LIVE Commerce – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 17 Aug 2023 07:36:54 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 SF Express บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ในจีน งัดกลยุทธ์ไลฟ์ขายสินค้าเกษตรหารายได้เพิ่ม https://positioningmag.com/1441383 Thu, 17 Aug 2023 05:47:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441383 SF Express บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ในประเทศจีน ล่าสุดงัดกลยุทธ์ไลฟ์ขายสินค้าเกษตร โดยหารายได้เพิ่มเติมจากช่องทางนี้ โดยชูจุดเด่นการส่งสินค้าที่ตรงเวลา โดยคาดการณ์ล่าสุดจากบริษัทวิจัยชี้ว่าในปี 2023 ตลาดไลฟ์สินค้าในประเทศจีนจะเติบโตได้ถึง 30%

เว็บไซต์ TechNode รายงานว่า SF Express บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ในจีน ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งสินค้าที่บริษัทจะนำมาไลฟ์ขายสินค้าก็คือสินค้าเกษตร เช่น ผลไม้ โดยจะมีการไลฟ์ผ่าน Mini App ใน WeChat ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ในการไลฟ์ขายสินค้า บริษัทยังได้กล่าวถึงการเป็นพันธมิตรส่งสินค้าให้กับ East Buy ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ New Oriental Education Technology ธุรกิจกวดวิชารายใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่รัฐบาลจีนเข้าปราบปราม และหันมาเปิดธุรกิจไลฟ์ขายสินค้าแทน และมีการโปรโมตถึงการจัดส่งสินค้าตรงเวลา

โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง eMarketer คาดการณ์ว่าในปี 2023 ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนนี้จะเติบโตได้มากถึง 30% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่คาดว่าบริษัทได้ลงมาจับตลาดนี้ด้วย แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจีนจะมีความท้าทาย โดยเฉพาะความมั่นใจของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาก็ตาม

สำหรับ SF Express ถือเป็นบริษัทขนส่งสินค้าใหญ่อันดับ 1 ในประเทศจีน ปัจจุบันมูลค่าบริษัท SF Express อยู่ที่ 229,878 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1.129 ล้านล้านบาท มีขนาดบริษัทใหญ่กว่า ZTO Express รวมถึง JD Logistics

โดยบริษัทขนส่งรายนี้ชูความแตกต่างด้วยการมีเครื่องบินส่งสินค้ามากที่สุดในจีนถึง 80 ลำ ซึ่งแตกต่างกับผู้เล่นรายอื่นที่เน้นใช้รถไฟในการขนส่งสินค้า

ขณะเดียวกัน SF Express ยังเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมของ Kerry Express ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งอีกรายมีเครือข่ายขนส่งในทวีปเอเชีย รวมถึงในประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเข้าระดมทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย คาดว่ามูลค่าระดมทุนจะมากถึง 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 117,285 ล้านบาท ปัจจุบันหุ้นของบริษัทซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น

]]>
1441383
ข้อมูลเผย ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนยังเติบโตได้ถึง 30% ในปีนี้ แม้เศรษฐกิจไม่เป็นใจก็ตาม https://positioningmag.com/1436164 Sun, 02 Jul 2023 13:30:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1436164 ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนยังเติบโตได้ถึง 30% ในปีนี้ หลังจากในปี 2022 ที่ผ่านมามูลค่าตลาดการไลฟ์ขายสินค้านี้เกือบแตะ 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้หลายแบรนด์ไม่เว้นแม้แต่ Apple เองก็ต้องปรับตัวมาขายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางนี้ด้วย

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานถึง ตลาดการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนยังมีการเติบโต โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง eMarketer คาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้จะเติบโตได้มากถึง 30% แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจีนจะมีความท้าทาย โดยเฉพาะความมั่นใจของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาก็ตาม

ในปี 2022 ที่ผ่านมามูลค่าตลาดในการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนนั้นสูงมากถึง 480,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2023 นี้จะมีความท้าทายไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงานของวัยรุ่นที่สูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ฯลฯ

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้การไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนเติบโตมากก็คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนนั้นเปลี่ยนไป โดยข้อมูลจาก iResearch บริษัทวิจัยอีกรายชี้ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการไลฟ์สตรีมขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ไปมากถึง 1.23 ล้านครั้งด้วยกัน

แม้แต่ CEO ของผู้ผลิตสินค้าไอทีอย่าง Xiaomi เองก็เคยได้มาทำการไลฟ์ขายสินค้าของบริษัทมาแล้ว เนื่องจากการไลฟ์ขายสินค้าได้รับความนิยมอย่างมาก โดยทำยอดขายได้มากถึงหลักพันล้านบาทไทยภายในระยะเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นในปี 2020

นอกจากนี้หลังปี 2020 ที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนคือหลายแบรนด์เองเริ่มที่จะมีการไลฟ์ขายสินค้าด้วยตัวเอง จากเดิมที่จะมีการจ้างคนที่มีชื่อเสียงมา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านี้ในอดีตการไลฟ์ขายสินค้าก็มีการลดราคาให้กับลูกค้าอย่างมาก แต่ปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นการเล่าถึงผลิตภัณฑ์แทน

ขณะเดียวกันแบรนด์ในประเทศจีนก็เริ่มปรับตัวในการหาผู้ที่มาไลฟ์ขายสินค้าโดยไม่พึ่งพาผู้ที่ไลฟ์ขายสินค้าเพียงคนเดียว เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ที่มีชื่อเสียงด้านการไลฟ์ขายสินค้ามีกรณีอื้อฉาวในเรื่องของการจ่ายภาษี ทำให้โดนถอดออกจากการไลฟ์ขายสินค้า

ไม่เพียงเท่านี้การเลือกเซเลบริตี้หรือคนดังมาไลฟ์ขายสินค้านั้นหลายแบรนด์ก็ต้องมั่นใจว่าจะเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เนื่องจากมีกรณีที่หลายแบรนด์ในประเทศจีนได้เลือกมาไลฟ์สินค้า แต่กลายเป็นว่ามุมมองของลูกค้ากับแบรนด์นั้นแย่ลงกว่าเดิมเนื่องจากจ้างคนที่ไม่ได้ใช้สินค้าของแบรนด์ดังกล่าวจริงๆ มาไลฟ์ขายสินค้า

ความนิยมในการไลฟ์ขายสินค้ายังทำให้หลายแบรนด์ต้องลงมาเล่นในสงครามนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Apple ที่ปกติแล้วจะไม่มีการขายสินค้าด้วยวิธีนี้ก็ยังต้องลงมาด้วยซ้ำ ซึ่ง CEO เอเจนซี่ที่รับดำเนินการในการไลฟ์ขายสินค้าอย่าง Rommo ได้กล่าวว่าหลายแบรนด์เริ่มเปิดใจรับในการไลฟ์ขายสินค้ามากขึ้น และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ

]]>
1436164
จับเทรนด์ ‘Live Commerce’ ไทยแรงไม่แผ่ว โตทะลุ 300% สูงกว่าค่าเฉลี่ยเอเชียเท่าตัว https://positioningmag.com/1340876 Tue, 06 Jul 2021 07:41:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340876 สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ได้กลายมาเป็นตัวเร่งสำคัญที่กระตุ้นผู้บริโภคคนไทยก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวสูง ซึ่งประเมินว่าภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในปี 2564 จะมีการขยายตัว 15-20% แต่ที่น่าจับตาก็คือ ‘โซเชียลคอมเมิร์ซ’ ที่เป็นเทรนด์แรงของไทย

Social Commerce โตไม่แผ่ว

ผลสำรวจการใช้โซเชียลคอมเมิร์ซของคนไทยพบว่าช่วงโควิดร้านค้า 56% เข้ามาสู่ Social Commerce โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากสุด คือ

  • Facebook 58%
  • Line 35%
  • Instagram 21%
  • Twitter 11%

ลูกค้าประมาณ 69% จะเลือกซื้อสินค้าผ่านเพจต่าง ๆ โดยกลุ่ม ผู้หญิง จะสนใจ ความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย กลุ่มลูกค้า ผู้ชาย จะสนใจผลิต Gadget และของตกแต่งบ้าน กลุ่มอายุ 55 ปี จะสนใจเรื่องอาหาร

ทั้งนี้ ผู้บริโภค 62% รู้สึกชื่นชอบการซื้อสินค้าผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ ผู้บริโภค 45% มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000-3,000 บาท ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และมากกว่า 50% ของพนักงานออฟฟิศและนักเรียน นักศึกษาใช้เวลาช้อปสินค้าผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน

Live Commerce เทรนด์แรงสุด

Social commerce ที่มีหลายด้าน แต่สิ่งที่มาแรงคือ Live Commerce ที่จะสอดคล้องกับพฤติกรรมคนไทยที่ชอบเข้ามาดูเพื่อความสนุกสนานและมีส่วนร่วมกับผู้ขายสินค้า โดยมูลค่ารวมของยอดขายสินค้าผ่าน Live Commerce ในไตรมาส 2 ของไทยมีการเติบโตถึง 300% ด้านจำนวนคำสั่งซื้อก็เติบโตเพิ่มขึ้น 210% จำนวนการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น 300% รวมทั้งจำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 283%

ด้านภาพรวมในเอเชีย มูลค่ารวมของยอดขายสินค้าผ่าน Live Commerce ไตรมาส 2 มีการเติบโต 160% จำนวนคำสั่งซื้อเติบโต 180% จำนวนการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น 70% จำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 125%

ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการทำ Live Selling ในไทยคือ 19.00 น. โดยหมวดหมู่ยอดนิยมจะเป็น ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ 37% เครื่องแต่งกาย 28% และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 24%

5 สินค้าที่นิยมสูงสุดบนอีคอมเมิร์ซ

ในส่วนของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในไทยจะมีออเดอร์สูงสุดใน วันจันทร์ และช่วงเวลา 20.00 น. ส่วนเอเชียจะขายดีใน วันพุธ และช่วงเวลา 22.00 น.

สำหรับกลุ่ม 5 สินค้าที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคและมีการเลือกซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซสูงสุด ได้แก่

  • กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 28%
  • ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล 16%
  • โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน 8%
  • ของใช้ในบ้าน 6%
  • สินค้าเพื่อความสวยงาม 5%

จับตา 5 เทรนด์ที่จะอยู่ไปอีกนาน

ชนนันท์ ปัญจทรัพย์ Country Manager, SHOPLINE Thailand ผู้นำระบบจัดร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร มองว่า เทรนด์เกี่ยวกับโซเชียบอีคอมเมิร์ซที่กำลังเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2021 และจะอยู่ไปอีกนานหลายปีมี 5 เทรนด์ ดังนี้

  1. Omnichannel ช่องทางการขายที่จะมีทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะออนไลน์มีหลายช่องทางจะต้องมีการบริหารจัดการอย่างไร
  2. Availability of payment and delivery options มีช่องทางรับการจ่ายเงินที่ควรมีหลายออปชั่นให้เลือก
  3. Creative wins จากเดิมที่ผู้บริโภคจะซื้อจากราคาแต่ในปัจจุบันเรื่องราคาไม่สำคัญสุด ผู้ประกอบการต้องมีความคิดสร้างสรรค์
  4. Seamless customer experience ทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่เข้ามาค้นหาสินค้าจนถึงการเลือกซื้อสินค้าและได้รับสินค้า
  5. Direct to consumer (D2C) แบรนด์ต้องการอยากได้ข้อมูลโดยตรงกับลูกค้าสามารถไปต่อยอดได้

หลังจากที่ SHOPLINE ให้บริการเป็นเวลา 8 เดือน โดยในช่วงช่วงครึ่งปีแรกจำนวนร้านค้าที่เข้ามาใช้บริการช้อปไลน์มีการเติบโต 10-15% ต่อเดือน โดยช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทได้เพิ่ม 2 ฟีเจอรใหม่ เพื่อจับกระแส Live Commerce ได้แก่ ‘LIVE Bidding’ ฟีเจอร์การประมูลแบบไลฟ์ และ ‘Golden Minutes’ นาทีทอง สำหรับร้านค้าที่จะจัดกิจกรรมเล่นเกมกับลูกค้าเพื่อแจกของกำนัล โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะสามารถเติบโตได้สองเท่าหรือกว่า 30-40% ต่อเดือน

]]>
1340876
‘LINE SHOPPING’ ปรับใหญ่พร้อมลุยสมรภูมิ ‘Social Commerce’ มั่นใจขึ้นเบอร์ 1 ใน 3 ปี https://positioningmag.com/1304454 Wed, 04 Nov 2020 12:59:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304454 ย้อนไป 2 ปีก่อน ‘LINE SHOPPING’ คือ ‘Market Place Aggregator’ ที่ร่วมเอา ‘Market Place’ เจ้าดังอย่าง Lazada, JD Central, Shopee รวมถึงเว็บไซต์อื่น ๆ มาไว้ในที่เดียว แต่หลังจากมี ‘LINE MyShop’ ที่เป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้ LINE Official Account (LINE OA) ทาง LINE SHOPPING ก็ปรับใหม่โดยจะดึงเฉพาะ LINE MyShop เข้ามาอยู่เท่านั้น แถมยังดึงเอา ‘ป้าตือ’ เข้ามาสร้างสีสันอีกด้วย ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อขึ้นเป็น ‘เบอร์ 1’ ของตลาด ‘Social Commerce’

ให้ความสำคัญ ‘LINE MyShop’ อันดับ 1

แรกเริ่มเดิมทีนั้น LINE OA เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่เน้นสร้าง Loyalty เพื่อเก็บรักษาฐานลูกค้า แต่ก็มีผู้ใช้งานส่วนหนึ่งที่นำมาเป็นช่องทางในการปิดการขาย เพราะลูกค้ามักจะแอดไลน์เข้ามาพูดคุยเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะตัดสินใจซื้อ และส่งหลักฐานการโอนเงินผ่านไลน์อีกที

ในขณะที่ปีนี้อีคอมเมิร์ซมีการเติบโตสูงขึ้นเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทยกว่า 83% เคยซื้อของออนไลน์ และ 71% ซื้อของผ่านมือถือ ดังนั้น ไลน์จึงถือโอกาสนี้เพิ่มฟีเจอร์ ‘LINE MyShop’ เข้าไปใน OA เพื่อให้ร้านค้าสามารถขายของได้สะดวกขึ้น โดยร้านค้าสามารถจัดการสถานะออเดอร์โดยตรง, ทำลิสต์รายการสินค้า และสามารถชำระเงินผ่าน LINE Pay หรือ LINE BK ได้เลย โดยปัจจุบัน LINE MyShop มีจำนวน 50,000 ราย จาก LINE OA ทั้งหมด 3 ล้านราย

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่โพสิชั่นของ ‘LINE SHOPPING’ ในตอนแรกคือ ‘Market Place Aggregator’ ที่รวมเว็บไซต์และมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ รวมถึงแอคเคาท์ของ LINE MyShop ด้วย ซึ่งนั่นทำให้ทรานแซคชั่นกระจัดกระจาย ดังนั้น ไลน์จึงตัดสินใจที่จะตัดเว็บไซต์และมาร์เก็ตเพลสออกแล้วดึงเฉพาะ LINE MyShop อย่างเดียวเพื่อให้ลูกค้าหาร้านค้าเจอได้ง่ายขึ้น

คนใช้ไลน์ซื้อขายกันอยู่แล้ว แต่เราแค่ทำให้เป็นที่เป็นทางมากขึ้น มีเครื่องมือ มีตัวช่วยในการโปรโมต คนซื้อ-ขายได้เหมือนเดิม แต่ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น เลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย กล่าว

เลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย

ดึง ‘ป้าตือ’ LIVE เรียกแขก

หลังจากที่ร้านค้าใน LINE SHOPPING เปลี่ยนตัวเองเป็นแพลตฟอร์มให้กลายเป็นร้านค้าโซเชียล (ที่เปิดร้านบน LINE MyShop เท่านั้น) ทำซึ่งถือเป็นการทำ ‘Social Commerce’ แบบเต็มตัว ซึ่งตลาดนี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 62% ของ E-Commerce โดยเลอทัดมองว่า Social Commerce ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.Entertainment ด้วย Content ที่สนุกความบันเทิง 2.Engagement นักช้อปสามารถมีส่วนร่วมกับผู้ขายได้ทุกเมื่อ และ 3.Commerce การซื้อขายบนแพลตฟอร์มโซเชียลที่ง่ายและสะดวกรวดเร็ว

ดังนั้น นอกจากจุดแข็งของจำนวนผู้ใช้ไลน์ 47 ล้านคน รวมถึงฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแล้ว ทาง LINE SHOPPING ได้ร่วมมือกับ ‘ป้าตือ’ สมบัษร ถิระสาโรช จัดทำรายการ ‘LINE SHOPPING x TUES LIVE’ ที่เป็นการผสมผสานรายการทอล์กโชว์เข้ากับ Live Commerce เพื่อสร้างประสบการณ์ Chat & Shop ผ่านการไลฟ์ขายของกันสด ๆ สำหรับแบรนด์ไหนที่ต้องการนำสินค้าโปรโมตผ่านรายการ ซึ่งรายการจะเผยแพร่ทุกวันอังคาร เวลา 20.00 – 22.00 น. นำเสนอตอนแรกในวันที่  10 พ.ย. 2563 โดยในช่วงที่ทดสอบลอนช์รายการไปมีผู้เข้าชมกว่า 4.4 แสนราย

“เสน่ห์ของ Social Commerce คือ เราสามารถคุยกันต่อได้ ทำให้สามารถต่อรองขอของแถม ขอส่วนลด เพราะมันเป็นการพูดคุยกัน ซึ่งทำให้โอกาสปิดการขายผ่านแชทอยู่ที่ 45% ส่วนเว็บไซต์มีโอกาสปิดที่ 3% ท่านั้น และแม้ว่าราคาจะเป็นส่วนหนึ่งในการปิดการขายแต่สิ่งที่เราจะเน้นคือ วิธีการนำเสนอ ซึ่งการไลฟ์เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้

ป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช

3 ปีขึ้นเบอร์ 1 Social Commerce

ปัจจุบัน LINE SHOPPING โดยมีผู้ใช้แอคทีฟ 3 ล้านราย/เดือน โดยปีนี้ยอดเพจวิวเติบโตขึ้น 191% จำนวนคำสั่งซื้อเติบโต 44% และมูลค่าคำสั่งซื้อ (GMV) เติบโต 95% เฉลี่ยที่ประมาณ 1,000 บาท/คำสั่งซื้อ โดยปีนี้ LINE SHOPPING เน้นสร้างประสบการณ์การใช้งาน ทำให้เอนเตอร์เทนเมนต์มากขึ้น ใช้งานง่ายขึ้นเพื่อจับตลาด Social Commerce มากขึ้น เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ผู้เล่นเบอร์ 1 ใน 3 ปี (2564-2566)

และในส่วนของร้านค้า LINE SHOPPING ตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปี LINE MyShop ทั้ง 50,000 รายจะต้องเข้าสู่แพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้วางเป้าว่าจำนวน LINE MyShop จะเติบโตเป็นเท่าไหร่ แต่มองว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมากเนื่องจาก LINE OA มีกว่า 3 ล้านแอคเคาท์ โดยเริ่มเห็นแนวโน้มของแบรนด์ใหญ่ที่เข้ามาเปิด LINE MyShop เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เรามองว่าการพัฒนา LINE SHOPPING ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาครั้งสำคัญ ที่เป็นการผสานรวมและนำเอาความแข็งแกร่งของทุกเซอร์วิสบน LINE Ecosystem มาสร้างความสะดวกสบาย เพื่อเป็นอันดับหนึ่งแพลตฟอร์ม Social Commerce ตัวจริงที่ให้คนโซเชียลได้แชทและช้อปปิ้งบน LINE”

]]>
1304454