ข้อมูลเผย ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนยังเติบโตได้ถึง 30% ในปีนี้ แม้เศรษฐกิจไม่เป็นใจก็ตาม

ภาพจาก Shutterstock

ตลาดไลฟ์ขายสินค้าในจีนยังเติบโตได้ถึง 30% ในปีนี้ หลังจากในปี 2022 ที่ผ่านมามูลค่าตลาดการไลฟ์ขายสินค้านี้เกือบแตะ 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้หลายแบรนด์ไม่เว้นแม้แต่ Apple เองก็ต้องปรับตัวมาขายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางนี้ด้วย

สำนักข่าว Reuters ได้รายงานถึง ตลาดการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนยังมีการเติบโต โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยอย่าง eMarketer คาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้จะเติบโตได้มากถึง 30% แม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจีนจะมีความท้าทาย โดยเฉพาะความมั่นใจของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาก็ตาม

ในปี 2022 ที่ผ่านมามูลค่าตลาดในการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนนั้นสูงมากถึง 480,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2023 นี้จะมีความท้าทายไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงานของวัยรุ่นที่สูง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ฯลฯ

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้การไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนเติบโตมากก็คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนนั้นเปลี่ยนไป โดยข้อมูลจาก iResearch บริษัทวิจัยอีกรายชี้ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการไลฟ์สตรีมขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ไปมากถึง 1.23 ล้านครั้งด้วยกัน

แม้แต่ CEO ของผู้ผลิตสินค้าไอทีอย่าง Xiaomi เองก็เคยได้มาทำการไลฟ์ขายสินค้าของบริษัทมาแล้ว เนื่องจากการไลฟ์ขายสินค้าได้รับความนิยมอย่างมาก โดยทำยอดขายได้มากถึงหลักพันล้านบาทไทยภายในระยะเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นในปี 2020

นอกจากนี้หลังปี 2020 ที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการไลฟ์ขายสินค้าในประเทศจีนคือหลายแบรนด์เองเริ่มที่จะมีการไลฟ์ขายสินค้าด้วยตัวเอง จากเดิมที่จะมีการจ้างคนที่มีชื่อเสียงมา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านี้ในอดีตการไลฟ์ขายสินค้าก็มีการลดราคาให้กับลูกค้าอย่างมาก แต่ปัจจุบันนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นการเล่าถึงผลิตภัณฑ์แทน

ขณะเดียวกันแบรนด์ในประเทศจีนก็เริ่มปรับตัวในการหาผู้ที่มาไลฟ์ขายสินค้าโดยไม่พึ่งพาผู้ที่ไลฟ์ขายสินค้าเพียงคนเดียว เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ที่มีชื่อเสียงด้านการไลฟ์ขายสินค้ามีกรณีอื้อฉาวในเรื่องของการจ่ายภาษี ทำให้โดนถอดออกจากการไลฟ์ขายสินค้า

ไม่เพียงเท่านี้การเลือกเซเลบริตี้หรือคนดังมาไลฟ์ขายสินค้านั้นหลายแบรนด์ก็ต้องมั่นใจว่าจะเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เนื่องจากมีกรณีที่หลายแบรนด์ในประเทศจีนได้เลือกมาไลฟ์สินค้า แต่กลายเป็นว่ามุมมองของลูกค้ากับแบรนด์นั้นแย่ลงกว่าเดิมเนื่องจากจ้างคนที่ไม่ได้ใช้สินค้าของแบรนด์ดังกล่าวจริงๆ มาไลฟ์ขายสินค้า

ความนิยมในการไลฟ์ขายสินค้ายังทำให้หลายแบรนด์ต้องลงมาเล่นในสงครามนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Apple ที่ปกติแล้วจะไม่มีการขายสินค้าด้วยวิธีนี้ก็ยังต้องลงมาด้วยซ้ำ ซึ่ง CEO เอเจนซี่ที่รับดำเนินการในการไลฟ์ขายสินค้าอย่าง Rommo ได้กล่าวว่าหลายแบรนด์เริ่มเปิดใจรับในการไลฟ์ขายสินค้ามากขึ้น และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ