Oculus – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 07 Jan 2022 13:37:30 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ฮิตรับกระเเส ‘metaverse’ ยอดดาวน์โหลดเเอปฯ Oculus ของ Meta พุ่ง 2 ล้านครั้งช่วงปีใหม่ https://positioningmag.com/1369796 Fri, 07 Jan 2022 12:13:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369796 เทรนด์ความนิยมในโลกเสมือนจริงเเรงต่อเนื่อง ยอดดาวน์โหลดเเอปฯ  Oculus’ ของ Meta พุ่งกว่า 2 ล้านครั้ง นับตั้งเเต่ช่วงวันคริสต์มาสที่ผ่านมา 

โดย Oculus เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เชื่อมต่อกับแว่นสามมิติ Virtual Reality หรือที่เราเรียกกันว่า ‘แว่น VR’ ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ Meta

จากข้อมูลของ Sensor Tower เเละ Apptopia บริษัทวิจัยข้อมูลด้านแอปพลิเคชันมือถือ ระบุว่า เเว่น Oculus รุ่น Quest 2 ได้กลายเป็นหนึ่งในของขวัญยอดนิยมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้เเอปฯ Oculus พุ่งขึ้นสู่อันดับต้นๆ ที่มีคนดาวน์โหลดมากที่สุด บน Apple Store และกลายเป็นแอปฯ ฟรีที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Google Play ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

โดยในช่วงสัปดาห์คริสต์มาสในสหรัฐฯ (23-29 ธ.ค. 2021) มียอดการใช้เเอปฯ Oculus เพิ่มขึ้นถึง 517% เมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ เเละมีการติดตั้งเเอปฯไปกว่า 1.5 ล้านครั้ง จากนั้นในสัปดาห์ต่อมา หลังจากช่วงเทศกาล ยอดดาวน์โหลดลดลง 77% โดยเหลือการติดตั้งแอปฯ เพียง 345,000 ครั้ง (30 ธ.ค. 2021- 5 ม.ค.2022)

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังคงสูงกว่าสัปดาห์ก่อนช่วงคริสต์มาส ปี 2021 ถึง 42% และมีแนวโน้มว่าการดาวน์โหลดจะยังมีต่อเนื่อง เพราะยังมีกลุ่มผู้ที่เพิ่งได้รับอุปกรณ์ Oculus ชิ้นใหม่นี้มาในช่วงวันหยุด แต่ยังไม่ได้กดตั้งค่าเริ่มใช้งาน

Sensor Tower ประเมินว่า โดยรวมแล้ว แอปฯ Oculus มีการติดตั้งทั่วโลกไปแล้วประมาณ 2 ล้านครั้ง นับตั้งแต่วันคริสต์มาสจนถึงปัจจุบัน พร้อมคาดการณ์ว่าตลอดช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดดาวน์โหลดแอปฯ Oculus ทั้งสิ้นประมาณ 8-10 ล้านครั้ง จาก App Store และ Google Play รวมกัน

ด้าน Apptopia รายงานว่าแอปฯ Oculus ถูกดาวน์โหลดไปเเล้ว 2.189 ล้านครั้งทั่วโลก นับตั้งแต่วันคริสต์มาสจนถึงปัจจุบัน โดยในจำนวนผู้ติดตั้งมากกว่า 2 ล้านครั้งนี้ ประมาณ 79% (ราว 1.727 ล้าน) มาจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ

แอปฯ Oculus เปิดตัวครั้งเเรกในเดือนเม.ย. ปี 2018 โดยมียอดการดาวน์โหลดที่ 1.2 ล้านครั้งในปีแรกที่วางตลาด เเละจากนั้นมีการดาวน์โหลด 2.4 ล้านครั้งในปี 2019 ก่อนจะมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2020 เมื่อผู้บริโภคทั่วโลกกว่า 4.4 ล้านคนติดตั้งแอปฯ ดังกล่าว

– เเว่น VR Oculus Quest 2

โดยหลังจากการเปิดตัวเเว่น VR รุ่น Quest 2 ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 ก็ทำให้มีการติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 10.62 ล้านครั้ง เเละส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ถึง 68%

เเม้ทาง Meta จะยังไม่ได้ออกมายืนยันตัวเลขดังกล่าว เเต่เมื่อดูจากตัวเลขที่ Qualcomm ผู้ผลิตชิปเจ้าใหญ่ ได้เปิดเผยในช่วงเดือนพ.ย.ของปีที่ผ่านมา ว่าได้ส่งมอบชิปของแว่น Oculus Quest 2 ไปประมาณ 10 ล้านชิ้น ก็มีเเนวโน้มจะเป็นไปได้ตามที่มีการวิเคราะห์

นอกจากนี้ Apptopia ยังเผยถึง ยอดผู้ใช้งานรายวัน หรือ Daily Active Users ของแอปฯ Oculus ว่ามีถึง 2.41 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้จำนวนมากไม่ได้ตั้งค่าแอปฯ เพียงครั้งเดียวแล้วจบหรือเลิกเล่นไป

หลังจากที่ Facebook ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่เป็น ‘Meta’ เเละวางแผนสำคัญในการสร้างเเพลตฟอร์มโลกเหมือนจริงบน “metaverse” อุปกรณ์ VR ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในสินค้าเรือธงของบริษัท ด้วยพยายามจะทำให้เป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายในราคาไม่เเพงมาก ด้วยระดับเริ่มต้นที่ 299 ดอลลาร์  (ราว 1 หมื่นบาท) เหล่านี้จะทำให้กระเเส metaverse เติบโตได้เร็ว เเละมีเเนวโน้มจะกลายเป็นเทรนด์เเห่งอนาคตได้ในที่สุด

 

ที่มา : techcrunch

]]>
1369796
อย่างเจ็บ! เมื่อ ‘Facebook’ ถูกเรียก ‘นักก๊อป’ มูลค่า 7.7 แสนล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1320170 Fri, 19 Feb 2021 09:59:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1320170 Facebook ยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก พร้อมกับครองตลาดโฆษณาออนไลน์เช่นเดียวกับ Google แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการ ‘ก๊อปฟีเจอร์ยอดนิยม’ จากคู่แข่งมากกว่าที่มีในการสร้างฟีเจอร์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ด้วยตัวเอง

ย้อนไป 4 ปีที่แล้ว ‘Facebook’ มักจะมีนวัตกรรมอะไรที่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ โดยบริษัทได้จัดตั้งแผนกฮาร์ดแวร์ใหม่ชื่อ ‘Building 8’ โดยมีทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรดูแลโดยผู้บริหารจาก DARPA และประกาศว่ากำลังสร้างเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้สามารถ ‘พิมพ์ด้วยสมอง’ และ ‘ได้ยินด้วยผิวหนัง’ นอกจากนี้มีข่าวว่าจะผลิต ‘สมาร์ทโฟน’ ด้วย

ในตอนนั้นยังไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดนั้นจะสามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ แต่มันให้ความรู้สึกแปลกใหม่และแตกต่างจากสิ่งที่บริษัทเคยทำมา แต่แล้วผู้บริหาร DARPA ก็ออกจาก Facebook ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา และหนึ่งปีหลังจากนั้น Building 8 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Portal’ ชื่อเดียวกับ ‘Facebook Portal’ ลำโพงอัจฉริยะที่ Facebook สร้างขึ้นเพื่อแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันจาก ‘Amazon’

Computer screen showing the website for social networking site, Facebook (Photo by In Pictures Ltd./Corbis via Getty Images)

แทนที่จะใช้เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ Facebook ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบจำนวนมากที่ยกมาจาก YouTube, Twitch, TikTok, LinkedIn, Pinterest และ Slack โดย Facebook ดำเนินการเกี่ยวกับแอปหาคู่ยอดนิยมเปิดตัวคู่แข่ง Craigslist และฉีกฟีเจอร์ Stories ยอดนิยมของ Snapchat ในปี 2559 ไม่นานก่อนที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะ และที่เพิ่งมีข่าวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็คือ Facebook กำลังต้องการทำฟีเจอร์แบบเดียวกับ ‘Clubhouse’ ซึ่งเป็นแอปที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้

นอกเหนือจากการก๊อปแล้ว เมื่อ Facebook ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้มันก็ซื้อมันเหมือนกับที่ซื้อ ‘Instagram’ ในปี 2012 เช่นเดียวกับ ‘WhatsApp’ และ ‘Oculus’

เพราะทั้งซื้อและก๊อปฟีเจอร์ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกากล่าวหา Facebook ว่าใช้ “อำนาจการครอบงำและการผูกขาดเพื่อบดขยี้คู่แข่งที่มีขนาดเล็กกว่า” ตามคำพูดของ Letitia James อัยการสูงสุดแห่งนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มในการสืบสวน Facebook

ด้วยความพยายามในการก็อปที่ต่อเนื่องทำให้เกิดคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ของ Facebook ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นส่วนสำคัญของบริษัทเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม Facebook นั้นไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีรายแรกหรือรายเดียวที่ก๊อปฟีเจอร์ แต่ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ดูเหมือนจะคัดลอก TikTok ในระดับหนึ่งรวมถึง Snapchat และ YouTube อย่างไรก็ตาม สำหรับ Facebook เองก็ยากที่จะบอกได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ Facebook สร้างนวัตกรรมที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงคือตอนไหน

Tucker Marion รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ที่มุ่งเน้นไปที่การเป็นผู้ประกอบการและนวัตกรรม กล่าวว่า การก๊อปของคู่แข่งไม่ใช่กลยุทธ์ที่ไม่ดี แต่จำเป็นต้องควบคู่ไปกับการที่บริษัทดำเนินการตามแนวคิดดั้งเดิมของตนเองด้วย

เพื่อความเป็นธรรมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่เป็นเรื่องยาก โดย Google ได้เผาผลาญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่การร่วมทุนบอลลูนอินเทอร์เน็ตที่มีความทะเยอทะยานไปจนถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองและมีความขยันขันแข็งมากขึ้นเกี่ยวกับการทดลอง

Facebook ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดตัว News Feed ในปี 2006 หลายเดือนหลังจากที่ Twitter เปิดตัวและช่วยเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนบริโภคข้อมูลทางออนไลน์ จากนั้นการเปิดตัวโทรศัพท์ Facebook ก็ล้มเหลว การทดลองใช้โดรนส่งมอบอินเทอร์เน็ตที่บินด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ก็เงียบไป และ cryptocurrency ตัวใหม่ (TBD ก็ยังมีปัญหาในช่วงแรก ๆ)

ในทางกลับกันความพยายามบางส่วนในการเลียนแบบคู่แข่งประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล Instagram Stories ซึ่งเป็นก๊อป Snapchat กลายเป็นวิธีเริ่มต้นในการสื่อสารและเชื่อมต่อสำหรับผู้คนนับล้าน รวมถึง Facebook Marketplace กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม

ที่ผ่านมา Kevin Systrom ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CEO ของ Instagram เคยกล่าวไว้เมื่อถูกถามเกี่ยวกับปัญหาการลอกเลียนแบบว่า “ลองนึกภาพรถคันเดียวในโลกคือ Model T ในตอนนี้มีคนประดิษฐ์รถขึ้นมาใหม่มันเจ๋งมาก แต่คุณจะโทษไหมที่บริษัทอื่น ๆ สร้างรถยนต์ที่มีล้อพวงมาลัยและแอร์และหน้าต่างเหมือนกัน คำถามคือ คุณสร้างสิ่งที่ไม่เหมือนใครได้อย่างไร?”

คงจะจริงอย่างที่ว่า เพราะผู้บริโภคทั่วไปไม่สนใจว่าใครจะนึกถึงแนวคิดนี้ก่อน พวกเขาสนใจว่าใครเป็นผู้ดำเนินการได้ดีที่สุด อย่าง Apple ไม่ได้คิดค้นสมาร์ทโฟนขึ้นมา แต่เพียงแค่สร้างเครื่องที่ดีที่สุดในเวลานั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ Instagram Stories ทำให้ฐานผู้ใช้ทั้งหมดของ Snapchat ลดลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีแม้ว่า Facebook จะไม่ใช่คนที่คิดค้น และด้วยเหตุนี้ Reels ซึ่งเป็นฟีเจอร์วิดีโอรูปแบบสั้นจึงพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้รับแรงการตอบรับและแข่งขันกับอัลกอริทึมการแนะนำที่มีประสิทธิภาพของ TikTok

แม้แต่เทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยสมองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เมื่อไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ Elon Musk มีแผนจะใช้สมองกับคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์สมองอื่น ๆ มีการใช้งานมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหวังว่าวันหนึ่งจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ จาก Facebook และแม้จะมีนักวิจารณ์พูดถึง Facebook แบบนี้ แต่ตัวแทนของบริษัทก็ยังไม่ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นในเรื่องนี้ทันที

Source

]]>
1320170