว Insider วิเคราะห์ว่า การบอยคอต Bud Light ที่ทำแคมเปญกับทรานส์เจนเดอร์นั้น เชื่อมโยงได้กับความรู้สึกมุ่งร้ายรุนแรงในฝ่ายอนุรักษ์นิยมชาวอเมริกันที่มีต่อบุคคลข้ามเพศ

กฎหมายต่อต้านทรานส์เจนเดอร์เริ่มมีการบังคับใช้ในหลายรัฐทั่วประเทศในปีนี้ เช่น รัฐโอคลาโฮมา ออกกฎหมายแบนไม่ให้บริษัทประกันครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการแปลงเพศ รัฐเซาธ์แคโรไลน่า ออกกฎหมายแบนไม่ให้มีการรักษาทางการแพทย์เพื่อปรับเพศสภาพในกลุ่มเยาวชน รวมถึงรัฐฟลอริด้า เริ่มควบคุมเวที ‘แดรกควีน’ ไม่ให้เยาวชนเข้าชม

ยังไม่มีการรายงานว่ากระแสต่อต้านเหล่านี้ทำให้ Bud Light เสียรายได้หรือความนิยมไปมากน้อยแค่ไหน แต่การพักงานผู้บริหารระดับสูงก็นับได้ว่าเป็นสัญญาณว่า แบรนด์อาจจะต้องการจะห้ามเลือดไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามไปมากกว่านี้

Source

]]>
1428318
BHG รุกตลาด LGBTQI+ ส่งโซลูชันดูแล “สุขภาพ” ปรึกษาแพทย์ส่วนตัวได้ในบ้านผ่านดิจิทัล https://positioningmag.com/1340077 Thu, 01 Jul 2021 09:21:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340077 Borderless Healthcare Group (BHG) เปิดตลาดใหม่ “Borderless.lgbt” นำโซลูชันดูแลสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลเจาะกลุ่ม LGBTQI+ รับคำปรึกษาจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงได้ในบ้านหรือที่ใดก็ได้บนโลก แก้ปัญหาเฉพาะของกลุ่มเพศวิถี/เพศสภาพที่มีผู้เชี่ยวชาญเข้าใจจำนวนไม่มาก ชี้ประเทศไทยโดดเด่นในการเป็นฮับอยู่อาศัยของผู้มีความหลากหลายทางเพศ

ดร.เว่ย เซียง ยู ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการกลุ่ม Borderless Healthcare Group (BHG) เปิดตัวบริการใหม่ของกลุ่มในชื่อ Borderless.lgbt เป็นโซลูชันดิจิทัลเพื่อให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ สามารถรับคำปรึกษาได้ในบ้านพักของตนเองหรือที่พักใดๆ บนโลกที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้

BHG นั้นเป็นกลุ่มธุรกิจการแพทย์ที่ก่อตั้งในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มีกลยุทธ์ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อดูแลสุขภาพให้ลูกค้าแบบครบวงจร โดยบริษัทเข้ามาขยายธุรกิจในไทยตั้งแต่ปี 2561 ด้วยการเปิดคลินิกเด็กหลอดแก้ว (IVF) รับแช่แข็งเก็บรักษาไข่และอสุจิ

สำหรับ Borderless.lgbt นั้นจะเป็นแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาผ่านการประชุมออนไลน์ โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกาย-จิตใจของกลุ่ม LGBTQI+

ดร.เว่ย เซียง ยู ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการกลุ่ม Borderless Healthcare Group (BHG)

ดร.เว่ยอธิบายว่า ปัญหาของกลุ่มหลากหลายทางเพศในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์มีอยู่หลายประการ โดยขอยกตัวอย่างสถิติจากฝั่งสหรัฐอเมริกา ดังนี้

  • มากกว่า 50% ของ LGBTQI+ ถูกกีดกันจากระบบสุขภาพ
  • มากกว่า 50% ของคนข้ามเพศ หลังจากแปลงเพศแล้วกลับได้พบแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลร่างกายของคนข้ามเพศ
  • 1 ใน 4 ของ LGBTQI+ เลี่ยงที่จะไปพบแพทย์ เพราะหวาดกลัวการถูกเหยียดหยาม โดยเฉพาะกลุ่มเลสเบี้ยนและกลุ่มคนผิวสีจะเลี่ยงการไปพบแพทย์มากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ
  • มีเพียง 16% ของกลุ่ม LGBTQI+ ที่ยินยอมแจ้งแพทย์ตามตรงเกี่ยวกับเพศวิถีหรือเพศสภาพของตนเอง

นอกจากนี้ สถิติของฝั่งเอเชียแปซิฟิกก็มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน โดย 80% ของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในทวีปนี้เลือกที่จะปิดบังเพศสภาพหรือเพศวิถีของตน เนื่องจากกลัวผลกระทบทางด้านการงาน ครอบครัว ฯลฯ

ส่วนปัญหาสุขภาพเฉพาะตัวของ LGBTQI+ นั้น ดร.เว่ยกล่าวว่า คนทั่วไปมักจะมองว่ากลุ่มนี้มีปัญหาที่แตกต่างเฉพาะเรื่องการแปลงเพศ และเรื่องการติดเชื้อ HIV แต่ที่จริงยังมีปัญหาเฉพาะตัวมากกว่านั้น เช่น สุขภาพจิต ฮอร์โมนส์ สุขภาพทางเพศ เป็นต้น

จากความเฉพาะเจาะจงทั้งหมด ทำให้มีแพทย์จำนวนไม่มากที่ตอบโจทย์ LGBTQI+ ดร.เว่ยจึงวางโซลูชัน Borderless.lgbt ขึ้นเพื่อการพบแพทย์ทางไกล (telemedicine) เข้าถึงแพทย์กลุ่มนี้ได้ง่ายขึ้นแม้แพทย์จะไม่ได้อยู่ใกล้บ้านหรือกระทั่งอยู่ในประเทศเดียวกัน โดยจะใช้อุปกรณ์ “สมาร์ททีวี” เป็นหลักในการติดต่อ เพราะมีจอใหญ่เหมาะกับการประชุมหลายบุคคลพร้อมกัน รวมถึงจะไม่ถูกรบกวนจากการโทรฯ เข้าเหมือนกับการใช้สมาร์ทโฟนด้วย

เมื่อเป็นระบบดิจิทัลแล้ว ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถเข้าถึงแพทย์ได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะในบ้านพักส่วนตัว วิลล่า หรือรีสอร์ตที่มีการติดตั้งระบบไว้

ทั้งนี้ ดร.เว่ยกล่าวว่า Borderless.lgbt ต้องการจะเป็น “โซลูชัน” สุขภาพและที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ดังนั้น จะไม่ได้มีเฉพาะแพทย์ แต่มีนักโภชนาการ เทรนเนอร์ออกกำลังกาย ไปจนถึงฝ่ายกฎหมาย หากจำเป็นต้องดูแลให้กับลูกค้า และจะมีล่ามหลายภาษาเข้าสายด้วย เพื่อให้บริการได้ไม่ติดขัด

ตัวอย่างปัญหาสุขภาพ มาจากความเชี่ยวชาญของกลุ่ม BHG เอง นั่นคือ การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ซึ่งมี LGBTQI+ หลายรายต้องการใช้บริการ แต่ประเด็นนี้อาจต้องเกี่ยวเนื่องถึงการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายด้วย

“เราดูแลด้านสุขภาพที่ไม่ใช่เคสฉุกเฉิน เพราะหากเป็นเคสฉุกเฉินต้องไปโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว แต่เราจะดูแลเคสที่ต้องการการดูแลหลากหลายด้าน และดูแลต่อเนื่องไปในชีวิต อย่างการทำ IVF ไม่ได้มีแค่การฝากอสุจิหรือฝากไข่ แต่ต้องการนักโภชนาการดูแลอาหารการกินให้พร้อมก่อนไปฝาก” ดร.เว่ยอธิบาย

 

ประเทศไทยเหมาะเป็นฮับของ LGBTQI+

ดร.เว่ยยังกล่าวถึงขนาดตลาดของผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วยว่า มีขนาดตลาดใหญ่มาก โดยประชากรกลุ่มนี้มีกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก และเป็นผู้มีกำลังซื้อ โดยกำลังซื้อรวมคิดเป็นมูลค่ากว่า 3.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 124.8 ล้านล้านบาท) รวมถึงมีไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยว พร้อมจ่าย และส่วนใหญ่ไม่มีบุตรหลาน ทำให้ธุรกิจบ้านพักหลังเกษียณพร้อมผู้ดูแล (Senior House) ที่เจาะคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะจะมีความน่าสนใจมาก

เจาะลึกที่ประเทศไทย ดร.เว่ยมองว่าไทยพร้อมที่จะเป็นฮับของคน LGBTQI+ เข้ามาลงหลักปักฐาน เพราะนอกจากไทยจะมีความเป็นมิตรกับผู้มีความหลากหลายทางเพศ ชื่อเสียงของ ‘แหล่งปาร์ตี้’ ในไทยมีอยู่เป็นทุนเดิม ซึ่งสามารถขยายให้เป็นฮับที่มากไปกว่านั้นได้ เช่น เป็นฮับด้านสุขภาพของ LGBTQI+ แหล่งบ้านพักหลังเกษียณ จนถึงการสร้างแหล่งเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เทคโนโลยี ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค ที่เจาะกลุ่มเหล่านี้

นอกจากนี้ ไทยยังเป็นทำเลที่อยู่ใกล้สองแหล่ง LGBTQI+ ขนาดใหญ่ คือ “จีน” ซึ่งคาดว่ามีผู้มีความหลากหลายทางเพศถึง 75 ล้านคน และ “อินเดีย” ที่น่าจะมีราว 70 ล้านคน เช่นกัน รวมถึงอยู่ในระยะเดินทางสะดวกของสารพัดประเทศในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก เช่น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, รัสเซีย จนถึงตะวันออกกลาง

ปัจจุบัน Borderless.lgbt เริ่มดำเนินการในไทยบ้างแล้ว มีคลินิกพันธมิตรที่เข้าร่วมเป็นผู้ให้คำปรึกษา และพร้อมเปิดรับพันธมิตรด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่จะติดตั้งระบบนี้ลงในอุปกรณ์ของบ้านพักหรือวิลล่าตากอากาศ เพื่อเจาะกลุ่ม LGBTQI+ โดยเฉพาะ

]]>
1340077
“Gen Love Wins” มากกว่าโลโก้สีรุ้ง “เจนเนอราลี่” ประกันเจ้าแรกๆ ที่สนับสนุนความเท่าเทียม LGBTQI+ https://positioningmag.com/1337949 Wed, 23 Jun 2021 03:00:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1337949

เดือนมิถุนายนของทุกปีคือ Pride Monthเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของชาว LGBTQI+ ตลอดเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานของเท่าเทียมทางเพศ หนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมสนับสนุนอย่างเต็มตัวคือ “เจนเนอราลี่” บริษัทประกันที่อนุมัติให้ใช้ชื่อ “คู่ชีวิต” เพศเดียวกันเป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์มาตั้งแต่ปี 2017 และสนับสนุนความหลากหลายทุกมิติภายในบริษัท

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน หนึ่งในประเด็นที่ชาว LGBTQI+ เรียกร้องเพื่อสิทธิแห่งความเท่าเทียม คือการระบุให้ “คู่ชีวิต” เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ ซึ่งในอดีตจะเป็นสิทธิเฉพาะญาติสายเลือดเดียวกันหรือคู่สมรสต่างเพศ ทำให้คู่ชีวิต LGBTQI+ มีข้อจำกัด แม้ว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้วและต้องการดูแลกันตลอดชีวิตก็ตาม

“เจนเนอราลี่” ถือเป็นประกันเจ้าแรกๆ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญ ก้าวเข้ามาผลักดันความเท่าเทียมทางเพศของ LGBTQI+ ตั้งแต่ปี 2017 ผ่านการออกนโยบาย Gen Love Wins: Insurance For All วางคอนเซ็ปต์ “เพราะความรักชนะทุกสิ่ง” และทุกความรักต้องการการปกป้องเสมอ ปลดล็อคปกป้องทุกความรักและทุกเฉดสีที่เป็นคุณ พร้อมเคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต

ในขณะที่คู่รักเพศเดียวกันในไทยอาจยังไม่ได้รับการรับรองให้จดทะเบียนสมรสได้ เจนเนอราลี่ได้เปิดกว้างให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถระบุชื่อกันและกันในฐานะ “คู่ชีวิต” เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ เพียงแสดงหลักฐานการใช้ชีวิตร่วมกัน เช่น ภาพถ่ายบนโซเชียลมีเดีย ภาพถ่ายการสมรส หลักฐานการซื้อหรืออยู่บ้านเดียวกัน หลักฐานการทำธุรกิจร่วมกัน ทะเบียนสมรส (กรณีจดทะเบียนในต่างประเทศ)

นอกจากนี้ เจนเนอราลี่ยังมีการพัฒนากรมธรรม์รวมถึงความคุ้มครองให้ตอบโจทย์กลุ่ม LGBTQI+ มาตลอด 4 ปี ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ประกันที่จะช่วยดูแลให้คู่รักเพศเดียวกันใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

“เจนเนอราลี่ สนับสนุนสิทธิความเท่าเทียมและไม่ปิดกั้นขอบเขตความแตกต่างทางเพศ เราเปิดกว้างเพื่อตอบโจทย์ทุกรูปแบบของความรัก เปิดโอกาสให้คู่ชีวิตเพศเดียวกันสามารถระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ว่า “คู่ชีวิต” ผ่านแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองและส่งเสริมการวางแผนชีวิตคู่ ซึ่งเรามีครอบคลุมทั้งแบบประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันสะสมทรัพย์ เพื่อให้คู่รัก LGBTQI+ สามารถวางแผนสร้างหลักประกันความคุ้มครองที่มั่นคงกันไปตลอดทั้งชีวิต” บัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าว

ทั้งนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เปิดกว้างต่อความหลากหลายของเจนเนอราลี่นั้น มาจากจุดตั้งต้นภายในบริษัท ที่เจนเนอราลี่มีนโยบายยอมรับความแตกต่างหลากหลายภายในองค์กร (D&I : Diversity and Inclusion) ไม่ว่าจะเป็นด้านเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ไปจนถึงความบกพร่องทางร่างกาย บริษัทฯได้รับการขับเคลื่อนด้วยพลังจากพนักงานที่หลากหลาย ไร้ข้อจำกัดด้านเพศสภาพ และไม่มีนโยบายกีดกันการรับพนักงานกลุ่ม LGBTQI+  เข้าทำงานแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับต้องการสนับสนุนการสร้างสรรค์งานร่วมกันบนความหลากหลายในพื้นฐาน “It’s our differences that make the difference!”

คุณบัณฑิตอธิบายว่า การยอมรับความแตกต่างหลากหลายหรือ D&I นี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพองค์กร เพราะมุมมอง ไลฟ์สไตล์ และประสบการณ์ที่หลากหลายของพนักงานที่แตกต่างกัน จะทำให้บริษัทสร้างสรรค์ได้มากกว่า มีโอกาสรับมือกับโจทย์ที่เข้ามาได้มากกว่า เพราะความแตกต่างคือสิ่งที่สร้างให้เจนเนอราลี่แตกต่างจากรายอื่นๆ

จุดหมายปลายทางของการรวมความหลากหลายเหล่านี้ เป็นไปก็เพื่อการพัฒนาศักยภาพองค์กร ให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเจนเนอราลี่ให้ได้ดียื่งขึ้น เป็น ‘Lifetime Partner’ เคียงข้างทุกช่วงชีวิตของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับการลุกขึ้นยืนหยัดเคียงข้างลูกค้า LGBTQI+ ในแคมเปญ Gen Love Wins: Insurance For All นี้มาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว 

“เราสนับสนุน “Pride Monthมากกว่าแค่เปลี่ยนโลโก้เป็นสีรุ้งในช่วงเวลาแค่เดือนเดียว ด้วยการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงให้กับสังคม เพื่อชาว LGBTQI+ ได้ใช้ชีวิตได้อย่างภาคภูมิใจและมีความเท่าเทียม เราพร้อมเคียงข้างและประกันทุกความรักของคุณ” คุณบัณฑิตกล่าวปิดท้าย

]]>
1337949