LIVE Commerce – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 31 Jul 2025 11:51:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อยู่รอดอย่างไรในยุค ‘แม่ค้าล้นตลาด’ เพราะใคร ๆ ก็ ‘ได้ขาย’ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ ‘ขายได้’ https://positioningmag.com/1531748 Thu, 31 Jul 2025 04:44:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1531748 ต้องยอมรับว่าในยุคนี้ ใคร ๆ ก็เป็น แม่ค้า-พ่อค้าออนไลน์ ได้ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ขายของได้ง่าย ๆ แค่สมัคร Affiliate marketing เท่านี้ก็ ปักตะกร้า ขายของได้แล้ว ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เกิดใหม่เต็มไปหมด คำถามคือ คนขายมีเป็นล้าน แต่กำลังซื้อมีจำกัด แบรนด์จะอยู่รอดอย่างไร

9 ล้าน จำนวนผู้ขายมืออาชีพ-สมัครเล่น

มีการคาดการณ์ว่า การซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลคอมเมิร์ซในปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1.1 ล้านล้านบาท และในวันที่ใคร ๆ ก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าได้ง่าย ๆ ทำให้ทุกวันนี้มี ผู้ขายเกิดใหม่ ในทุกช่องทาง ทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ พ่อค้าแม่ค้า ไปจนถึง Influencers, Creators ก็ขายของบนโซเชียลได้หมด 

โดยมีการคาดการณ์ว่า หากนับเฉพาะผู้ขาย มืออาชีพ จะมีจำนวนรวมกว่า 3 ล้านราย แต่ถ้ารวมผู้ขาย มือสมัครเล่น ที่มาปักตะกร้าขำ ๆ คาดว่าจะมีจำนวนแตะ 9 ล้านราย เลยทีเดียว กลับกัน จำนวนผู้ขายที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ กำลังซื้อกลับซบเซาลงต่อเนื่อง แปลว่ายุคที่ ใคร ๆ ก็ได้ขาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ขายได้

Young Asia girl selling clothes online by live streaming. selling it online live streaming Concept

ทุกแบรนด์มีภาษีเท่ากัน เพราะตลาดถูกขับเคลื่อนโดยอินฟลูฯ

คำถามคือ แบรนด์ จะอยู่รอดได้อย่างไร เมื่อผู้ซื้อมีทางเลือกมากเกินไป เพราะความท้าทายของแบรนด์ยุคนี้คือ แบรนด์ไม่ได้แข่งกันเอง แต่ต้องแข่งกับทั้ง Creator, Micro-seller และ Affiliate การแข่งขันสูงขึ้น แต่ความภักดีของลูกค้ากลับลดลง นอกจากนี้ ต้นทุนการเข้าถึงสูงขึ้น เพราะ Reach แพงขึ้น Attention สร้างยากขึ้น Conversion ต่ำลง โดยแบรนด์ใหม่ = คนก็ยังไม่รู้จัก ส่วนแบรนด์เก่า = คนคาดหวังสูง และพร้อมจะเปลี่ยนใจ

“ตอนนี้ทุกแบรนด์มีภาษีเท่ากัน เพราะการขายถูกขับเคลื่อนโดย Influencers และ affiliate marketing ลูกค้าไม่มีความภักดีกับแบรนด์ พร้อมเปลี่ยนตามการรีวิวของอินฟลูฯ” ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด กล่าว

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด

ไม่ใช่แค่ ขายให้ได้ แต่คือ ขายให้โดนใจ

ดังนั้น สิ่งที่แบรนด์ต้องตอบให้ได้ไม่ใช่แค่ ขายให้ได้ แต่คือ ขายให้โดนใจ เพราะลูกค้าในยุคนี้ ไม่ได้ซื้อของ    แต่ซื้อเหตุผล เพราะแม้จะมีทางเลือกมากมาย ผู้บริโภคกลับเลือกซื้อจาก แบรนด์ที่ตนเชื่อใจ มากกว่าแบรนด์ที่ดัง ตัดสินใจจาก ความรู้สึก ไม่ใช่แค่โปรโมชั่น เชื่อ Creator และ Community มากกว่าการโฆษณา สนใจแบรนด์ที่มีคุณค่าและจุดยืน

ดังนั้น การอยู่รอดไม่ใช่แค่ ขายเก่ง แต่ต้อง เข้าใจเก่ง คือ วาง Positioning ให้ชัด ขายให้เฉพาะคนที่ใช่ เลือกกลุ่มเป้าหมายที่อินกับแบรนด์ ขายของที่มีความหมายไม่ใช่แค่ขายได้ Connection ก่อน Conversion โดยคอนเทนต์ที่จริงใจ = เครื่องมือสำคัญ มีบทสนทนา ไม่ใช่แค่ยิงโฆษณา ฟังลูกค้าให้มากเท่าที่พูดกับเขา

โดยควรเริ่มจาก กลุ่มเล็ก ๆ เช่น เจาะ Subculture, Niche หรือ Community สร้าง แฟนคลับ ไม่ใช่แค่ลูกค้า เปลี่ยนลูกค้าเป็น Brand Advocate เพื่อ ขายเหตุผล ไม่ใช่แค่สินค้า มีจุดยืนที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ลูกค้าเชื่อ สร้าง Meaning มากกว่าแค่ Function เพราะยุคนี้ แบรนด์ที่อยู่รอดได้ ไม่ใช่เพราะเสียงดังที่สุด แต่เพราะ เข้าใจลึกที่สุด

“ทำไมลูกค้า เลือกซื้อของกับอินฟลูฯ แต่ไม่ซื้อกับแบรนด์โดยตรง เพราะเขาซื้อด้วยอารมณ์มากขึ้น ดังนั้น ที่อินฟลูฯ ขายได้ไม่ใช่เพราะขายเก่ง แต่เขาเข้าใจผู้บริโภคเก่ง เข้าใจว่าแฟน ๆ ชอบอะไร ซื้อเพราะอะไร ดังนั้น ไม่ใช่ต้องตะโกนให้ดังที่สุด แต่เข้าใจลึกสุด และต้องเชื่อมโยงคุณค่าของผู้ซื้อกับสินค้าได้ดีที่สุด

]]>
1531748
SF Express บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ในจีน งัดกลยุทธ์ไลฟ์ขายสินค้าเกษตรหารายได้เพิ่ม https://positioningmag.com/1441383 Thu, 17 Aug 2023 05:47:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441383 SF Express บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ในประเทศจีน ล่าสุดงัดกลยุทธ์ไลฟ์ขายสินค้าเกษตร โดยหารายได้เพิ่มเติมจากช่องทางนี้ โดยชูจุดเด่นการส่งสินค้าที่ตรงเวลา โดยคาดการณ์ล่าสุดจากบริษัทวิจัยชี้ว่าในปี 2023 ตลาดไลฟ์สินค้าในประเทศจีนจะเติบโตได้ถึง 30%

เว็บไซต์ TechNode รายงานว่า SF Express บริษัทขนส่งสินค้ารายใหญ่ในจีน ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งสินค้าที่บริษัทจะนำมาไลฟ์ขายสินค้าก็คือสินค้าเกษตร เช่น ผลไม้ โดยจะมีการไลฟ์ผ่าน Mini App ใน WeChat ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ในการไลฟ์ขายสินค้า บริษัทยังได้กล่าวถึงการเป็นพันธมิตรส่งสินค้าให้กับ East Buy ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ New Oriental Education Technology ธุรกิจกวดวิชารายใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่รัฐบาลจีนเข้าปราบปราม และหันมาเปิดธุรกิจไลฟ์ขายสินค้าแทน และมีการโปรโมตถึงการจัดส่งสินค้าตรงเวลา

โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง eMarketer คาดการณ์ว่าในปี 2023 ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนนี้จะเติบโตได้มากถึง 30% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่คาดว่าบริษัทได้ลงมาจับตลาดนี้ด้วย แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจีนจะมีความท้าทาย โดยเฉพาะความมั่นใจของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาก็ตาม

สำหรับ SF Express ถือเป็นบริษัทขนส่งสินค้าใหญ่อันดับ 1 ในประเทศจีน ปัจจุบันมูลค่าบริษัท SF Express อยู่ที่ 229,878 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 1.129 ล้านล้านบาท มีขนาดบริษัทใหญ่กว่า ZTO Express รวมถึง JD Logistics

โดยบริษัทขนส่งรายนี้ชูความแตกต่างด้วยการมีเครื่องบินส่งสินค้ามากที่สุดในจีนถึง 80 ลำ ซึ่งแตกต่างกับผู้เล่นรายอื่นที่เน้นใช้รถไฟในการขนส่งสินค้า

ขณะเดียวกัน SF Express ยังเป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อมของ Kerry Express ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งอีกรายมีเครือข่ายขนส่งในทวีปเอเชีย รวมถึงในประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเข้าระดมทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นฮ่องกงด้วย คาดว่ามูลค่าระดมทุนจะมากถึง 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 117,285 ล้านบาท ปัจจุบันหุ้นของบริษัทซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น

]]>
1441383
ข้อมูลเผย ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนยังเติบโตได้ถึง 30% ในปีนี้ แม้เศรษฐกิจไม่เป็นใจก็ตาม https://positioningmag.com/1436164 Sun, 02 Jul 2023 13:30:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1436164 ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนยังเติบโตได้ถึง 30% ในปีนี้ หลังจากในปี 2022 ที่ผ่านมามูลค่าตลาดการไลฟ์ขายสินค้านี้เกือบแตะ 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้หลายแบรนด์ไม่เว้นแม้แต่ Apple เองก็ต้องปรับตัวมาขายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางนี้ด้วย

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานถึง ตลาดการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนยังมีการเติบโต โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง eMarketer คาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้จะเติบโตได้มากถึง 30% แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจีนจะมีความท้าทาย โดยเฉพาะความมั่นใจของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาก็ตาม

ในปี 2022 ที่ผ่านมามูลค่าตลาดในการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนนั้นสูงมากถึง 480,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2023 นี้จะมีความท้าทายไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงานของวัยรุ่นที่สูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ฯลฯ

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้การไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนเติบโตมากก็คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนนั้นเปลี่ยนไป โดยข้อมูลจาก iResearch บริษัทวิจัยอีกรายชี้ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการไลฟ์สตรีมขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ไปมากถึง 1.23 ล้านครั้งด้วยกัน

แม้แต่ CEO ของผู้ผลิตสินค้าไอทีอย่าง Xiaomi เองก็เคยได้มาทำการไลฟ์ขายสินค้าของบริษัทมาแล้ว เนื่องจากการไลฟ์ขายสินค้าได้รับความนิยมอย่างมาก โดยทำยอดขายได้มากถึงหลักพันล้านบาทไทยภายในระยะเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นในปี 2020

นอกจากนี้หลังปี 2020 ที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนคือหลายแบรนด์เองเริ่มที่จะมีการไลฟ์ขายสินค้าด้วยตัวเอง จากเดิมที่จะมีการจ้างคนที่มีชื่อเสียงมา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านี้ในอดีตการไลฟ์ขายสินค้าก็มีการลดราคาให้กับลูกค้าอย่างมาก แต่ปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นการเล่าถึงผลิตภัณฑ์แทน

ขณะเดียวกันแบรนด์ในประเทศจีนก็เริ่มปรับตัวในการหาผู้ที่มาไลฟ์ขายสินค้าโดยไม่พึ่งพาผู้ที่ไลฟ์ขายสินค้าเพียงคนเดียว เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ที่มีชื่อเสียงด้านการไลฟ์ขายสินค้ามีกรณีอื้อฉาวในเรื่องของการจ่ายภาษี ทำให้โดนถอดออกจากการไลฟ์ขายสินค้า

ไม่เพียงเท่านี้การเลือกเซเลบริตี้หรือคนดังมาไลฟ์ขายสินค้านั้นหลายแบรนด์ก็ต้องมั่นใจว่าจะเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เนื่องจากมีกรณีที่หลายแบรนด์ในประเทศจีนได้เลือกมาไลฟ์สินค้า แต่กลายเป็นว่ามุมมองของลูกค้ากับแบรนด์นั้นแย่ลงกว่าเดิมเนื่องจากจ้างคนที่ไม่ได้ใช้สินค้าของแบรนด์ดังกล่าวจริงๆ มาไลฟ์ขายสินค้า

ความนิยมในการไลฟ์ขายสินค้ายังทำให้หลายแบรนด์ต้องลงมาเล่นในสงครามนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Apple ที่ปกติแล้วจะไม่มีการขายสินค้าด้วยวิธีนี้ก็ยังต้องลงมาด้วยซ้ำ ซึ่ง CEO เอเจนซี่ที่รับดำเนินการในการไลฟ์ขายสินค้าอย่าง Rommo ได้กล่าวว่าหลายแบรนด์เริ่มเปิดใจรับในการไลฟ์ขายสินค้ามากขึ้น และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ

]]>
1436164
จับเทรนด์ ‘Live Commerce’ ไทยแรงไม่แผ่ว โตทะลุ 300% สูงกว่าค่าเฉลี่ยเอเชียเท่าตัว https://positioningmag.com/1340876 Tue, 06 Jul 2021 07:41:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340876 สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ได้กลายมาเป็นตัวเร่งสำคัญที่กระตุ้นผู้บริโภคคนไทยก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวสูง ซึ่งประเมินว่าภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในปี 2564 จะมีการขยายตัว 15-20% แต่ที่น่าจับตาก็คือ ‘โซเชียลคอมเมิร์ซ’ ที่เป็นเทรนด์แรงของไทย

Social Commerce โตไม่แผ่ว

ผลสำรวจการใช้โซเชียลคอมเมิร์ซของคนไทยพบว่าช่วงโควิดร้านค้า 56% เข้ามาสู่ Social Commerce โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากสุด คือ

  • Facebook 58%
  • Line 35%
  • Instagram 21%
  • Twitter 11%

ลูกค้าประมาณ 69% จะเลือกซื้อสินค้าผ่านเพจต่าง ๆ โดยกลุ่ม ผู้หญิง จะสนใจ ความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย กลุ่มลูกค้า ผู้ชาย จะสนใจผลิต Gadget และของตกแต่งบ้าน กลุ่มอายุ 55 ปี จะสนใจเรื่องอาหาร

ทั้งนี้ ผู้บริโภค 62% รู้สึกชื่นชอบการซื้อสินค้าผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ ผู้บริโภค 45% มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000-3,000 บาท ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และมากกว่า 50% ของพนักงานออฟฟิศและนักเรียน นักศึกษาใช้เวลาช้อปสินค้าผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน

Live Commerce เทรนด์แรงสุด

Social commerce ที่มีหลายด้าน แต่สิ่งที่มาแรงคือ Live Commerce ที่จะสอดคล้องกับพฤติกรรมคนไทยที่ชอบเข้ามาดูเพื่อความสนุกสนานและมีส่วนร่วมกับผู้ขายสินค้า โดยมูลค่ารวมของยอดขายสินค้าผ่าน Live Commerce ในไตรมาส 2 ของไทยมีการเติบโตถึง 300% ด้านจำนวนคำสั่งซื้อก็เติบโตเพิ่มขึ้น 210% จำนวนการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น 300% รวมทั้งจำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 283%

ด้านภาพรวมในเอเชีย มูลค่ารวมของยอดขายสินค้าผ่าน Live Commerce ไตรมาส 2 มีการเติบโต 160% จำนวนคำสั่งซื้อเติบโต 180% จำนวนการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น 70% จำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 125%

ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการทำ Live Selling ในไทยคือ 19.00 น. โดยหมวดหมู่ยอดนิยมจะเป็น ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ 37% เครื่องแต่งกาย 28% และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 24%

5 สินค้าที่นิยมสูงสุดบนอีคอมเมิร์ซ

ในส่วนของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในไทยจะมีออเดอร์สูงสุดใน วันจันทร์ และช่วงเวลา 20.00 น. ส่วนเอเชียจะขายดีใน วันพุธ และช่วงเวลา 22.00 น.

สำหรับกลุ่ม 5 สินค้าที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคและมีการเลือกซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซสูงสุด ได้แก่

  • กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 28%
  • ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล 16%
  • โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน 8%
  • ของใช้ในบ้าน 6%
  • สินค้าเพื่อความสวยงาม 5%

จับตา 5 เทรนด์ที่จะอยู่ไปอีกนาน

ชนนันท์ ปัญจทรัพย์ Country Manager, SHOPLINE Thailand ผู้นำระบบจัดร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร มองว่า เทรนด์เกี่ยวกับโซเชียบอีคอมเมิร์ซที่กำลังเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2021 และจะอยู่ไปอีกนานหลายปีมี 5 เทรนด์ ดังนี้

  1. Omnichannel ช่องทางการขายที่จะมีทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะออนไลน์มีหลายช่องทางจะต้องมีการบริหารจัดการอย่างไร
  2. Availability of payment and delivery options มีช่องทางรับการจ่ายเงินที่ควรมีหลายออปชั่นให้เลือก
  3. Creative wins จากเดิมที่ผู้บริโภคจะซื้อจากราคาแต่ในปัจจุบันเรื่องราคาไม่สำคัญสุด ผู้ประกอบการต้องมีความคิดสร้างสรรค์
  4. Seamless customer experience ทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีตั้งแต่เข้ามาค้นหาสินค้าจนถึงการเลือกซื้อสินค้าและได้รับสินค้า
  5. Direct to consumer (D2C) แบรนด์ต้องการอยากได้ข้อมูลโดยตรงกับลูกค้าสามารถไปต่อยอดได้

หลังจากที่ SHOPLINE ให้บริการเป็นเวลา 8 เดือน โดยในช่วงช่วงครึ่งปีแรกจำนวนร้านค้าที่เข้ามาใช้บริการช้อปไลน์มีการเติบโต 10-15% ต่อเดือน โดยช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทได้เพิ่ม 2 ฟีเจอรใหม่ เพื่อจับกระแส Live Commerce ได้แก่ ‘LIVE Bidding’ ฟีเจอร์การประมูลแบบไลฟ์ และ ‘Golden Minutes’ นาทีทอง สำหรับร้านค้าที่จะจัดกิจกรรมเล่นเกมกับลูกค้าเพื่อแจกของกำนัล โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะสามารถเติบโตได้สองเท่าหรือกว่า 30-40% ต่อเดือน

]]>
1340876
‘LINE SHOPPING’ ปรับใหญ่พร้อมลุยสมรภูมิ ‘Social Commerce’ มั่นใจขึ้นเบอร์ 1 ใน 3 ปี https://positioningmag.com/1304454 Wed, 04 Nov 2020 12:59:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1304454 ย้อนไป 2 ปีก่อน ‘LINE SHOPPING’ คือ ‘Market Place Aggregator’ ที่ร่วมเอา ‘Market Place’ เจ้าดังอย่าง Lazada, JD Central, Shopee รวมถึงเว็บไซต์อื่น ๆ มาไว้ในที่เดียว แต่หลังจากมี ‘LINE MyShop’ ที่เป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้ใช้ LINE Official Account (LINE OA) ทาง LINE SHOPPING ก็ปรับใหม่โดยจะดึงเฉพาะ LINE MyShop เข้ามาอยู่เท่านั้น แถมยังดึงเอา ‘ป้าตือ’ เข้ามาสร้างสีสันอีกด้วย ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อขึ้นเป็น ‘เบอร์ 1’ ของตลาด ‘Social Commerce’

ให้ความสำคัญ ‘LINE MyShop’ อันดับ 1

แรกเริ่มเดิมทีนั้น LINE OA เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่เน้นสร้าง Loyalty เพื่อเก็บรักษาฐานลูกค้า แต่ก็มีผู้ใช้งานส่วนหนึ่งที่นำมาเป็นช่องทางในการปิดการขาย เพราะลูกค้ามักจะแอดไลน์เข้ามาพูดคุยเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะตัดสินใจซื้อ และส่งหลักฐานการโอนเงินผ่านไลน์อีกที

ในขณะที่ปีนี้อีคอมเมิร์ซมีการเติบโตสูงขึ้นเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทยกว่า 83% เคยซื้อของออนไลน์ และ 71% ซื้อของผ่านมือถือ ดังนั้น ไลน์จึงถือโอกาสนี้เพิ่มฟีเจอร์ ‘LINE MyShop’ เข้าไปใน OA เพื่อให้ร้านค้าสามารถขายของได้สะดวกขึ้น โดยร้านค้าสามารถจัดการสถานะออเดอร์โดยตรง, ทำลิสต์รายการสินค้า และสามารถชำระเงินผ่าน LINE Pay หรือ LINE BK ได้เลย โดยปัจจุบัน LINE MyShop มีจำนวน 50,000 ราย จาก LINE OA ทั้งหมด 3 ล้านราย

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่โพสิชั่นของ ‘LINE SHOPPING’ ในตอนแรกคือ ‘Market Place Aggregator’ ที่รวมเว็บไซต์และมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ รวมถึงแอคเคาท์ของ LINE MyShop ด้วย ซึ่งนั่นทำให้ทรานแซคชั่นกระจัดกระจาย ดังนั้น ไลน์จึงตัดสินใจที่จะตัดเว็บไซต์และมาร์เก็ตเพลสออกแล้วดึงเฉพาะ LINE MyShop อย่างเดียวเพื่อให้ลูกค้าหาร้านค้าเจอได้ง่ายขึ้น

คนใช้ไลน์ซื้อขายกันอยู่แล้ว แต่เราแค่ทำให้เป็นที่เป็นทางมากขึ้น มีเครื่องมือ มีตัวช่วยในการโปรโมต คนซื้อ-ขายได้เหมือนเดิม แต่ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น เลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย กล่าว

เลอทัด ศุภดิลก หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ LINE ประเทศไทย

ดึง ‘ป้าตือ’ LIVE เรียกแขก

หลังจากที่ร้านค้าใน LINE SHOPPING เปลี่ยนตัวเองเป็นแพลตฟอร์มให้กลายเป็นร้านค้าโซเชียล (ที่เปิดร้านบน LINE MyShop เท่านั้น) ทำซึ่งถือเป็นการทำ ‘Social Commerce’ แบบเต็มตัว ซึ่งตลาดนี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 62% ของ E-Commerce โดยเลอทัดมองว่า Social Commerce ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.Entertainment ด้วย Content ที่สนุกความบันเทิง 2.Engagement นักช้อปสามารถมีส่วนร่วมกับผู้ขายได้ทุกเมื่อ และ 3.Commerce การซื้อขายบนแพลตฟอร์มโซเชียลที่ง่ายและสะดวกรวดเร็ว

ดังนั้น นอกจากจุดแข็งของจำนวนผู้ใช้ไลน์ 47 ล้านคน รวมถึงฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแล้ว ทาง LINE SHOPPING ได้ร่วมมือกับ ‘ป้าตือ’ สมบัษร ถิระสาโรช จัดทำรายการ ‘LINE SHOPPING x TUES LIVE’ ที่เป็นการผสมผสานรายการทอล์กโชว์เข้ากับ Live Commerce เพื่อสร้างประสบการณ์ Chat & Shop ผ่านการไลฟ์ขายของกันสด ๆ สำหรับแบรนด์ไหนที่ต้องการนำสินค้าโปรโมตผ่านรายการ ซึ่งรายการจะเผยแพร่ทุกวันอังคาร เวลา 20.00 – 22.00 น. นำเสนอตอนแรกในวันที่  10 พ.ย. 2563 โดยในช่วงที่ทดสอบลอนช์รายการไปมีผู้เข้าชมกว่า 4.4 แสนราย

“เสน่ห์ของ Social Commerce คือ เราสามารถคุยกันต่อได้ ทำให้สามารถต่อรองขอของแถม ขอส่วนลด เพราะมันเป็นการพูดคุยกัน ซึ่งทำให้โอกาสปิดการขายผ่านแชทอยู่ที่ 45% ส่วนเว็บไซต์มีโอกาสปิดที่ 3% ท่านั้น และแม้ว่าราคาจะเป็นส่วนหนึ่งในการปิดการขายแต่สิ่งที่เราจะเน้นคือ วิธีการนำเสนอ ซึ่งการไลฟ์เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้

ป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช

3 ปีขึ้นเบอร์ 1 Social Commerce

ปัจจุบัน LINE SHOPPING โดยมีผู้ใช้แอคทีฟ 3 ล้านราย/เดือน โดยปีนี้ยอดเพจวิวเติบโตขึ้น 191% จำนวนคำสั่งซื้อเติบโต 44% และมูลค่าคำสั่งซื้อ (GMV) เติบโต 95% เฉลี่ยที่ประมาณ 1,000 บาท/คำสั่งซื้อ โดยปีนี้ LINE SHOPPING เน้นสร้างประสบการณ์การใช้งาน ทำให้เอนเตอร์เทนเมนต์มากขึ้น ใช้งานง่ายขึ้นเพื่อจับตลาด Social Commerce มากขึ้น เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ผู้เล่นเบอร์ 1 ใน 3 ปี (2564-2566)

และในส่วนของร้านค้า LINE SHOPPING ตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปี LINE MyShop ทั้ง 50,000 รายจะต้องเข้าสู่แพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้วางเป้าว่าจำนวน LINE MyShop จะเติบโตเป็นเท่าไหร่ แต่มองว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมากเนื่องจาก LINE OA มีกว่า 3 ล้านแอคเคาท์ โดยเริ่มเห็นแนวโน้มของแบรนด์ใหญ่ที่เข้ามาเปิด LINE MyShop เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เรามองว่าการพัฒนา LINE SHOPPING ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาครั้งสำคัญ ที่เป็นการผสานรวมและนำเอาความแข็งแกร่งของทุกเซอร์วิสบน LINE Ecosystem มาสร้างความสะดวกสบาย เพื่อเป็นอันดับหนึ่งแพลตฟอร์ม Social Commerce ตัวจริงที่ให้คนโซเชียลได้แชทและช้อปปิ้งบน LINE”

]]>
1304454