paper planes – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 13 Feb 2023 03:30:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คุยกับ Paper Planes จากวงร็อค All Black สู่เส้นทางตำแหน่ง “หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม” https://positioningmag.com/1418895 Sun, 12 Feb 2023 15:18:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1418895
  • Paper Planes เคยวางคาแร็กเตอร์วงเป็นวงร็อค All Black แต่งชุดดำทั้งหมด ชาวร็อคเท่ๆ แต่การทำเพลงมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นตามยุคสมัย ตอนนี้มีสีสันมากขึ้น
  • นอกจากเป็น Soft Power ให้กลุ่มวัยรุ่นฟันน้ำนมแล้ว 2 หนุ่มยังอยากเป็นกระบอกเสียงให้สังคมในทางใดทางหนึ่ง
  • เตรียมทำเพลงสูตรคูณ แต่ไม่ใช่เพราะผู้ปกครองขอมาอย่างเดียว แต่มองว่าเป็นไอเดียที่สนุก 
  • All Black ในวันนั้น สู่ขวัญใจเด็กๆ ในวันนี้

    ในตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักวง Paper Planes กันแล้ว เรียกว่าสร้างปรากฏการณ์ “ทรงอย่างแบด” กันทั่วเมือง กวาดแฟนคลับทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นเล็กไปเพียบ ความน่าสนใจก็คือเราได้เห็น “วัยรุ่นฟันน้ำนม” กลายเป็นแฟนคลับตัวน้อยของศิลปิน เรียกว่าหาดูได้ยาก

    กว่าจะมาเป็น Paper Planes ในวันนี้ เรามารู้จักตัวตนของเขาทั้งในแง่ของการทำผลงานเพลง และทัศนคติที่ถ่ายทอดออกมา อีกทั้งการวางตัวเป็นหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม เป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติจริงๆ

    paper planes

    Paper Planes เป็นวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อคจากค่าย genie record ในเครือ GMM Grammy ประกอบด้วยสมาชิก 2 คน ได้แก่ ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ และเซน-นครินทร์ ขุนภักดี เริ่มก่อตั้งและมีผลงานเมื่อปี 2560 ภายใต้โปรเจกต์ Showroom Vol.3

    นอกจากบทบาทการเป็นนักร้อง นักดนตรีแล้ว ทั้งคู่ยังมีบทบาทในฐานะคนเบื้องหลัง ทั้งโปรดิวเซอร์, ซาวด์เอ็นจิเนียร์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมายในวงการ T-POP

    จุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงอยู่ที่เมือตอนกลางปี 2565 ได้ปล่อยซิงเกิ้ล “เสแสร้ง” เป็นผลงาน Featuring กับวง MOON ด้วยแนวเพลง และเนื้อหาสุดกระแทกใจ ทำให้เพลงนี้ดังเป็นพลุแตก กวาดยอดวิวใน YouTube เกิน 100 ล้านวิวแล้ว หลังจากนั้นก็ปล่อยซิงเกิ้ล “ทรงอย่างแบด” เป็นอีกหนึ่งเพลงที่สร้างปรากฏการณ์แบดบอย เป็นใบเบิกทางในการกวาดงานพรีเซ็นเตอร์ และขยายฐานคนฟังสู่กลุ่มเด็กๆ ได้อีกด้วย

    paper planes

    จากลุคของ Paper Planes ในปัจจุบันทั้งในเชิงการแต่งตัว และแนวเพลง ออกแนวป๊อปพังก์ แต่จริงๆ แล้วในช่วงที่ก่อตั้งวงมีการวางคาแร็กเตอร์เป็นวงร็อคเท่ๆ แบบ All Black แต่งตัวสีดำทั้งตัว แต่ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยน ก็ต้องปรับตามสถานการณ์ ตอนนี้แนวเพลงเลยดูสดใสขึ้น

    ฮายเริ่มเล่าว่า “ตอนแรกวางคาแร็กเตอร์เป็นวงที่จะใส่เสื้อสีดำเท่ๆ ใช้คำว่า All Black เลย เป็นคีย์วิชวลเลย ตอนนั้นรู้สึกว่าการใส่สีดำคลุมโทนค่อนข้างโดดเด่น พอแต่งในสไตล์ของตัวเองไม่มีสีเยอะ เลยทำให้ดูเรียบ เท่แบบนิ่งๆ ตอนนี้คาแร็กเตอร์เปลี่ยนตามกาลเวลา สดใสมากขึ้น ดูซนๆ มากขึ้น มันค่อยๆ เปลี่ยนไปเอง ด้วยเทสการวางเพลง สิ่งที่เจอในชีวิต เพลงในอัลบั้มใหม่ๆ มีสีสันมากขึ้น เราก็ต้องนำพาไปก้อนเดียวกัน”  

    ความฝันในวัยเด็กของทั้งคู่คือ การได้เป็นศิลปินเลย และการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง Genie Record ก็ยิ่งเติมเต็มความฝันเข้าไปใหญ่ เพราะมีวงที่เป็นไอดอลอยู่มากมาย

    paper planes

    ฮายเสริมว่า “โตมาก็อยากเป็นศิลปินเลย แต่ไม่คิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ การมาอยู่ค่ายในฝันคือสุดยอดแล้ว ตอนนั้นก็อยากอยู่ Genie Record มีไอดอลอยู่ในค่าย พี่ Retrospect, Sweet Mullet, Body Slam, No More Tear ตอนนี้ก็ได้อยู่เบื้องหลังของวงพี่ๆ อีกด้วย อย่าง Retrospect, Sweet Mullet, Cocktail เป็นโปรดิวเซอร์, มิกซ์ซิ่ง และซาวด์เอ็นจิเนียร์”

    ถ้าถามว่าถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นศิลปิน แต่ละคนอยากเป็นอะไร เซนบอกว่าอยากเป็นนักเล่นเกม และทำรายการท่องเที่ยว แต่ยังไม่มีเวลาทำ ส่วนฮายชอบเล่นเกม แต่ถ้าทำจริงจังก็กลัวจะเบื่อ

    สำหรับแพชชั่นในการทำงานเพลงของทั้งคู่ ไม่ใช่การได้เห็นเพลงประสบความสำเร็จ แต่เป็นการเห็นความรู้สึก หรือรีแอคชั่นของคนฟัง เวลาฟังเพลงแล้วจะรู้สึกอย่างไรกับวง ทั้งคู่บอกว่า “ไม่ได้คาดหวังว่าจะชอบเพลง แต่คาดหวังว่าสิ่งที่เราเขียนมันสื่อสารกับเขาได้มากที่สุด”  

    ขอเป็นพี่ชายให้น้องๆ

    หลังจากปล่อยเพลงทรงอย่างแบดออกมา สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ฐานแฟนคลับที่โดดเด่นขึ้นมาของวงกลับไม่ใช่กลุ่มวัยรุ่น แต่กลับเป็นกลุ่มเด็กๆ ตั้งแต่วัยอนุบาล และประถม ก่อนหน้านี้ได้มีไวรัลคลิปวิดีโอที่สวนสัตว์แห่งหนึ่ง ได้เปิดเพลงทรงอย่างแบดเป็นการคั่นเพื่อทำการโชว์การแสดง แต่กลายเป็นว่าเด็กๆ ร้องตามได้อย่างเสียงดังฟังชัดกันได้ทั้งสนาม หลังจากนั้นก็มีไวรัลอีกครั้งเมื่อเด็กๆ ได้ตามไปดูคอนเสิร์ตของ Paper Planes แล้วฮายได้บอกกับน้องๆ ว่า “สัญญาได้มั้ยว่าดูคอนเสิร์ตจบแล้วจะไปแปรงฟันกัน” เรียกได้ว่าเป็น “หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม” อย่างเต็มตัว

    ฮายได้เปิดเผยความรู้สึกว่า “รู้สึกดีใจ แต่ก็แปลกใจ เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย เพลงร็อคไม่ได้กลับมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะเข้าถึงคนได้กว้างมาก ตั้งแต่เจนอัลฟ้ายันเบบี้บูมเมอร์ เรียกว่าเปลี่ยนชีวิตประมาณนึง จริงๆ ช่วงที่เปลี่ยนชีวิตมากที่สุดคือตอนซิงเกิ้ลเสแสร้ง พอมาซิงเกิ้ลนี้ทำให้ชัดมากยิ่งขึ้น มีสิ่งที่เปลี่ยนไปเยอะทั้งประเภทของงาน รูปแบบของงาน รับงานกลางวันมากขึ้น ปกติจะมีแต่งานกลางคืน และงานพรีเซ็นเตอร์ แฟนเพลงก็เปลี่ยนไป ปกติจะวัยรุ่น ตอนนี้เป็นเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยายก็มีถ่ายรูปไปฝากหลาน”

    เซนได้เสริมอีกว่า “เพลงสไตล์แบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ เรารู้สึกผิดคาด”

    ฮายบอกว่าจุดเริ่มต้นในการแต่งเพลงทรงอย่างแบด เป็นไปอย่างธรรมชาติมากๆ เนื่องจากไปเห็นเพื่อนโพสต์ลงโซเชียลมีเดียประมาณว่า “ทรงโคตรแบด แซดได้ไง” เลยคิดว่าเจ๋งดี เลยจดไว้แล้วมาเขียนเพลง ไม่เคยคิดว่ามันจะฮิตขนาดนี้ แค่คิดว่าน่าจะเรียกความสนใจได้ดี อีกอย่างหนึ่งก้คือ เพลงมีความเกี่ยวเนื่องกับทั้งคู่ ที่ดูภายนอกเป็นคนแบดๆ อีกด้วย

    paper planes

    “เราเคยวิเคาะห์เหมือนกันว่าทำไมเด็กๆ ถึงชอบเพลงของเรา คิดว่าคงเป็นเพราะความสนุกของเพลง เมโลดี้ จังหวะง่ายๆ เนื้อหา ความจริงใจ เพลงนี้ใช้เวลาแต่งเร็วมาก ไม่ได้ใส่มาร์เก็ตติ้งเท่าไหร่ เพียวมากๆ ทำแบบสนุกๆ แต่พอทำเสร็จแล้วก็สนุกมากๆ เช่นกัน”

    สำหรับตำแหน่ง “หัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม” อันทรงเกียรติ การที่เด็กๆ มองทั้งคู่เป็นไอดอล ฮาย และเซนมองว่าไม่ได้กดดันอะไร เพียงแค่ต้องระวังเรื่องคำหยาบคายมากขึ้น อยากเป้นเหมือนพี่ชายให้น้องๆ มากกว่า

    “การเป็นหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมก็รู้สึกตลกๆ ดี เกิดแบบง่ายๆ ธรรมชาติ จุดเด่นแค่เราคุยกับเด็กๆ ว่าแปรงฟันด้วยนะ กลายเป็น Soft Power เล็กๆ ให้เด็กๆ ทำในสิ่งที่เขาทำอยู่แล้ว พ่อแม่ก็เลยให้เราพูดแทน พอได้เริ่มแสดงทัศนคติ พ่อแม่ก็ไว้ใจเราให้เราดูแล

    Paper planes

    การที่เราเป็นหัวหน้าแก๊ง เหมือนว่าเรามีน้องๆ มากขึ้น เวลาเราไปเจอผู้ใหญ่ ก็เหมือนเรามีผู้ปกครองมากขึ้น เช่น ไปเจอรุ่นคุณป้า คุณแม่ ก็เหมือนเขาเป็นคนในครอบครัว เหมือนว่าเราเป็นพี่ชายคนโตที่ต้องดูแลน้องๆ ตำแหน่งนี้ก็เป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่มองแค่ว่าถ้าเรามีน้องคนหนึ่ง เราเลือกที่จะแสดงด้านไหน พูดคุยกับเค้าอย่างไร เลือกมองมุมจากพี่ชายแทน”

    เตรียมปล่อยเพลงสูตรคูณ

    หลังจากที่ฮายได้พูดบนเวทีกับน้องๆ ให้แปรงฟันก่อนนอนแล้ว เรียกว่าเป็น Soft Power จริงๆ เพราะเด็กๆ อาจจะเชื่อฟังไอดอลของเขาตามภาษาเด็กๆ เลยเกิดเป็นกระแสว่ามีแม่ๆ รีเควสให้ทาง Paper Planes แต่งเพลงที่มีสูตรคูณให้หน่อย เพื่อให้เด็กๆ จำได้ง่าย

    จากกระแสนี้ ทั้งคู่ก็ยอมรับว่ากำลังอยู่ในกระบวนการแต่งเพลงที่มีสูตรคูณจริงๆ รอร้องให้ทางค่ายฟัง แต่การแต่งครั้งนี้ไม่ได้แต่งเพราะมีคนให้โจทย์ แต่ทั้งคู่มองว่าดูสนุกดี พอได้โจทย์ที่รีเควสมาก็เลยลองทำดู

    Paper planes

    “คิดว่าจะแต่งเพลงจริงๆ นะ เพลงที่มีสูตรคูณ รอร้องให้ค่ายฟัง ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ทำตามโจทย์ของคนอื่นอยู่แล้ว แต่ถ้ารู้สึกว่ามันสนุก เราก็จะไม่เปลี่ยนทิศทางของเรา ถ้าเรารู้สึกจริงๆ เราก็ทำ เราก็คิดว่าสูตรคูณมันก็สนุกดี ไม่ใช่ว่าคุณแม่ขอมาแล้วเราทำ แต่มองว่าไอเดียสูตรคูณก็สนุกดี จริงๆ มีไอเดียตั้งแต่แรกๆ แล้ว เพราะเราก็มองว่าเพลงเราก็คล้ายๆ สูตรคูณ มีคำคล้องจอง พอผู้ปกครองขอมา ก็คิดว่ามีนิมิตรหมายที่ดี สำหรับแนวเพลงต่อไปก็คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะไดเร็กชั่นเดิมเด็กๆ ก็ฟังได้อยู่แล้ว เพียงแค่ระวังเรื่องคำหยาบมากขึ้น พยายามให้น้องๆ ชอบที่ความเป็นเรา”  

    ปล่อยตามธรรมชาติ ไม่กดดันตัวเอง

    เนื่องจากเพลงเสแสร้ง และทรงอย่างแบดได้ประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสร้างปรากฏการณ์อย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ หลายคนจะมองว่าการปล่อยเพลงต่อไปจะกดดันตัวเองหรือไม่ ว่าจะต้องปังเท่า 2 เพลงนี้ แต่ทั้งคู่มองว่าไม่ค่อยกดดัน เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่เพลงไม่มา

    “ถ้ามาได้ด้วยเพลงก็ดี แต่ถ้าไม่มาก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวังขนาดนั้น ลึกๆ อยากให้ดัง แต่ไม่ได้กดดัน ตั้งแต่เสแสร้งดัง ก็ไม่ได้คิดว่าเพลงต่อไปจะดัง เราใช้วิธีคิดอย่างนี้อยู่แล้ว”

    สำหรับงานพรีเซ็นเตอร์ที่เข้ามาในตอนนี้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งเปิดตัวไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงการเจรจา ตอนนี้มีที่เปิดตัวแล้ว ไก้แก่ เทสโต, แลคตาซอย, Choco Mucho

    ฮายบอกว่างานพรีเซ็นเตอร์ตอนนี้ค่อนข้างครบวงจร ยังไม่รู้ว่าจะไปสุดที่ตรงไหน สินค้ากว้างมาก ไม่ได้โฟกัสไปที่แค่สินค้าเด็ก เพราะมองว่าสินค้าบางอย่างก็จำเป็นต่อเด็ก บางอย่างก็ไม่จำเป็น ตอนนี้มีเข้ามาเรื่อยๆ

    อนาคตของ Paper Planes นอกจากในด้านงานเพลงแล้ว ยังอยากสอดแทรก Soft Power เล็กๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมได้อีกด้วย อย่างที่สามารถสร้าง Soft Power ให้กับกลุ่มเด็กๆ

    “อนาคตของวงต่อจากนี้อยากทำอัลบั้ม มีคอนเสิร์ตของตัวเอง อยากให้ทุกคนรู้จักความเป็นวงมากขึ้น อยากสร้างแรงบันดาลใจ แรงขับเคลื่อนสังคมเล็กๆ ในด้านที่เราถนัด พอเห็นว่าเรามีโอกาสที่จะทำได้ ก็อยากทำ เรามีโอกาสพูดวันไหน ก็สอดแทรกไป”

    สำหรับผลงานใหม่ของ Paper Planes ที่กำลังจะปล่อยในเร็วๆ นี้ เพลงซิงเกิ้ลจะปล่อยช่วงเดือนมีนาคม ส่วนอัลบั้มจะปล่อยช่วงกลางปี ฝากให้ทุกคนได้ติดตามกัน

    อ่านเพิ่มเติม

    ]]>
    1418895
    เปิดใจ ‘แลคตาซอย’ ในวันที่ต้อง ‘ขึ้นราคา’ และการดึง ‘เปเปอร์ เพลนส์’ ร่วมสร้างตำนานใหม่แทนที่เพลง “แลคตาซอย 5 บาท” https://positioningmag.com/1417865 Fri, 03 Feb 2023 10:10:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1417865 ด้วยวิกฤตเงินเฟ้อต่าง ๆ ข้าวของแพงขึ้น ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ถูกปรับราคาขึ้นมา เห็นชัด ๆ ก็ ‘มาม่า’ แต่ก็มีสินค้าที่มีเพลงโฆษณาฮิตติดหูพร้อมบอกทั้ง “ราคาและปริมาณ” อย่าง “แลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร ปริมาณคับกล่องเต็มที่…ดื่มได้ดื่มดี ดื่มแลคตาซอย 5 บาท” จนชาวเน็ตแซวว่า เป็นสินค้าเดียวที่ขึ้นราคาไม่ได้ แต่ในที่สุด แลคตาซอย ก็ต้อง ขึ้นราคา มัลลิกา จิรพัฒนกุล ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย จำกัด ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเหตุผล และแนวทางจากนี้ของบริษัทที่ไม่สามารถใช้เพลงโฆษณาระดับตำนานนี้ได้อีกต่อไป

    ย้อนรอย แลคตาซอย 5 บาท เพลงโฆษณาระดับตำนาน

    หากเอ่ยประโยค “แลคตาซอย 5 บาท” เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยในหัวจะต้องมีเพลง “แลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร ปริมาณคับกล่องเต็มที่…ดื่มได้ดื่มดี ดื่มแลคตาซอย 5 บาท” ขึ้นมาแน่นอน โดยปัจจุบันเพลงนี้ก็อยู่คู่กับคนไทยมาแล้วถึง 18 ปี หรือตั้งแต่ปี 2548 โดยมีออกมาแล้วทั้งหมด 11 เวอร์ชั่น ซึ่งจะต่างกันที่ทำนองซึ่งจะถูกปรับให้ทันสมัยมากขึ้นนั่นเอง

    โดยจุดเริ่มต้นของเพลงโฆษณาชุดนี้ได้ถูกแต่งขึ้นโดยบริษัทเอง จากนั้นก็ได้เอเจนซี่ช่วยแต่งทำนองและทำหนังโฆษณา ซึ่งตอนแรกนั้นตัว แลคตาซอย 5 บาท ขนาด 125 มิลลิลิตร ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเจาะกลุ่ม เด็ก เป็นหลัก จากเดิมที่มีขนาด 300 มิลลิลิตร และขนาด 500 มิลลิลิตร อย่างไรก็ตาม เพลงแลคตาซอย 5 บาทกลับกลายเป็นภาพจำของแบรนด์แลคตาซอยไปโดยปริยาย แถมจากที่จะใช้เพื่อเจาะกลุ่มเด็กเป็นหลัก กลับกลายเป็นว่าปัจจุบันได้กลุ่มผู้สูงอายุ, สาววัยทำงาน และใช้สำหรับใส่บาตรทำบุญ จนปัจจุบันขนาด 125 มิลลิลิตรคิดเป็นสัดส่วนถึง 25% ของยอดขายทั้งหมด

    “โจทย์เราในตอนนั้นคือ จะทำยังไงให้ผู้บริโภคได้รู้ว่าแลคตาซอยขายแค่ 5 บาท ปริมาณ 125 มิลลิลิตร บรรจุเต็มกล่องนะ เราเลยใช้มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง เพราะมองว่าใช้เพลงมันสื่อสารถึงคนได้ง่าย ถ้าเขาจดจำเพลงได้มันครอบคลุมคุณสมบัติของสินค้าทั้งหมดที่เราต้องการบอกเลย เพราะตอนนั้นคู่แข่งก็วางขายในราคา 6 บาท และปริมาณไม่ได้เต็มกล่อง” มัลลิกา จิรพัฒนกุล ผู้บริหารรุ่น 3 ของแลคตาซอยอธิบายถึงที่มาของเพลงแลคตาซอย 5 บาท 

    ต้องขึ้นราคาแม้เพลงแลคตาซอย 5 บาทจะกดดัน

    อย่างที่หลายคนรู้ว่า ปัจจุบันแลคตาซอย 5 บาทไม่มีอีกแล้ว แต่ขึ้นเป็น 6 บาท ซึ่ง มัลลิกา ก็ได้อธิบายว่าเป็นเรื่องของต้นทุนที่สูงขึ้นมาก โดยเฉพาะในปี 2565 ที่มีปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ทั้งค่าขนส่ง ต้นทุนพลังงานพุ่ง นอกจากนี้ วัตถุดิบหลักอย่าง ถั่วเหลือง, นมผง ก็พุ่งขึ้นเกือบ 40% ยังไม่รวมแพ็กเกจจิ้งที่ขึ้นรวมกว่า 20% ทำให้แลคตาซอยต้องขึ้นราคาครั้งแรกในรอบ 23 ปี

    “จริง ๆ ต้นทุนเราสูงตั้งแต่ช่วงปี 2560-2561 ที่มีการปรับขึ้นภาษีน้ำตาล แต่เราพยายามตรึงราคาจนสุดความสามารถโดยเฉพาะการะปรับตัวภายใน และพอเราคิดจะปรับราคาก็มีโควิดเข้ามา เราก็มองว่ามันไม่ใช่จังหวะที่ดีที่ จนมาเจอปี 2565 ที่ต้นทุนยิ่งสูงขึ้นอีก เราเลยไม่สามารถจะตรึงราคาได้อีกต่อไป”

    มัลลิกา ยอมรับว่า เพลง แลคตาซอย 5 บาท ก็เป็นอีกสิ่งที่ กดดัน ให้แลคตาซอยต้องตรึงราคาอยู่นาน เพราะบริษัทก็มีความกังวลใจว่าผู้บริโภคจะรับกับราคาใหม่ได้ไหม อีกทั้งต้อง แต่งเพลงใหม่ ในขณะที่เพลงเดิมนั้นเป็น ตำนาน ที่ติดหูคนไทยไปแล้ว

    “แน่นอนว่าการปรับราคามันทำให้เรากังวลใจและกดดัน เราเลยไม่อยากขึ้นราคาเพราะเราไม่ได้อยากแต่งเพลงใหม่ที่มันกลายเป็นตำนานไปแล้ว ดังนั้น แลคตาซอย 5 บาทจึงเป็นตัวที่เราปรับราคาทีหลังสุด หลังจากที่ขนาด 300 มิลลิลิตรขนาดขายดีสุดได้ปรับขึ้นจาก 10 เป็น 12 บาท แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครบ่นเรื่องราคา มีแต่คนเป็นห่วงว่าเพลงใหม่จะไปในทิศทางไหน บางคนก็ช่วยแต่งเพลงให้เราใหม่ เราดีใจมากที่ผู้บริโภครักเพลงนี้”

    ดึงเปเปอร์ เพลนส์พรีเซ็นเตอร์และเพลงใหม่จะไม่ใส่ราคา

    พรรวนา มหาทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาดสัมพันธ์ เล่าว่า ที่ผ่านมา แลคตาซอยใช้พรีเซ็นเตอร์มาหลายคน ไม่ว่าจะเป็น พลอยชมพู, BNK48, ไอซ์ พาริส, ใหม่ ดาวิกา, เต ตะวัน, ต่อ ธนภพ โดยแต่ละคนก็จะชูโปรดักส์ที่ต่างกัน เพราะแลคตาซอยเป็นสินค้าแมส มีหลายสูตร หลายรสชาติ และหลายขนาด ทำให้ที่ผ่านมาต้องใช้พรีเซ็นเตอร์ที่เจาะตรงเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเข้าถึง เช่น ใช้ศิลปินลูกทุ่งอย่าง หญิงลี ศรีจุมพล เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มอีสาน เนื่องจากเป็นภาคที่ขายดีที่สุด

    ล่าสุด แลคตาซอยก็ใช้วง เปเปอร์ เพลนส์ (Paper planes) เจ้าของเพลง ทรงอย่างแบด เพลงชาติของเหล่าวัยรุ่นฟันน้ำนม มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแลคตาซอยขนาด 125 มิลลิลิตร เนื่องจากความนิยมในหมู่เด็กซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของแลคตาซอย 125 มิลลิลิตร

    นอกจากนี้ แลคตาซอยต้อง แต่งเพลงใหม่ ทดแทนเพลงแลคตาซอย 5 บาท ซึ่งทางวงก็จะมาร่วมแต่งเพลงด้วย ปัจจุบันเพลงโฆษณาตัวใหม่กำลังอยู่ในขั้นพรีโปรดักส์ชั่น คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เดือนมีนาคมนี้ อย่างไรก็ตาม เพลงโฆษณาใหม่นี้จะ ไม่ระบุราคา เหมือนกับเพลงเดิม แต่จะยังคงสื่อสารถึงความคุ้มค่า

    “เรารู้จักเขาตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้วว่าเพลงเขาเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก แต่สิ่งที่เราชอบคือ ลักษณะนิสัยเขาที่แตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก ประกอบกับเราที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เรามองว่าเปเปอร์ เพลนส์จะสามารถสื่อสารถึงการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด ทั้งในแง่แบรนด์, สังคม และความคิดของผู้ปกครอง”

    วางเป้าเติบโต 5-8%

    ในช่วงปี 2563-2564 แลคตาซอยไม่ได้เติบโต เนื่องจากผลกระทบจากโควิด แต่ในปี 2565 บริษัทสามารถเติบโตได้เล็กน้อยที่ 3.12% มีรายได้ 10,614 ล้านบาท มีส่วนแบ่งในตลาด 19,000 ล้านบาท ที่ราว 56% และสำหรับปีนี้ แลคตาซอยตั้งเป้าที่จะเติบโตให้ได้ 5-8%

    โดยปีนี้ แลคตาซอยได้วางงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตจาก 1,131 ล้านกล่อง/ปี เป็น 1,431 ล้านกล่อง/ปี รวมถึงปรับปรุงให้ลดการใช้พลังงาน เพื่อลดต้นทุนในการผลิต นอกจากนี้ ยังได้ขยายคลังสินค้าเพิ่มอีก 2 แห่ง ในแถบภาคอีสาน จากปัจจุบันมีคลังสินค้าทั้งหมด 73 แห่ง

    ในส่วนของแคมเปญการตลาดที่นอกจากจะได้พรีเซ็นเตอร์ใหม่ บริษัทจะมีการ จัดโปรโมชันที่หนักขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคอาจยังไม่คุ้นชินกับราคาใหม่ นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงระบบออนไลน์ให้ต่อกับโปรแกรม CRM ให้มีสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีขึ้น รวมถึงจะมีการหาพาร์ตเนอร์ B2B ใหม่ ๆ อีกด้วย

    มองแพลนต์เบสและต่างประเทศโอกาสเติบโตในอนาคต

    ปัจจุบัน แลคตาซอยทำตลาดต่างประเทศใน 45 ประเทศ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในอินโดไชน่า ซึ่งประเทศที่ขายดีก็ได้แก่ สปป.ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และจีน โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของรายได้ ซึ่งแลคตาซอยมองว่าตลาดต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะประเทศที่ในกลุ่มประเทศอินโดไชน่าที่เป็นประเทศหลัก

    “สปป.ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และจีน ถือเป็นตลาดที่ไปได้ดีสุดของแลคตาซอย ซึ่งเราจะมีการจ้างพรีเซ็นเตอร์ในประเทศนั้น ๆ เพื่อทำตลาดเหมือนกับไทยที่มีวงเปเปอร์ เพลนส์”

    นอกจากนี้ ด้วยเทรนด์ที่ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น เริ่มหันมากินแพลนต์เบส ทำให้แลคตาซอยกำลังมองโอกาสที่จะขยายสินค้าอื่น ๆ เพราะเห็นเทรนด์ที่เติบโตเรื่อย ๆ ขณะที่ปัจจุบันสินค้าในกลุ่มนี้ยังค่อนข้างมีราคาสูง ผู้บริโภคไม่สามารถทานได้ทุกวัน ดังนั้น ยังทำให้ต้องรอดูตลาดก่อน

    “ตลาดนมถั่วเหลืองยังเติบโตขึ้นต่อเนื่องเพราะกระแสการดูแลสุขภาพ เราเห็นชัดเลยว่าสินค้าไม่หวาน ไฮแคลเซียม เติบโตชัดเจน แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นคนกลุ่มเมือง แม้จะถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย แต่เราก็พยายามทำสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนีชมากขึ้น พยายามเกาะกระแสแต่ดูอยู่ว่าจะทำอะไรได้บ้างโดยเฉพาะแพลนต์เบส”

    มัลลิกา ทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันตลาดนมถั่วเหลืองรายย่อยเข้ามาโดยเฉพาะจากต่างชาติ จนปัจจุบันมีผู้เล่นประมาณ 10 กว่าราย แต่สิ่งที่ทำให้เราขึ้นเป็นที่ 1 คือ อร่อย คุ้มค่า ถือเป็นนมถั่วเหลืองที่ถูกที่สุดในตลาด ถึงแม้ว่าเราปรับราคาขึ้นจริงแต่ไม่ใช่เราคนเดียว ดังนั้น สินค้าเราก็จะยังถูกสุดในตลาด

    ]]>
    1417865