oil – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 04 Mar 2024 11:12:55 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สมาชิก OPEC+ ประกาศขยายเวลา “ลดกำลังการผลิตน้ำมัน” หวังรักษาเสถียรภาพของราคา https://positioningmag.com/1464962 Mon, 04 Mar 2024 06:07:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464962 ดูเหมือนว่าราคาน้ำมันทั่วโลกจะยังไม่ลดลงง่าย ๆ เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัสเซียและสมาชิก OPEC+ อื่น ๆ ได้ประกาศขยายเวลาการลดการผลิตน้ำมันที่ประกาศครั้งแรกในปี 2023 โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างผู้ผลิตน้ำมันในการเพิ่มราคาตามความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ย้อนไปช่วงเดือนพฤศจิกายน 2023 กลุ่ม OPEC+ ได้มีมติในการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงไตรมาส 1/2024 ล่าสุด กลุ่ม OPEC+ ได้ประกาศขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตไปจนถึงไตรมาส 2/2024 เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า มีแนวโน้มที่จะปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้

โดย ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ํามันชั้นนําจะยังคงลด 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ รัสเซียและอิรัก จะลดการผลิตลงเหลือ 471,000 และ 220,000 บาร์เรลตามลําดับ ปรับลดลงจาก 500,000 และ 223,000 บาร์เรล ส่วนประเทศอื่น ๆ ยังคงเดิม อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 163,000; คูเวต 135,000; คาซัคสถาน 82,000; แอลจีเรีย 51,000 และโอมาน 42,000 บาร์เรลต่อวัน

“หลังจากสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 การปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมเหล่านี้จะค่อย ๆ กลับมา อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดด้วย” อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย กล่าว

การขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น โดยราคา West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐทะลุ 80 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในทะเลเหนือแตะระดับสูงสุดของเดือนที่ 83.55 ดอลลาร์

ทั้งนี้ การรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นถึง 140 ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้รายได้ทั่วทั้งอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น และนับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2022 พันธมิตรผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ของ 22 ประเทศ ได้ดำเนินการลดกำลังการผลิตไปแล้วมากกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd)

ที่ผ่านมา ชาติตะวันตกพยายามคว่ำบาตรน้ำมันของรัศเซีย ส่งผลให้รัสเซียต้องหันไปส่งออกน้ำมันไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น จีนและอินเดียแทน

Source

]]>
1464962
ประเมินราคา ‘น้ำมัน’ อาจทะยานสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หากสงครามอิสราเอล-ฮามาสทวีความรุนแรง https://positioningmag.com/1450115 Tue, 31 Oct 2023 07:58:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1450115 ดูเหมือนว่าหากสงคราม อิสราเอล-ฮามาส ยังยืดเยื้อจะไม่ใช่แค่ส่งผลเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่ทั่วโลกก็ได้ผลกระทบไปด้วย ที่เห็นชัดก็คือ ราคาน้ำมัน โดยธนาคารโลกมองว่าอาจทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากสงครามยืดเยื้อ

ธนาคารโลก ออกมาเตือนว่า หากความขัดแย้งของสงคราม อิสราเอล-ฮามาส ขยายออกไปนอกพรมแดนของฉนวนกาซา จนเกิดการคว่ำบาตรน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นถึง 157 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ ในเดือนกรกฎาคม 2008 ที่มีการซื้อขายสูงถึง 147.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามข้อมูลจาก LSEG

นอกจากนี้ เคยมีเหตุการณ์การคว่ำบาตรน้ำมันของอาหรับในปี 1973 ส่งผลให้อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะลดลง 6-8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนั่นจะผลักดันราคาให้สูงขึ้น 56-75% หรือราว 140-157 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

“วิกฤตน้ำมันเมื่อ 50 ปีก่อนทําให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 4 เท่าหลังจากรัฐมนตรีพลังงานอาหรับสั่งห้ามส่งออกน้ำมัน   ของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การสนับสนุนอิสราเอลในสงครามอาหรับ-อิสราเอลปี 1973 ซึ่งเป็นที่รู้จักในอิสราเอลในชื่อสงครามยมคิปปูร์”

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นการประเมินสถานการณ์แย่ที่สุด โดยธนาคารโลกได้ประเมินสถานการณ์ไว้ 3 ระดับ โดย กรณีที่ดีที่สุด คือ ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น 3-13% มาอยู่ที่ระดับ 93-102 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ หากอุปทานน้ำมันทั่วโลกลดลง 500,000 ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการลดลงที่เทียบได้กับช่วงสงครามกลาง เมืองลิเบียในปี 2011

รองลงมาคือ อุปทานลดลงตลาด 3-5 ล้านบาร์เรลต่อวัน อาจจะดันให้ราคาน้ำมันให้สูงขึ้นระหว่าง 109-121 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเทียบเท่ากับระดับที่ไปถึงในช่วงสงครามอิรักในปี 2003

ถึงแม้ว่าทั้งอิสราเอลและดินแดนปาเลสไตน์จะไม่ใช่ผู้เล่นน้ำมันรายใหญ่ แต่ความขัดแย้งก็อยู่ในภูมิภาคการผลิต    น้ำมันที่สําคัญ

“หากความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น เศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญกับภาวะช็อกด้านพลังงานเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ เพราะไม่ใช่แค่จากสงครามในยูเครนเท่านั้น แต่ยังมาจากตะวันออกกลางด้วย”

Source

]]>
1450115
ซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก 1 ล้านบาร์เรล ชี้ต้องการสร้างเสถียรภาพราคา https://positioningmag.com/1433085 Mon, 05 Jun 2023 09:53:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1433085 ซาอุดีอาระเบียเตรียมที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีก 1 ล้านบาร์เรล หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากการบุกยูเครนโดยรัสเซีย และล่าสุดนั้นราคาน้ำมันกลับมาปรับเท่ากับช่วงก่อนความขัดแย้งดังกล่าว ส่งผลทำให้ประเทศส่งออกน้ำมันรายดังกล่าวต้องปรับกำลังการผลิตลง

ท่าทีของประเทศส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลกอย่างซาอุดีอาระเบียนั้นตามมาจากการประชุมของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอย่าง OPEC เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (4 มิถุนายน) ที่รวมถึงรัสเซียและประเทศส่งออกน้ำมันรายเล็กที่ตกลงจะลดการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามพยุงราคาน้ำมันดิบขึ้นมา

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาทาง OPEC+ ได้ประกาศปรับลดกำลังการไปผลิตแล้ว ก่อนที่จะมีการปรับกำลังการผลิตลงอีกครั้ง และส่งสัญญาณว่าทางกลุ่มจะปรับลดกำลังการผลิตลงต่อไป ถ้าหากราคาน้ำมันมีท่าทีลดลง

กระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียได้อธิบายว่าการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจเพิ่มเติมของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายดังกล่าวนี้ถือเป็นความพยายามป้องกันกลุ่มประเทศ OPEC+ เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพและความสมดุลของตลาดน้ำมัน

ขณะที่ทางซาอุดีอาระเบียนั้นต้องการให้ราคาน้ำมันมากกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากเป็นจุดคุ้มทุนของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก นอกจากนี้ซาอุดีอาระเบียยังต้องการเม็ดเงินมหาศาลที่ได้จากการผลิตน้ำมันดิบเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงหลังจากนี้ที่ต้องการลดการพึ่งพาจากการขายน้ำมัน

ไม่เพียงเท่านี้การส่งสัญญาณของซาอุดีอาระเบียยังตามมาหลังจากวี่แววความต้องการพลังงานทั่วโลกนั้นอาจลดลงจากความกังวลว่าเศรษฐกิจในยุโรป หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่สภาวะถดถอย ส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ ทำให้ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันดิบ

ปัจจุบันกลุ่ม OPEC+ เป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของน้ำมันดิบของโลก และการตัดสินใจของทางกลุ่ม หรือแม้แต่ซาอุดีอาระเบียในแต่ละครั้งนั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก

ที่มา – CNN, BBC

]]>
1433085
การส่งออกน้ำมัน ‘รัสเซีย’ พุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี แต่รายได้หดตัว 43% https://positioningmag.com/1427417 Sun, 16 Apr 2023 05:24:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1427417 แม้รัสเซียจะถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก หลังจากที่ก่อสงครามกับยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา แต่การส่งออกน้ำมันของรัสเซียกลับสูงสุดในรอบ 3 ปี อย่างไรก็ตาม รายได้กลับไม่ได้โตตามยอดการส่งออก

องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) หรือ IEA ได้เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคมการส่งออกน้ำมันของรัสเซียพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี แม้ว่าจะถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก โดยมียอดส่งออกจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 600,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 8.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020

โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นกลับสู่ระดับก่อนเกิด COVID-19 จาก 450,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 3.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น แต่รายได้จากน้ำมันของรัสเซียยัง ลดลงถึง 43% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้รายได้จะดีดตัวขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์แตะ 12.7 พันล้านดอลลาร์ก็ตาม

IEA กล่าวว่า การส่งออกน้ำมันดิบของมอสโกเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยอินเดีย และจีนเป็นปลายทางหลักสำหรับการขนส่งของรัสเซียในเอเชียในเดือนมีนาคม ขณะที่การจัดส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมเป็น 300,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ลดลงเกือบ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ครั้งเมื่อเทียบกับระดับก่อนสงคราม

ทั้งนี้ มาตรการการคว่ำบาตรน้ำมันของยุโรปมีเป้าหมายที่จะตัดรัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานชั้นนำของโลกออกจากแหล่งรายได้หลักจากการทำสงคราม ส่งผลให้รัสเซียตอบโต้การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกโดยลดการผลิตลง 500,000 บาร์เรลต่อวัน และพันธมิตรในกลุ่มพันธมิตรน้ำมัน OPEC+ สร้างความตกใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดกำลังการผลิตของตนเองเมื่อต้นเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม รัสเซียพลาดเป้าหมายในเดือนมีนาคม เนื่องจากการผลิตลดลง 290,000 บาร์เรลต่อวัน ตามรายงานของ IEA

Source

]]>
1427417
โจ ไบเดน เตรียมพิจารณาความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย หลังลดกำลังการผลิตน้ำมัน https://positioningmag.com/1404057 Wed, 12 Oct 2022 05:33:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404057 เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ได้กล่าวกับ CNN ว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เตรียมร่วมมือกับสภาคองเกรสในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอย่าง OPEC ได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจ

John Kirby เจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ของคณะมนตรีความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เตรียมร่วมมือกับสภาคองเกรสในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลกได้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน

เขาได้กล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียจะต้องมีการพิจารณาความสัมพันธ์นี้อีกครั้ง และเขาเชื่อว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการายนี้กำลังทำงานร่วมกับสภาคองเกรสในเรื่องดังกล่าวอยู่

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ตามหลังมาจาก Bob Menendez ประธานการต่างประเทศวุฒิสภา ได้แสดงความคิดเห็นว่าสหรัฐฯ ควรที่จะหยุดความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ยังควรที่จะชะลอความสัมพันธ์หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียได้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงตามมติการประชุมของ OPEC

นอกจากนี้ยังรวมถึง Dick Durbin วุฒิสภาของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการที่จะเห็นรัสเซียเป็นผู้ชนะจากสงครามนี้ และเขายังกล่าวกับ CNN ว่า รัสเซียและซาอุดีอาระเบียรวมหัวกันที่จะต่อต้านสหรัฐฯ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังมองว่าหลังจากนี้สหรัฐฯ จะสามารถไว้ใจพันธมิตรอย่างซาอุดีอาระเบียได้อย่างไร

OPEC ได้ประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกวันละ 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งส่งผลทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น และสร้างผลกระทบทำให้ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก ซึ่งผู้นำหลายประเทศเองได้ส่งสัญญาณอยากให้กลุ่มประเทศส่งออกน้ำมันนั้นชะลอการปรับลดการผลิต เพื่อที่จะแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ

ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียมีความสัมพันธ์อันดีไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง อย่างไรก็ดี จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการฆ่านักข่าวชาวซาอุฯ อย่าง จามาล คาช็อกกี ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศก็เริ่มเลวร้ายลงมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงกรณีที่ OPEC ประกาศปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งสวนทางกับความต้องการของทั่วโลก

]]>
1404057
OPEC+ เตรียมลดการผลิตน้ำมันดิบมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล หลังเศรษฐกิจโลกมีโอกาสชะลอตัว https://positioningmag.com/1402836 Mon, 03 Oct 2022 05:42:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402836 กลุ่มประเทศผลิตน้ำมันหรือรวมถึงพันธมิตรประเทศอื่นๆ อย่างรัสเซีย มาเลเซีย คาซัคสถาน (OPEC+) เตรียมที่จะลดกำลังการผลิตลงอีกมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล โดยจะมีการประชุมระหว่างประเทศส่งออกน้ำมันในสัปดาห์นี้ที่กรุงเวียนนาเพื่อหารือถึงกำลังการผลิต

แหล่งข่าวของ Reuters ได้กล่าวว่า “ช่วงเวลาการประชุมดังกล่าวนี้ถือเป็นที่จับตามองทั่วโลกอย่างมาก” และยังเป็นการประชุม OPEC ที่จัดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกด้วย

โดยราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันอยู่ในช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งลดลงจากในช่วงไตรมาส 3 มาแล้วกว่า 23% หลังจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงจากการบุกยูเครนโดยรัสเซีย ซึ่งราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงได้เพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจหลายประเทศ และเป็นสาเหตุสำคัญของเงินเฟ้อในหลายประเทศ และถ้าหากกลุ่ม OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิตอีกครั้ง ยิ่งเพิ่มโอกาสทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น

การปรับลดกำลังการผลิตนั้นส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากราคาที่ลดลงจากความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ประเทศส่งออกน้ำมันหลายประเทศประสบปัญหาค่าเงินอ่อนลงส่งผลต่อรายได้เข้าประเทศเหล่านี้

สำหรับประเทศแรกที่ส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบคือซาอุดีอาระเบีย โดยประเทศจากตะวันออกกลางรายนี้ได้ส่งสัญญาณในเดือนสิงหาคมมาแล้วว่าจะปรับลดกำลังการผลิต และล่าสุดรัสเซียเป็นอีกประเทศที่ส่งสัญญาณอยากให้กลุ่ม OPEC+ ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

OPEC+ เคยปรับลดกำลังการผลิตมาแล้วช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 เนื่องจากความต้องการน้ำมันลดลงอย่างมาก ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยมีราคาต่ำมาแล้ว 

]]>
1402836
รัฐบาลไบเดน มั่นใจ ‘ผู้ผลิตน้ำมัน’ ในสหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอย่างมาก ภายในสิ้นปีนี้ https://positioningmag.com/1378910 Wed, 23 Mar 2022 13:54:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378910 ทีมรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเชื่อมั่นว่า บรรดาผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ จะมีการเพิ่มปริมาณน้ำมันขึ้นอย่างมากภายในสิ้นปีนี้ หลังโดนเรียกร้องให้เพิ่มกำลังผลิตอย่างรวดเร็ว รับผลกระทบความขัดเเย้งรัสเซียยูเครน

Jennifer Granholm รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ กล่าวงาน CERAWeek ว่า บริษัทน้ำมันและพลังงานใดๆ ที่มีศักยภาพในการเพิ่มอุปทานน้ำมัน ณ ตอนนี้ ก็ควรดำเนินการโดยเร็ว หลังประธานาธิบดีไบเดนออกคำสั่งห้ามสหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

รัสเซีย เป็นหนึ่งในผู้ผลิตปิโตรเลียมชั้นนำของโลก โดยสหรัฐฯ นำเข้าเชื้อเพลิงเหลวจากรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วนกว่า 8% ของการนำเข้าเชื้อเพลิงเหลวทั้งหมด โดยในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงกลั่นจากรัสเซียประมาณ 672,000 บาร์เรลต่อวัน

ฝ่ายบริหารมีความมั่นใจว่า จะมีอุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมากภายในสิ้นปีนี้ และเราคาดว่าพวกเขาจะดำเนินการได้ตามความคาดหวัง

อย่างไรก็ตาม เธอย้ำว่าคุณไม่สามารถแค่กดสวิตช์แล้วเปิดเครื่องได้ในชั่วข้ามคืนเพราะการผลิตน้ำมันในปริมาณที่สูงขึ้นอาจต้องใช้เวลา

แม้ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ จะมีมากขึ้น แต่การผลิตน้ำมันก็ยังห่างไกลจากระดับก่อนเกิดโรคระบาดการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่ 11.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2021 จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2019

โดยคาดว่า การผลิตน้ำมันดิบจะเริ่มฟื้นตัวเป็น 12 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ในปีนี้ และขยับขึ้นเป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ในปี 2023 ตามรายงานของสำนักงานข้อมูลพลังงาน

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองปัจจัยต่างๆ โดยบริษัท น้ำมันรายใหญ่อย่าง Chesapeake Energy และ Occidental Petroleum ระบุว่าตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์และแรงงานซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัดในการเติบโตระยะสั้นได้

]]>
1378910
ราคาน้ำมันปรับตัวลงหลัง ‘โอมิครอน’ ทำสายการบินกว่าพันเที่ยวถูกยกเลิก https://positioningmag.com/1368963 Mon, 27 Dec 2021 12:49:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1368963 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจากผลของการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ โอมิครอน ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา สายการบินในสหรัฐฯ ถูกยกเลิกกว่า 1 พันเที่ยวบิน นอกจากนี้ หลายประเทศฝั่งยุโรปก็ได้มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยน้ำมันดิบสหรัฐฯ ดิ่งลงมากกว่า 1 ดอลลาร์ หลังจากที่สายการบินต่าง ๆ ระงับเที่ยวบินหลายพันเที่ยวบินในสหรัฐอเมริกาในช่วงวันหยุดคริสต์มาส โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ผู้โดยสารหลายพันคนติดค้างหลังจากสายการบินของสหรัฐฯ เนื่องจากการขาดแคลนพนักงานส่งผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวบิน

โดยสัญญาขายน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐฯ ร่วงลง 97 เซนต์หรือ 1.3% อยู่ที่ 72.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากแตะระดับต่ำสุดที่ 72.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงก่อนหน้า ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 24 เซนต์หรือ 0.3% สู่ 75.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากปิดตัวลง 0.92% เมื่อวันศุกร์

เจฟฟรีย์ ฮัลลีย์ นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า การเดินทางที่ลดลงเท่ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงในสหรัฐฯ ทำให้น้ำมันดิบ WTI ต่ำลง ซึ่ง WTI ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานน้ำมันของสหรัฐฯ โดยตลาดน้ำมันโดยทั่วไปยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับความต้องการในระยะสั้น นักสังเกตการณ์ตลาดกล่าว

Leona Liu นักวิเคราะห์จาก DailyFX ในสิงคโปร์ กล่าวว่า แม้ว่า โอมิครอน จะแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ของ COVID-19 แต่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อกลับมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ราว 68%

ขณะที่ในฝั่งยุโรป ราคาก๊าซธรรมชาติแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากอุปทานตึงตัว หนุนราคาน้ำมันดิบเบรนท์

ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนพุ่งเป้าไปยังการประชุม OPEC+ ครั้งต่อไปในวันที่ 4 มกราคม โดยองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน จะประชุมกันเพื่อตัดสินใจว่าจะดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่

อย่างไรก็ตาม รัสเซียเชื่อว่าราคาน้ำมันไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า โดยความต้องการจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดภายในสิ้นปี 2565 รองนายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ โนวัก กล่าว

Source

]]>
1368963
ผลประกอบการ Q3 ‘Saudi Aramco’ บริษัทน้ำมันเบอร์ 1 โลกโต 158% จากราคาน้ำมันที่พุ่งไม่หยุด https://positioningmag.com/1359414 Mon, 01 Nov 2021 04:23:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359414 หลังจากที่ทั่วโลกเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตและเดินทางกันอย่างปกติ ส่งผลให้การใช้งานน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2564-2565 ราคาน้ำมันดิบโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 65% จากปี 2563 และนั่นทำให้ผลประกอบการของ Saudi Aramco เพิ่มขึ้น 158%

‘โอเปก’ ยืนยันส่งน้ำมันดิบ 4 แสนบาร์เรล/วัน ส่งผลค่าน้ำมันแพงสุดในรอบ 7 ปี

ผลประกอบการของ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้น 158% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยมาจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่สูงขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยรายรับสุทธิของ Aramco อยู่ที่ 3.04 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา โดยมีกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 2.87 หมื่นล้านดอลลาร์

จากผลประกอบการดังกล่าวทำให้ บริษัทมีผลกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ Aramco เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนธันวาคม 2019 ก่อนที่จะประสบกับภาวะตกต่ำ 44.4% ในปี 2020 และเมื่อย้อนไปช่วงไตรมาสที่ 2 บริษัทมีผลกำไรเพิ่มเกือบ 4 เท่า หลังจากที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด ความต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

“รายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นและปริมาณการขายที่มากขึ้น เนื่องจากความต้องการพลังงานทั่วโลกที่ฟื้นตัวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในตลาดหลัก” Saudi Aramco กล่าวในแถลงการณ์ผลประกอบการ

ซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นหนึ่งในผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ที่สุดและผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และเพราะเหตุนี้ ทำให้ประเทศได้ให้คำมั่นว่าจะปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2060 โดย Amin Nasser ผู้บริหารระดับสูงของ Aramco กล่าวว่า บริษัทจะสร้างจากประวัติการดำเนินงานที่มีต้นทุนต่ำและคาร์บอนต่ำ หลังจากประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าตั้งใจที่จะบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในการดำเนินงานภายในปี 2050

ประเมินราคาน้ำมันในไทยพุ่ง 25% กระทบธุรกิจ ครัวเรือนเเบกค่าครองชีพเพิ่ม 340 บาท/เดือน

อย่างไรก็ตาม คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการลดการปล่อยคาร์บอนโดย Aramco ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับการตอบรับด้วยความกังขาจากนักสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการประกาศดังกล่าวไม่ได้นับรวมถึงการปล่อยมลพิษจากผลิตภัณฑ์ของบริษัท

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนนี้ Aramco ได้ประกาศว่ามีแผนจะเพิ่มการผลิตน้ำมันให้มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 13 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2027 โดยในแถลงการณ์ล่าสุด Aramco กล่าวว่า การผลิตไฮโดรคาร์บอนรวมของบริษัทนั้นเทียบเท่ากับ 12.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงน้ำมันดิบ 9.5 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่าบริษัทยังมีสัดส่วนการถือหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Sudair ขนาด 1.5 กิกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และจะเริ่มผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 โดยบริษัทได้ขยายการลงทุนโดยเน้นที่ความยั่งยืนบางส่วน และจะกำหนดเป้าหมาย เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

Source

]]>
1359414