สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกียวข้องว่า Reddit เว็บบอร์ดชื่อดังที่ให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งกระทู้และตอบคำถามได้ตามความสนใจ เตรียมเข้า IPO ในตลาดหุ้นเร็วๆ นี้ หลังจากที่บริษัทได้ประชุมกับนักลงทุนในการประเมินมูลค่ากิจการของบริษัทว่ามีศักยภาพเพียงใด

สื่อรายดังกล่าวได้รายงานว่า ในการประชุมของบริษัทร่วมกับนักลงทุน บริษัทได้ตั้งเป้ามูลค่าบริษัทมีมูลค่าขั้นต่ำคือ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 180,000 ล้านบาท แม้ว่าสภาวะตลาดหุ้นจะอยู่ในช่วงผันผวน และทำให้มูลค่าบริษัทที่เข้า IPO ในตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะต้องลดมูลค่ากิจการลงมาก็ตาม

Reddit นั้นก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2005 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้ว โดยดำเนินธุรกิจเว็บบอร์ดให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งกระทู้และตอบคำถาม ในหมวดหมู่ตามความสนใจ ซึ่งหมวดหมู่นั้นมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นการลงทุน ความรู้ด้านต่างๆ หรือแม้แต่เรื่องไร้สาระ

ในปี 2021 ที่ผ่านมา Reddit ได้ระดมทุนมากถึง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีมูลค่ากิจการมากถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยสำคัญมากจากผู้ให้บริการเว็บบอร์ดรายดังกล่าวมีผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีจากการซื้อหุ้น Gamestop ที่ส่งผลทำให้กองทุนต่างๆ พ่ายแพ้ให้กับนักลงทุนรายย่อยที่อยู่ใน Reddit

ขณะที่ในปี 2022 บริษัทมีแผนที่จะ IPO ในตลาดหุ้น และคาดว่ามูลค่ากิจการน่าจะอยู่ที่ราวๆ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนที่บริษัทจะพับแผนดังกล่าวไป

อย่างไรก็ดีในปี 2023 ที่ผ่านมา Bloomberg รายงานว่าในการขายหุ้นระหว่างนักลงทุนด้วยกันนั้นตีมูลค่ากิจการของ Reddit ได้ราวๆ 4,500 ถึง 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น โดยนักลงทุนมองว่ามูลค่ากิจการของเว็บบอร์ดชื่อดังรายนี้ไม่ควรสูงมากเกินไปด้วยซ้ำ

สำหรับตัวเลขสุดท้ายที่ Reddit จะตั้งเป้ามูลค่ากิจการขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของตลาดหุ้น คาดว่าเว็บบอร์ดชื่อดังนั้นจะสามารถเข้า IPO ได้ไวสุดในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

เดือนมกราคมที่ผ่านมา ห้องหนึ่งในเว็บบอร์ด Reddit ที่ชื่อว่า WallStreetBets เชิญชวนให้นักลงทุนรายย่อยรวมพลังกันต้านการชอร์ตหุ้นของเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ใหญ่ ด้วยการช่วยกันเข้าซื้อหุ้น GameStop หุ้นบริษัทร้านขายเกม เพื่อทำให้นักลงทุนสถาบันที่ชอร์ตหุ้นไปก่อนหน้านี้ต้องขาดทุน

งานนี้เป็นเหมือนการวัดพลังอำนาจระหว่าง “เฮดจ์ฟันด์” กับ “นักลงทุนรายย่อย” ที่รวมตัวกันติดผ่าน “เว็บบอร์ด” เมื่อบรรดารายย่อยเข้าไปรุมซื้อหุ้นทำให้หุ้น GameStop พุ่งขึ้นเป็น 10 เท่าภายในเวลาไม่กี่วัน และทำให้นักลงทุนสถาบันที่รอทำกำไรจากราคาหุ้นที่ร่วงลงต้องกุมขมับ กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกการเงิน

เมื่อปรากฏการณ์ GameStop ฮือฮาไปทั่วโลก สปอตไลต์จึงฉายส่องมาที่ Reddit เว็บบอร์ดในลักษณะคล้ายกับพันทิป พื้นที่ห้องที่คุยเรื่อง GameStop ในเว็บบอร์ดสามารถดึงคนให้เข้าร่วมพูดคุยในห้องนี้ห้องเดียวจาก 1 ล้านคนเป็น 8 ล้านคนภายในหนึ่งสัปดาห์!

• รู้จัก Ryan Cohen ผู้ถือหุ้น GameStop ที่ทำรายได้ 8.9 หมื่นล้านบาทในข้ามคืน

หลังเกิดเหตุ GameStop ขึ้น ทาง Reddit ระบุว่า เว็บบอร์ดของตนมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็น 52 ล้านคนต่อวัน มากกว่าปีก่อนถึง 44%

เมื่อน้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก ล่าสุด Reddit ประกาศผลการระดมทุนรอบ Series E และได้รับเงินลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7,480 ล้านบาท) มูลค่าบริษัทได้รับการประเมินสูงขึ้นเป็น 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท) เทียบกับเมื่อปี 2019 ที่เคยระดมทุนรอบ Series D บริษัทได้รับการประเมินมูลค่าที่ 3,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท) เห็นได้ว่ามูลค่าพุ่งขึ้นมาเป็นเท่าตัวในเวลาเพียง 2 ปี

โดยบริษัทกล่าวว่าจะนำเงินที่ได้ไปเพิ่มจำนวนพนักงาน และลงทุนมากขึ้นในการกระตุ้นแพลตฟอร์มวิดีโอบนเว็บบอร์ดหลังจากเมื่อเดือนธันวาคม 2020 บริษัทเพิ่งจะเทกโอเวอร์กิจการ Dubsmash แพลตฟอร์มวิดีโอคู่แข่งของ TikTok มาไว้ในเครือ

Reddit ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2005 หรือเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ลักษณะเป็นเว็บบอร์ดคล้ายๆ พันทิป มีการตั้งกระทู้และจัดหมวดหมู่ตามความสนใจ เน้นการพูดคุยด้วยข้อความมากกว่ารูปหรือวิดีโอ ทำให้ทิศทางของเว็บค่อนข้าง “เนิร์ด” มักจะเน้นเนื้อหาสาระ มีการแชร์ข่าวมาคุยกัน ถกเถียงอภิปรายกันมากกว่าโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter หรือ Snapchat ที่คุยกันเรื่องสบายๆ มากกว่า ทำให้มีผู้ใช้งานสูงกว่า แต่การใช้ Reddit เป็นพื้นที่สร้างปรากฏการณ์ก็ทำให้เห็นความแข็งแรงของชุมชนแบบเว็บบอร์ดได้อย่างชัดเจน

จากกระแสที่กำลังร้อนแรง Reddit ยังไปซื้อโฆษณาเกมซูเปอร์โบวล์ครั้งล่าสุดมาด้วย โดยซื้อแค่ 5 วินาที ยิงแอดหน้าตาเหมือนกระทู้ในเว็บบอร์ดซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า “สิ่งที่มีพลังจะเกิดขึ้นเมื่อคนออกมารณรงค์เรื่องที่พวกเขาใส่ใจมันจริงๆ และมีสถานที่หนึ่งที่ใช้ในการณ์นั้น ที่นั่นก็คือ Reddit” เรียกว่าเว็บบอร์ดนี้คือคนขโมยซีนและได้ประโยชน์อย่างยิ่งจากกรณี GameStop

Source

“เราช่วยให้ผู้คนหลายล้านติดต่อกัน ขณะเดียวกันก็ร่วมกันต่อต้านการฉ้อโกงและข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับไวรัส COVID-19 พร้อมกับยกระดับเนื้อหาที่เชื่อถือได้บนแพลตฟอร์มของเรา เราเชิญ บริษัท อื่นเข้าร่วมกับเราในขณะที่เราทำงานเพื่อให้ชุมชนของเราแข็งแรงและปลอดภัย”

แม้ยังไม่ชัดเจนว่าความร่วมมือดังกล่าวจะออกมาในลักษณะใด แต่บริษัทเทคโนโลยีทั้งหมดได้ดำเนินการเชิงรุกมากกว่าปกติในการจัดการกับข่าวลือและข่าวปลอม ทั้งแนวทางการจัดการของภาครัฐ, การรักษา รวมถึงการสกัดกั้นสินค้าขาดตลาดอย่างหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ที่ขายเกินราคา อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวมีความซับซ้อนและไม่มีขอบเขต เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 นั้นมีตั้งแต่เริ่มการระบาดเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และแพร่กระจายยังบนอินเทอร์เน็ต

ทั้งนี้ ก่อนจะมีการประกาศความร่วมมือ โซเชียลมีเดียมีการบิดเบือนข้อมูลจำนวนมหาศาล อาทิ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาที่จะปิดประเทศเพื่อหยุดการแพร่กระจายของ COVID-19, การปิดรถไฟใต้ดิน และรายการเคล็ดลับทางการแพทย์ปลอมที่อ้างว่ามาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

Source

#Facebook #Google #LinkedIn #Microsoft #Reddit #Twitter #YouTube #COVID19 #Positioningmag