TikTok Shop – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 22 Oct 2025 08:15:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สรุปร่างประกาศ ‘คุมอีคอมเมิร์ซ’ เพื่อสกัด ‘ผูกขาด’ ในวันที่ตลาดถูกครองโดยมาร์เก็ตเพลสต่างชาติ https://positioningmag.com/1543839 Wed, 22 Oct 2025 07:07:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1543839 สถานการณ์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบัน ตลาดอีคอมเมิร์ซไทย กว่าครึ่ง ครองโดย E-Marketplace ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada และ TikTok Shop จากประมาณการของ ป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Pay Solutions และในฐานะอนุกรรมาธิการการพาณิชย์ วุฒิสภา คาดว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 2024 รวมยอดขายจากทั้ง 3 แพลตฟอร์มมีมูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านบาท ได้แก่

  • Shopee: 1.6 ล้านล้านบาท (40.9%)
  • Lazada: 6.6 แสนล้านบาท (34.9%)
  • TikTok Shop: 2.8 แสนล้านบาท (24.1%)

โดย ภาวุธ ตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากที่อีมาร์เก็ตเพลสเจ้าตลาดที่เคย ขาดทุนสะสมมานาน แต่หลังจากที่กลายเป็น ช่องทางหลัก ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นช่วง ทำกำไร ของผู้เล่นเหล่านี้

อย่าง Shopee ที่เคย ขาดทุนสะสม 1.5 หมื่นล้านบาท แต่ในปีที่ผ่านมามี รายได้เกือบ 5 หมื่นล้านบาท เติบโต +69% กำไร 4.6 พันล้านบาท +113.82% ดังนั้น ด้วยอัตราเร่งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาเพียง 2 ปี ลบการขาดทุนสะสมทั้งหมด และ Shopee ไม่ได้ทำแค่อีคอมเมิร์ซ แต่มีบริการทางการเงิน เช่น Spaylater ขายประกัน และ Food Delivery รวมแล้วมีบริษัทในกลุ่มประมาณ 9 บริษัท มีรายได้รวม 8.5 หมื่นล้านบาท

ด้าน Lazada ขาดทุนสะสม 1.3 หมื่นล้านบาท โดยปีที่ผ่านมา Lazada มี รายได้ 2.8 หมื่นล้านบาท +31.38% กำไร 836 ล้านบาท + 38.34% รวมรายได้ทั้ง 6 บริษัทในกลุ่มที่ 4.3 หมื่นล้านบาท กำไร 2.4 พันล้านบาท ด้าน TikTok Shop ปีเดียว ทำรายได้ 12,000 ล้านบาท ขาดทุน 3,600 ล้านบาท

4 ประเด็นใช้อำนาจเหนือตลาด?

ภาวุธ มองว่า E-Marketplace ต่างชาติอาจกำลัง ใช้อำนาจเหนือตลาด จาก 4 ประเด็น ได้แก่

  1. ค่าธรรมเนียม: จากที่ช่วงแรกที่แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสให้บริการฟรี แต่ปัจจุบันเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชั่น ซึ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดย ภาวุธ ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้ง Shopee และ Lazada มีการขึ้นค่าธรรมเนียมถึง 300% ภายในครึ่งปี ปัจจุบันค่าธรรมเนียมรวมแล้วอยู่ที่ 15-25%
  2. เลือกขนส่งเองไม่ได้: ร้านค้าไม่สามารถเลือกขนส่งเองได้ โดย ภาวุธ กล่าวว่า อาจมี ดีลลับ ระหว่างแพลตฟอร์มกับขนส่ง เพื่อให้บริษัทนั้น ๆ เป็นขนส่งรายเดียว ซึ่งทำให้แพลตฟอร์มได้กำไรมากขึ้น
  3. ไม่เปิดเผยข้อมูลผู้ซื้อกับร้านค้า: บางแพลตฟอร์มจะไม่เปิดเผยข้อมูลลูกค้าให้กับร้านค้ารู้ ดังนั้น ถือเป็นการกีดกันไม่ให้ลูกค้าซื้อตรงกับร้านค้าโดยไม่ผ่านแพลตฟอร์มหรือไม่
  4.  เปลี่ยนนโยบายหรือปิดร้าน โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ 

นอกจากนี้ ภาวุธ มองว่า ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านการใช้อำนาจเหนือตลาด แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่กำลังทำให้ร้านค้ารายย่อยอยู่ยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่คนทำธุรกิจทั่วประเทศต้องเข้า Marketplace แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยังต้องเจอ ร้านจากต่างประเทศที่อาจจะทำไม่ถูกต้องถามกฎหมายไทย

“ไม่ใช่แค่ผูกขาดในตลาดอีคอมเมิร์ซ แต่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนส่ง ธนาคาร ประกัน และสื่อโฆษณา เพราะบางแพลตฟอร์มมีอีโคซิสเต็มส์ครบ” ภาวุธ กล่าว

ขึ้นค่าแพลตฟอร์มเพื่อส่วนลด จะทำรายย่อยตาย

เจตน์ โสภิตวิริยาภรณ์ เจ้าของเพจ Jade : เลือดสาดมาร์เกตติ้ง กล่าวเสริมว่า ตนทำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกล้องติดรถยนต์ ปัจจุบันยอดขายหลักมาจาก Shopee (75%), Lazada (25%) และ TikTok (5%) ขณะที่ยอกขายผ่านเว็บไซต์ตัวเองแทบไม่มี และการขายบนแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลสกำลังเผชิญความท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าธรรมเนียม, การเลือกขนส่ง และการแข่งขัน

โดยเฉพาะในเรื่องของ ค่าธรรมเนียม ที่เข้าใจว่าแพลตฟอร์มเก็บไปส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็น ส่วนลดให้ลูกค้า แต่มองว่า แพลตฟอร์มไม่จำเป็นต้องขึ้นค่าธรรมเนียม เพื่อมาให้ส่วนลดเยอะ ๆ ก็ได้ เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการ รายย่อยตาย อยู่ได้แค่รายใหญ่ นอกจากนี้ ขนส่ง ก็เป็นอีกประเด็นที่ร้าน เลือกเองไม่ได้ อีกทั้งบางแพลตฟอร์มยัง คิดค่าส่งเป็นรายได้ของร้าน ไม่ได้แยกระหว่างยอดขายกับค่าส่ง แปลว่าฐานภาษีของร้านจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก

“มันจำเป็นไหมที่ต้องให้ส่วนลดเพื่อสปอยลูกค้าขนาดนั้น ทุกครั้งที่แพลตฟอร์มให้ส่วนลดลูกค้า แล้วมาขยับค่าธรรมเนียม มันอาจจะดีกับลูกค้าในระยะสั้น แต่ตอนนี้ร้านเล็กปิดไปเยอะมาก เพราะสู้รายใหญ่ที่ลงมาขายเองไม่ไหว เพราะส่วนลดที่ลูกค้าได้ มันถูกกว่าต้นทุนราคาขายส่งที่ผมต้องเปิดบิลเป็นล้านบาท แล้วอย่างนี้รายย่อยจะอยู่อย่างไร”

สุดท้าย การ แข่งกับผู้เล่นต่างชาติ ซึ่ง เจตน์ มองว่า ผู้ประกอบการไทย สู้ไม่ได้เพราะกฎระเบียบที่ไม่เอื้อ ซึ่งส่วนนี้อาจโทษแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลสไม่ได้ แต่อยากให้กฎหมายไทยมีความเข้มงวดกับสินค้าจากต่างประเทศ

“อย่างร้านที่นำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มาขาย สายไฟต้องมี มอก. ต้องโดน กสทช. ตรวจสอบ ต้องเสียภาษี แต่ร้านที่ส่งจากต่างประเทศ ไม่ต้องเสียภาษี บางทีก็เอา มอก. ปลอมมาสวม กลายเป็นว่าคนที่ทำธุรกิจแบบถูกต้อง ไม่สามารถสู้ได้ เพราะกฎระเบียบไม่ได้เอื้อให้ผู้ประกอบการไทยสู้”

สรุป ร่างประกาศคุมอีคอมเมิร์ซ

จากภาพรวมของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่สะท้อนการยึดตลาด ส่งผลให้ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ออกร่างประกาศแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในการประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มหลายด้าน (Multisided Platform) ประเภทธุรกิจบริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าหรือบริการ (e-Commerce)” โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 (3) แห่ง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ พฤติกรรมด้านราคา และ พฤติกรรมทางการค้าอื่น

1. พฤติกรรมด้านราคา (Price Behavior)

  • ห้ามขายต่ำกว่าทุนโดยไม่มีเหตุผล: ป้องกันการทุ่มตลาดเพื่อทำลายคู่แข่ง
  • ห้ามกำหนดราคาขายเท่ากันทุกช่องทาง (Rate Parity): ผู้ขายควรมีอิสระในการตั้งราคาที่ต่างกันตามต้นทุนแต่ละช่องทาง เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกด้านราคา
  • ห้ามกำหนดราคาขายต่อ (Resale Price Maintenance): ห้ามบังคับผู้ขายให้ตั้งราคาตามที่แพลตฟอร์มกำหนด และห้ามปฏิเสธการจำหน่ายหากไม่ทำตาม
  • ห้ามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมโดยไม่มีเหตุผล/ไม่แจ้งล่วงหน้า: ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าคอมมิชชั่น, ค่าโฆษณา, ค่าขนส่ง, ค่าโปรโมชั่น หรือค่าบริการชำระเงิน ต้องสมเหตุสมผลและมีการแจ้งล่วงหน้า

2. พฤติกรรมทางการค้าอื่น (Nonprice Behavior)

  • ห้ามกีดกันการมองเห็นและให้สิทธิพิเศษเฉพาะตน (Self-preferencing): ห้ามใช้ระบบอัลกอริทึมปิดกั้นการมองเห็นสินค้าของผู้ขายรายอื่น และห้ามเอื้อประโยชน์ให้สินค้าของตนเองหรือผู้ขายที่ตนได้ประโยชน์มากกว่า
  • ห้ามบังคับใช้บริการบางอย่าง: ห้ามบังคับให้ผู้ขายต้องใช้บริการขนส่ง (Carrier), บริการจัดการคลังสินค้า (Fulfillment) หรือเงื่อนไขอื่น ๆ ของแพลตฟอร์มหรือที่แพลตฟอร์มกำหนดแต่เพียงผู้เดียว
  • ห้ามจำกัดสิทธิ (Exclusive Dealing) โดยไม่มีเหตุผล: เช่น การบังคับเข้าร่วมโปรโมชั่น, การบังคับใช้ระบบชำระเงิน (Payment), การบังคับซื้อโฆษณา หรือการปกปิดข้อมูลลูกค้า
  • ห้ามเลือกปฏิบัติ (Discrimination): ห้ามเลือกปฏิบัติในการจัดอันดับสินค้า, การแบ่งสัดส่วนคำสั่งซื้อ หรือการขนส่งพัสดุ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
  • ห้ามเอื้อประโยชน์แก่บริษัทในเครือ/ผู้ค้ารายอื่น: ห้ามนำข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลทางการค้าไปใช้ประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทในเครือ (เช่น ขายประกัน, เสนอสินเชื่อ) หรือผู้ค้ารายอื่น
  • ห้ามร่วมมือกันเพื่อลดการแข่งขัน: ห้ามแพลตฟอร์มคู่แข่งร่วมกันกระทำใด ๆ ที่มีผลเป็นการจำกัดการแข่งขัน เช่น การพร้อมใจกันขึ้นค่าธรรมเนียม
  • ห้ามกระทำที่ผิดหลักการทางธุรกิจ: ห้ามการกระทำใด ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ หรือการตลาด หรือไม่เป็นไปตามจารีตปฏิบัติธุรกิจปกติ
วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.)

คาดบังคับใช้ในปีนี้

วิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยว่า ร่างประกาศจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 2568 และคาดว่าจะบังคับใช้ได้ทันที ดังนั้น คาดว่าประกาศจะบังคับใช้ภายในปีนี้แน่นอน และถ้าผู้ให้บริการไม่ปฏิบัติตาม จะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 มาตรา 50 การใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม 

โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ในกรณีที่กระทำความผิดในปีแรกของการประกอบธุรกิจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม วิษณุ เชื่อว่า หลังจากที่ร่างได้บังคับใช้ ปัญหาเรื่องการบังคับเลือกขนส่งจะถูกแก้ไข แต่ในส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมการขาย อาจจะเข้าไปช่วยในเรื่องของการ ควบคุมไม่ให้ขึ้นค่าธรรมเนียมพร้อมกัน แต่ไม่สามารถไป กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของสำนักงาน กขค.

]]>
1543839
ใครได้ ใครเสีย เมื่อยักษ์ ‘อีคอมเมิร์ซ’ เปิดศึก ‘ส่งด่วน-สั่งวันนี้ ส่งวันนี้’ https://positioningmag.com/1537121 Mon, 08 Sep 2025 05:00:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1537121 ตอนนี้บรรดายักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซทั้ง Lazada, Shopee และ TikTok Shop ต่างเปิดศึก ‘ส่งด่วน’ กำหนดกรอบเวลาการจัดส่งใหม่ ‘สั่งวันนี้ ส่งวันนี้’ โดยให้เหตุผล ‘ทำเพื่อผู้บริโภค’ อย่างไรก็ตามได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฎใหม่นี้เป็นการเพิ่มภาระและส่งกระทบต่อ ‘ร้านค้า’ ซึ่งเป็นผู้ขายหรือไม่

 

Shopee

 

• Shopee ได้ขยับกรอบการจัดส่งสินค้าใหม่กำหนดเวลาการตัดรอบ 12.00 น. มีไปเมื่อ 1 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

 

– คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘ก่อนเที่ยง’ ร้านค้าจะต้องส่งสินค้าภายในวันเดียวกัน

– คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘หลังเที่ยง’ ร้านค้าจะต้องส่งสินค้าภายในวันถัดไป

 

• หากเกินกรอบเวลาที่กำหนด จะถูกนับเป็น ‘ออเดอร์ล่าช้า’ และร้านค้าจะต้องมีเรทอัตราการจัดส่งที่ล่าช้า LSR (Late Shipment Rate) ไม่เกิน 15% ในระยะเวลา 7 วันย้อนหลัง ถ้าร้านค้ามีออเดอร์จัดส่งล่าช้าเกินกว่ากำหนดจะถูกตัดคะแนน และอาจจะถูกตัดสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

 

TikTok Shop

 

TikTok Shop ได้ปรับกรอบเวลาการจัดส่งสินค้าเช่นกัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป   

 

• ในวันทำการ

– คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘ก่อนเที่ยง’ ร้านค้าจะต้องส่งสินค้าภายในวันเดียวกัน

– คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘หลังเที่ยง’ ร้านค้าจะต้องส่งสินค้าภายในวันถัดไป

 

• ในวันหยุดทำการ หากลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ร้านค้าจะต้องส่งสินค้าภายในวันทำการถัดไป

 

หากร้านค้าไม่สามารถจัดส่งได้ทันกรอบเวลาที่กำหนด จะถูกคิดเป็นอัตราการจัดส่งล่าช้า หรือ LDR (Late Dispatch Rate) ซึ่งส่งผลเสียต่อคะแนนของร้านค้า

 

อย่างไรก็ตาม ทาง TikTok Shop ได้กำหนด ‘ช่วงปรับตัว’ สำหรับร้านค้าไปจนถึงวันที่ 1 พ.ย.2568 เพื่อให้ร้านค้ามีระยะเวลาในการปรับตัวเข้ากับกรอบเวลาใหม่ ด้วยการผ่อนปรนมาตรการในการคำนวณ LDR และอัตราการยกเลิกจากข้อผิดพลาดของผู้ขาย  

 

Lazada

 

สำหรับ Lazada ได้เริ่มนโยบายส่งด่วนไป ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 โดยกำหนดเวลาตัดรอบออเดอร์ไว้ที่ 11.00 น.

 

• ในวันทำการ

-คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘ก่อน 11 .00 น.’ ร้านค้าต้องส่งวันเดียวกัน

-คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘หลัง 11.00 น.’ ร้านค้าต้องจัดส่งสินค้าภายในวันถัดไป

 

•ในวันหยุดทำการ

-คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘ก่อน 11.00 น.’ ร้านค้าต้องส่งมอบให้กับขนส่งในวันทำการถัดไปภายในเวลา 23.59 น.

-คำสั่งซื้อที่ชำระเงินสำเร็จ ‘หลัง 11.00 น.’ ร้านค้าจะส่งมอบสินค้าให้ขนส่งใน 2 วันทำการถัดไปภายในเวลา 23.59 น.

 

• สำหรับ Lazada การกำหนดระยะเวลาเตรียมจัดส่งสินค้าจะถูกวัดจาก ‘อัตราการจัดส่งเร็ว’ หรือ FFR (Fast Fulfillment Rate) ซึ่งหากส่งสินค้าล่าช้า คะแนน FFR จะลดลง มีผลให้ร้านค้าอาจไม่ได้รับสิทธิพิเศษเข้าร่วมแคมเปญ หรือถูกลดอันดับการมองเห็น

 

กฎใหม่ที่ออกมาผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีเคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า เป็นการยกระดับประสบการณ์การให้บริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค เพราะ ‘ความเร็ว’ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

 

อย่างไรก็ตาม ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า กฎใหม่นี้กำลังสร้างแรงกดดันและเพิ่มภาระให้กับ ‘ร้านค้า’ หรือไม่      โดยเฉพาะ ‘รายเล็ก’ ที่มีทีมงานน้อย และไม่มีคลังสินค้าที่จะสต็อกสินค้าให้พร้อมส่งทันทีได้

 

นอกจากนี้ ร้านค้าหลายรายยังประสบปัญหาเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าสินค้า ค่าจ้างพนักงาน ค่าขนส่ง รวมไปถึงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบนแพลตฟอร์มที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้เพิ่มขึ้น 15-30% ประกอบกับปัจจุบันร้านค้าหลายแห่งต้องเผชิญปัญหายอดขายตก จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคตกต่ำ

]]>
1537121
“TikTok Shop” วางเป้าปี 2024 ต้องการโต 10 เท่าในตลาดสหรัฐฯ ท้าชิงกับ Amazon https://positioningmag.com/1457860 Sat, 06 Jan 2024 12:43:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1457860 “TikTok” วางเป้าหมายปี 2024 ผลักดัน “TikTok Shop” ให้เติบโต 10 เท่าในตลาดสหรัฐฯ ท้าชิงลูกค้าจาก Amazon

สำนักข่าว Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าววงในของ “TikTok” ว่าบริษัทตั้งเป้าภายในเตรียมผลักดัน “TikTok Shop” ให้ขยายตัวขึ้น 10 เท่า มูลค่าแตะ 1.75 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 6.07 แสนบาท)

เป้าหมายนี้จะทำให้ TikTok Shop เป็นผู้ท้าชิงตลาดรายใหม่แข่งกับเจ้าตลาดเดิมอย่าง Amazon รวมถึงคู่แข่งใหม่ๆ จากจีนที่ฮิตในหมู่ผู้บริโภคอเมริกัน คือ Shein และ Temu โดย TikTok มีจุดแข็งที่เหนือกว่าคู่แข่งอื่นๆ อย่างชัดเจน คือ การมีโซเชียลมีเดียสุดฮิตของตนเองที่บริษัทสามารถใช้ประโยชน์และเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

Bloomberg ยังรายงานก่อนหน้านี้ด้วยว่า เมื่อปีที่แล้ว TikTok กำลังไล่ล่ายอดขายสินค้ารวม (GMV) ประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญ (6.93 แสนล้านบาท) จากทั่วโลก โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทำให้ TikTok ต้องการจะนำความสำเร็จนั้นมาสู่ตลาดสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน รวมถึง TikTok Shop จะมีการเปิดตัวในภูมิภาคละตินอเมริกาต่อในไม่กี่เดือนจากนี้

อย่างไรก็ตาม TikTok มีแถลงการณ์ออกมาปฏิเสธว่าตัวเลขยอดขายคาดการณ์ของ Bloomberg เกี่ยวกับ TikTok Shop ในสหรัฐฯ นั้นไม่ถูกต้อง

ก่อนจะไปถึงเป้าหมายปี 2024 ความเป็นไปได้ของ TikTok Shop ในสหรัฐฯ วัดได้จากเทศกาลขายสินค้า Black Friday และ Cyber Monday เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยรายงานของ Bloomberg พบว่า มีผู้บริโภคอเมริกันมากกว่า 5 ล้านคนที่ได้ซื้อสินค้าอย่างน้อยหนึ่งชิ้นผ่าน TikTok Shop ในช่วงเทศกาลดังกล่าว ถือเป็นสัดส่วนที่ยังไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้ TikTok กว่า 150 ล้านบัญชีในสหรัฐอเมริกา

ข่าวเป้าหมายการผลักดันธุรกิจ TikTok Shop มาพร้อมกับรายงานจากสำนักข่าว The Information ว่า TikTok จะเก็บค่าคอมมิชชันจากการขายสินค้าเพิ่มจาก 2% เป็น 8% ต่อรายการ รวมถึงจะเริ่มลดการอุดหนุนผู้ขายด้วย อย่างไรก็ตาม เทียบกับ Amazon แล้วยังถือว่าเก็บค่าคอมมิชชันน้อยกว่ามาก เพราะส่วนใหญ่แล้ว Amazon จะเก็บค่าคอมมิชชัน 15%

TikTok Shop เพิ่งเปิดตัวในตลาดสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน 2023 โดยอนุญาตให้ครีเอเตอร์แท็กสินค้าในวิดีโอคลิปและไลฟ์ของตัวเองได้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถกดซื้อสินค้าโดยตรง ฝั่งแบรนด์สามารถทำพอร์ตสินค้าของตัวเองไว้บนหน้าโปรไฟล์ รวมถึงมีแท็บให้ผู้ใช้เสิร์ชหาสินค้าต่างๆ ได้ง่าย และจัดการคำสั่งซื้อของตนเอง ทำให้ธุรกิจ TikTok Shop จะกลายเป็นคู่แข่งอีคอมเมิร์ซที่สำคัญในอนาคต

Source

]]>
1457860
ไม่ยอมง่าย ๆ ! ‘TikTok’ ทุ่ม 5.3 หมื่นล้านซื้อ ‘Tokopedia’ เพื่อบุกตลาดอีคอมเมิร์ซหลังจากถูก ‘อินโดนีเซีย’ แบน https://positioningmag.com/1455083 Mon, 11 Dec 2023 06:57:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455083 หลังจากที่ รัฐบาลอินโดนีเซีย ได้แบนไม่ให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ขายสินค้า เนื่องจากกังวลว่าจะกระทบกับผู้ค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายรายอย่าง Meta และ Alphabet รวมถึง ByteDance จากจีน เตรียมที่จะขอใบอนุญาตทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

แต่ดูเหมือน TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของ ByteDance ที่มีฟีเจอร์ TikTok Shop จะไม่อยากเสียเวลา ล่าสุด แพลตฟอร์มได้ทุ่มเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 5.3 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 75.01% ใน Tokopidia แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ GoTo บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของอินโดนีเซีย เพื่อผนวกฟีเจอร์ของ Tokopedia เข้าไปในแพลตฟอร์มของ TikTok ในอินโดนีเซีย 

Facebook YouTube และ TikTok เตรียมขอใบอนุญาตทำ E-Commerce หลังรัฐบาลอินโดนีเซียสั่งห้ามทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง

สำหรับดีลดังกล่าวคาดว่าจะจบลงภายในไตรมาส 1 ของปี 2024 โดย Tokopedia จะได้รับตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์จาก TikTok ซึ่งสามารถใช้เพื่อระดมทุนสําหรับความต้องการเงินทุนหมุนเวียนได้ โดย TikTok ย้ำว่า บริษัทจะร่วมกับ Tokopedia และ GoTo เพื่อพลิกโฉมธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินโดนีเซีย และจะสร้างงานเพิ่มอีกหลายล้านตำแหน่งภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า

แม้ตลาดอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียจะมีผู้เล่นรายใหญ่อยู่หลายเจ้าด้วยกัน เช่น Tokopedia, Shopee และ Lazada แต่ TikTok Shop ที่เปิดตัวในปี 2021 กลับได้รับความนิยมและชิงส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะถูกปิดไปเมื่อ 2 เดือนก่อนเนื่องจากกฎหมายใหม่ที่ไม่ให้แพลตฟอร์มโซเชียลฯ ทำธุรกรรมเกี่ยวกับการค้า เพื่อปกป้องร้านค้ารายย่อย

ขณะที่ TikTok เองก็พยายามหาการเติบโตใหม่ ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้รวม 124 ล้านคน ซึ่งตลาดอินโดนีเซียถือเป็นประเทศสำคัญด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 270 ล้านคน และมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซียจะมีมูลประมาณ 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 จากปัจจุบันมีมูลค่า 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Google, Temasek Holdings และ Bain & Co.

Source

]]>
1455083
อินโดนีเซียแบนธุรกรรม E-commerce ผ่านเครือข่ายสังคม TikTok Shop และผู้เล่นรายอื่นได้รับผลกระทบทันที https://positioningmag.com/1445869 Wed, 27 Sep 2023 16:08:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445869 รัฐบาลอินโดนีเซียใช้ยาแรง ประกาศแบนธุรกรรม E-commerce ผ่านเครือข่ายสังคม โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับผลกระทบทันทีคือ TikTok และอาจรวมถึง Facebook ด้วย เหตุผลที่มีการแบนเพื่อต้องการปกป้องผู้ประกอบการภายในประเทศ

รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศแบนการทำธุรกรรม E-commerce ผ่านเครือข่ายสังคม ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายสังคม (Social Network) ได้ โดยข้อระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันที และต้องทำตามภายใน 7 วัน ถ้าหากยังฝ่าฝืนต่อก็อาจมีสิทธิ์ถูกระงับการใช้งานในประเทศได้

กระทรวงการค้าของอินโดนีเซียให้เหตุผลว่าต้องการที่จะคุ้มครองผู้ประกอบการภายในประเทศ เนื่องจากการซื้อสินค้าผ่านเครือข่ายสังคมนั้นถูกเอาเปรียบในเรื่องของราคา ซึ่งเครือข่ายสังคมกำลังคุกคามพ่อค้าแม่ค้าที่มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในประเทศ

นอกจากนี้กฎระเบียบดังกล่าวยังกำหนดให้แพลตฟอร์ม E-commerce ต้องกำหนดราคาขั้นต่ำที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสินค้าบางรายการที่ซื้อโดยตรงจากต่างประเทศ

ปัจจุบันธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งมีจำนวนมากถึง 64.2 ล้านคน เป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของเศรษฐกิจอินโดนีเซีย โดยคิดเป็นสัดส่วน 61% ของ GDP อินโดนีเซีย

รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียกล่าวว่า กฎระเบียบดังกล่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มั่นใจว่าการแข่งขันทางธุรกิจ นั้นมีความยุติธรรม โดยเขามองว่าปัจจุบันเครือข่ายสังคมหลายแห่งได้เพิ่มบริการทั้ง E-commerce หรือแม้แต่บริการด้านการเงิน แต่กลับกันเขามองว่าบริการ E-commerce ไม่มีทางที่จะมีบริการเครือข่ายสังคม

ผลกระทบจากกฎระเบียบดังกล่าว กระทบกับแพลตฟอร์มที่เน้นด้าน Social Commerce ซึ่งได้แก่ TikTok ที่เพิ่งจะมีการเปิดตัว TikTok Shop ไป โดยที่กฎระเบียบดังกล่าวอาจทำให้บริษัทต้องแยกตัวแอปออกมาใหม่

ก่อนหน้านี้ TikTok เองได้เปิดบริการในประเทศที่มองว่าเป็นตลาดสำคัญก่อนเพื่อน อย่างเช่น TikTok Shop หรือแม้แต่บริการสตรีมมิ่งเพลง โดยบริษัทได้กล่าวว่าตลาดในอินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญมากประเทศหนึ่ง จากปัจจัยของผู้ใช้งานจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่า Facebook เองก็อาจได้รับผลกระทบดังกล่าวจากกกฎระเบียบนี้ด้วย

อย่างไรก็ดีผลประโยชน์ดังกล่าวกลับตกอยู่กับพ่อค้าแม่ค้าในประเทศ หรือแม้แต่แพลตฟอร์ม E-commerce ในประเทศอย่าง Tokopedia ของ GoTo หรือแม้แต่ Shopee ของ Sea

ที่มา – Tech Wire Asia, Reuters, The Jakarta Post

]]>
1445869
TikTok เตรียมห้ามแปะลิงก์ E-commerce คู่แข่งรายอื่น บีบให้ผู้ใช้งานหันมาใช้แพลตฟอร์มตัวเอง https://positioningmag.com/1442494 Sun, 27 Aug 2023 16:22:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442494 บริษัทแม่ของ TikTok อย่าง ByteDance เตรียมห้ามแปะลิงก์ E-commerce คู่แข่งรายอื่น บีบให้ผู้ใช้งานหันมาใช้แพลตฟอร์มตัวเอง หลังจากเคยใช้มาตรการดังกล่าวใน Douyin มาแล้วในประเทศจีนในปี 2020

สื่อธุรกิจในประเทศจีนอย่าง Caixin รายงานข่าวว่า TikTok เตรียมห้ามแปะลิงก์ E-commerce คู่แข่งรายอื่นในช่วงเดือนกันยายน หลังจากที่ ByteDance บริษัทแม่ได้ผลักดันแพลตฟอร์มอย่าง TikTok Shop ในหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงในประเทศไทยด้วย

ลิงก์จากบริการ E-commerce รายอื่นๆ เช่น ลิงก์จาก Shopify รวมถึงผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งถือเป็นหน้าร้านของผู้ที่ต้องการขายสินค้าจะไม่สามารถแปะลิงก์ดังกล่าวอีกต่อไปได้ นอกจากนี้ถ้าหากมีการไลฟ์ขายสินค้า หรือลงวิดีโอสั้นแล้วแปะลิงก์ไปยังร้านค้าของตนก็จะไม่สามารถทำได้เช่นกันหลังจากวันที่ 12 กันยายนเป็นต้นไป

ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของร้านจะต้องเปิดร้านบน TikTok Shop เท่านั้น และทาง TikTok ได้เร่งบอกกับเจ้าของร้านให้รีบมาใช้งานแพลตฟอร์มซื้อขายดังกล่าวเช่นกัน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ใช้มาตรการนี้ แต่ Douyin ได้ใช้มาตรการดังกล่าวในประเทศจีนมาแล้วตั้งแต่ปี 2020 ที่ห้ามไม่ให้เจ้าของร้านแปะลิงก์ของ Taobao ของ Alibaba หรือแพลตฟอร์ม E-commerce รายอื่นในประเทศจีนมาแล้ว เพื่อที่จะบังคับให้ลูกค้าใช้แพลตฟอร์มของตัวเอง

ในช่วงที่ผ่านมา TikTok เตรียมที่จะเปิดตัวธุรกิจ E-Commerce ของบริษัทในสหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะแข่งขันในการแย่งชิงลูกค้ากับ Shein ที่เป็นแพลตฟอร์มคู่แข่งสำคัญที่กำลังตีตลาดแดนมะกันในตอนนี้ นอกจากนี้ยังรวมถึงขยายธุรกิจของ TikTok Shop มาในอาเซียนด้วย

แรงกดดันของบริษัทมาจากผู้ใช้งานของ TikTok นอกประเทศจีนมีมากถึง 840 ล้านรายแล้ว ทำให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ต้องการที่จะผลักดันแพลตฟอร์มขายสินค้านอกประเทศจีนมากขึ้น เนื่องจากการเติบโตของผู้ใช้งานในแต่ละวันเติบโตไล่กับผู้ใช้งานในประเทศจีนแล้ว

มาตรการดังกล่าวยังเป็นการหารายได้เพิ่มจากต่างประเทศ เนื่องจากรายได้ของ ByteDance ในประเทศจีนเริ่มเติบโตชะลอตัวลงแล้ว แต่โอกาสหารายได้ใหม่ของบริษัทจากนอกประเทศจีนยังเปิดกว้างอยู่ จึงทำให้บริษัทต้องงัดมาตรการเดียวกับในจีนมาใช้

]]>
1442494
เปิดอินไซต์ ‘TikTok Shop’ ที่กำลังมาแรงเพราะเทรนด์ ‘Shoppertainment’ https://positioningmag.com/1436689 Wed, 05 Jul 2023 14:18:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1436689 เทรนด์ Shoppertainment ถือเป็นอีกเทรนด์แรงของตลาด อีคอมเมิร์ซ โดยคาดว่าการขายที่สอดแทรกความบันเทิงทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับในประเทศไทยจะมีมูลค่าที่ 12,400 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ซึ่ง TikTok ที่เติบโตมาได้ด้วย ความบันเทิง ก็เร่งเครื่องบุกโดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลังที่มีเทศกาล Mega Sales ยาวตั้งแต่เดือน 9 ถึงเดือน 12

Facebook กำลังอ่อนแรงลง

จากรายงาน Thailand’s Future Shopper 2023: Divergence and Disruption of the Status Quo ของ วันเดอร์แมน ธอมสัน พบว่า โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการช้อปออนไลน์ โดยจำนวนผู้ซื้อของบนโซเชียลเติบโตจาก 62% เป็น 80% ขณะที่ Live Shopping ยังเป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างยอดขายถึง 73%

แม้โซเชียลคอมเมิร์ซจะเติบโต แต่แพลตฟอร์มที่เป็นผู้นำอย่าง Facebook มีสัดส่วนลดลงเหลือ 38% จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 61% โดยผู้คนหันไปช้อปทาง TikTok มากขึ้นจาก 8.11% ในปีที่ผ่านมาเป็น 29.8% เพราะต้องยอมรับว่า TikTok ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีพื้นฐานเกี่ยวกับ วิดีโอโดยเฉพาะคอนเทนต์ด้านความบันเทิง

บันเทิงเท่านั้นที่ขายได้

อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัย Future of Commerce ประจำปี 2565 โดย TikTok และ Boston Consulting Group (BCG) พบว่ 6 ใน 10 ของผู้บริโภคระบุว่า การรับชม คอนเทนต์ของแบรนด์ (branded content) ไม่ได้กระตุ้นให้พวกเขาต้องการซื้อสินค้า และในขณะเดียวกัน 34% ของผู้บริโภค ตั้งคำถามเกี่ยวกับคอนเทนต์ของแบรนด์ (branded content) และนั่นทำให้พวกตัดสินใจไม่ซื้อสินค้านั้น 

กลับกัน การซื้อสินค้าถูกขับเคลื่อนด้วย คอนเทนต์ความบันเทิง จากผลวิจัยพบว่า 77% ของผู้บริโภค ซื้อสินค้าจากอิทธิพลของคอนเทนต์ที่สร้างความบันเทิง ในขณะที่ 2 ใน 3 ของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าครั้งแรก ตัดสินใจซื้อสินค้าจากความต้องการทางอารมณ์และจิตใจ (emotional demands)

ด้วยเหตุนี้ TikTok Shop ก็มีการใช้ แฮชแท็ก เพื่อ ป้ายยา อาทิ วิดีโอที่ติดแฮชแท็ก #TikTokMadeMeBuyIt ก็ช่วยให้มียอดการรับชมกว่า 6 หมื่นล้านครั้ง ส่วนในไทยก็มีแฮชแท็ก #TikTokป้ายยา มียอดการรับชมกว่า 1,500 ล้านครั้ง

นอกจากนี้ 70% ของผู้บริโภค เชื่อในคอนเทนต์บน TikTok และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า และ 1 ใน 4 ของผู้บริโภคบน TikTok พิจารณาซื้อสินค้าบน TikTok Shop เพราะ คอนเทนต์จากเหล่าครีเอเตอร์ ผู้มีชื่อเสียง เนื่องจากมองว่มีความจริงใจกว่าแบรนด์

ตอนนี้เทรนด์ Shoppertainment กำลังมา และความเอนเตอร์เทนต์คือ DNA ของ TikTok ซึ่งนั่นทำให้ TikTok Shop เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรามีร้านค้ากว่า 15 ร้านล้านค้าบนแพลตฟอร์ม มีผู้ใช้กว่า 325 ล้านราย” สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – Thailand ของ TikTok กล่าว

สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – Thailand ของ TikTok

รอซื้อช่วง Mega Sales

จากผลสำรวจของ Toluna พบว่า 97% ของผู้ใช้ TikTok ในไทยมีการจับจ่ายในเทศกาล Mega Sales นอกจากนี้ ผู้ใช้ TikTok มีความพร้อมที่จะใช้จ่ายในเทศกาล
Mega Sales สูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้งาน TikTok ถึง 3.5 เท่าโดยคิดเป็นจำนวนเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 – 17,600 บาท โดยปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการซื้อสินค้าของผู้ใช้ในช่วงการลดราคาครั้งใหญ่ ได้แก่ 

  • การส่งฟรี
  • คูปองและส่วนลด 
  • การชำระเงินปลายทาง (COD)

สำหรับ สินค้าขายดี ช่วงเทศกาล Mega Sales ในปี 2022 ได้แก่ 

  • สินค้าประเภทแฟชั่นและเครื่องประดับ (55%) 
  • สินค้าประเภทความสวยความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย (46%)
  • สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม (40%)

“TikTok Shop เปิดมา 1 ปีเต็ม เรามีการทำแคมเปญมาโดยตลอด แต่แคมเปญใหญ่สุดที่ออกไปคือช่วง 6.6 ที่เป็นเดือนเกิด แต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ TikTok น่าจะมีแคมเปญอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงที่ผู้บริโภครอไม่ว่าจะเป็น 9.9 / 10.10 / 11.11 และ 12.12” สิรินิธิ์ กล่าว

มือใหม่ขายอย่างไร?

สำหรับแบรนด์ที่ยังไม่เคยขายหรือลงโฆษณากับ TikTok Shop สิรินิธิ์ ได้แนะนำกลยุทธ์ 3R ได้แก่

  • Recut : สำหรับแบรนด์ที่มีคอนเทนต์อยู่แล้ว เช่น โฆษณาตัวเดิม อาจมาลองตัดให้สั้นลงแล้วมาลง TikTok
  • Remix : คงคีย์เมสเเซส, ไอเดีย หรือธีมหลักเดิม แต่ใช้อินฟูลหรือครีเอเตอร์มาทำการสื่อสารใหม่ในแบบฉบับ TikTok
  • Reimagine : ทำให้หมดเลย โดยใช้เครื่องมือ TikTok มาผลิตคอนเทนต์ใหม่หมด

ทั้งนี้ การขายสินค้าบน TikTok Shop จะมีเครื่องมือ 3 แบบ ได้แก่ Video shoping ad เหมาะกับการลงขายสินค้าทั่วไป ที่ไม่ต้องอธิบายรายละเอียดมาก Live shoping ad เหมาะกับสินค้าที่ต้องลงรายละเอียดหรือคัสตอมไมซ์เฉพาะคน เช่น สี, ไซส์, วิธีการใช้ เป็นต้น และ Search to shop ที่ผู้ใช้จะทำการค้นหาสินค้าบน TikTok ได้

ที่น่าสนใจคือ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา TikTok ได้ประกาศลงทุนใหญ่ถึง 400 ล้านดอลลาร์ กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสนับสนุนร้านค้าทั้งรายเล็กและใหญ่ ดังนั้น อาจรอดูว่าในช่วงดับเบิลเดย์จะมีการจัด แคมเปญใหญ่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในไทยบ้างหรือไม่

]]>
1436689
เจาะลึก 4 ปัจจัยที่ทำให้ ‘TikTok Shop’ อีคอมเมิร์ซน้องใหม่สาย ‘บันเทิง’ กำลังมาแรง! https://positioningmag.com/1410646 Thu, 01 Dec 2022 11:00:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410646

อย่างที่รู้กันว่าตลาด อีคอมเมิร์ซ เป็นตลาดใหญ่แถมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากสมาคมอีคอมเมิร์ซไทยระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 นี้ คาดว่าตลาดจะมีมูลค่าประมาณ 8.1 แสนล้านบาท เลยทีเดียว ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่แพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็หันมาจับตลาดอีคอมเมิร์ซ รวมไปถึง TikTok ที่เพิ่งจะมีการเปิดตัว TikTok Shop ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา


ช้อปสนุกด้วย Shoppertainment

หากพูดถึงช่องทางการซื้อ-ขายของออนไลน์ในปัจจุบันก็ต้องยอมรับว่ามีหลากหลาย ทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดีย แต่ทำไม TikTok Shop ถึงกำลังมาแรงทั้งในหมู่ผู้ซื้อและผู้ขายนั้น ส่วนหนึ่งเลยก็คือ พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ที่เปลี่ยนไป

จากงานวิจัยของ TikTok ที่ทำร่วมกับ Boston Consulting Group (BCG) พบว่า ผู้บริโภคอิ่มตัวกับโฆษณา โดย 34% ของผู้บริโภคไม่เชื่อคอนเทนต์โฆษณาจากแบรนด์ เพราะรู้สึกว่าถูกยัดเยียดจนเกินไป แต่กลับกันผู้บริโภคถึง 71% เพลิดเพลินกับการรีวิวหรือให้ข้อมูลสินค้าแบบเรียล ๆ

ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้ TikTok เติบโตและเป็นแหล่งกำเนิดของไวรัลต่าง ๆ ในไทยก็คือ ความเรียล และ ความบันเทิง โดยอ้างอิงจาก Nielsen ที่ระบุว่า ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกยกให้คอนเทนต์บน TikTok คือที่สุดแห่งความบันเทิงเลยทีเดียว ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการนั้นเป็นจุดเด่นของ TikTok อยู่แล้ว ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ TikTok Shop โดดเด่นด้วยกลยุทธ์ Shoppertainment ซึ่งคือการผสานระหว่าง Shopping และ Entertainment เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมต่อยอดสู่ประสบการณ์ช้อปที่สนุกสนาน และลงตัวจนโดนใจผู้ใช้


ผู้ใช้ที่พร้อมช้อป

จากข้อมูล* เมื่อปี 2564 ที่จัดทำโดย Material ระบุว่า 3 ใน 4 ของผู้ใช้ TikTok กลุ่มมิลเลนเนียล มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าขณะที่เล่น TikTok ขณะที่ข้อมูลจากการสำรวจ**ของ TikTok เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เผยว่า 9 ใน 10 ของผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทยมีการซื้อของในช่วง Mega Sales และซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี นอกจากนี้ นักช้อปบน TikTok ใช้จ่ายในช่วงมหกรรม Mega Sales มากกว่านักช้อปทั่วไปถึง 1.5 เท่า ซึ่งจากข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้งาน TikTok พร้อมจะจับจ่ายหากพบสินค้าที่ถูกใจ

ที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้ TikTok นิยมนำสินค้าไปรีวิวภายในคอมมิวนิตี้ ซึ่งจุดนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อจากผู้ชมหน้าใหม่ได้ด้วย เพราะเทรนด์ในปัจจุบัน ผู้ใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลมีแนวโน้มเชื่อคำพูดของคอมมิวนิตี้, อินฟลูเอนเซอร์ หรือคำแนะนำของคนใกล้ตัวมากกว่าคำโฆษณาจากแบรนด์แบบตรง ๆ


นำเสนอสินค้าได้ตรงใจไม่ต้องเสิร์ช

ถ้าใครที่เล่น TikTok จะรู้ว่าระบบนั้นช่วยฟีดวิดีโอให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ เช่นเดียวกันกับการนำเสนอสินค้าของ TikTok Shop มีรูปแบบการแนะนำสินค้าที่ Personalized เฉพาะความต้องการของแต่ละบุคคล ผ่านหลากหลายคอนเทนต์ที่จะกระตุ้นให้เกิดความสนใจได้ ต่างจากการใช้งานอีคอมเมิร์ซรูปแบบเดิมที่ผู้ใช้ต้องค้นหาสินค้าที่ต้องการด้วย keyword ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ 55% ของผู้ใช้ TikTok ในประเทศไทยจะระบุว่า TikTok Shop ช่วยให้พวกเขาค้นพบสิ่งใหม่ ๆ (อ้างอิงข้อมูล*ที่จัดทำขึ้นโดย Material) ซึ่งถือเป็นโอกาสในการขายของแบรนด์


ใช้ง่ายแถมมีโปรโมชั่น

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะทำให้ปิดการขายได้ก็คือ ความง่าย ถ้าเกิดเจอของถูกใจแต่วิธีการซื้อยุ่งยาก ร้านก็ปิดการขายไม่ได้ ซึ่งวิธีการช้อปของ TikTok Shop ก็ใช้ง่ายใน 3 วิธี

1) Video Shopping ถ้าเลื่อนฟีดแล้วเจอรีวิวสินค้าที่โดนใจ ก็จิ้มที่ไอคอนรูปตะกร้า เพื่อกดสั่งซื้อสินค้าได้ทันที

2) Product Showcase คลิกที่ไอคอนตะกร้าที่หน้า TikTok ของร้านค้า เพื่อค้นหาสินค้าที่สนใจเพิ่มเติม

3) Live Shopping รับชมไลฟ์ขายของ และซื้อสินค้าได้ง่าย สะดวกสบาย เพียงคลิกตรงแถบสินค้าด้านล่าง

สุดท้าย สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับอีคอมเมิร์ซก็คือ โปรโมชั่น ซึ่ง TikTok Shop ก็มีโปรโมชั่นมากมาย รวมไปถึงโปรส่งฟรี***ให้ลูกค้าตลอดทั้งปี โดยล่าสุด TikTok Shop ก็มีแคมเปญ 12.12 ช้อปสนุก ให้สนั่น ส่งท้ายปี โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2565 นี้ โดยเหล่านักช้อปจะได้

  • คูปองส่วนลดสูงสุด 1,212 บาท***
  • ส่งฟรีทุกออเดอร์***
  • ของขวัญสุดพิเศษจากแบรนด์ดัง เข้ากับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปี อาทิ Sulwhasoo, Laneige, Singer และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย

จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงการผสานเอาจุดเด่นดั้งเดิมมาต่อยอด TikTok Shop จึงถือเป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปสนุกยิ่งกว่าที่เคย พร้อมนำเสนอสินค้าที่ตรงใจ ใครที่มองหาของขวัญช่วงปลายปี ก็ไถ TikTok ได้เลย

ติดตามรายละเอียดแคมเปญ TikTok Shop 12.12 ช้อปสนุก ให้สนั่น เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/tiktokshopthailandofficial

และรับชมวิดีโอโฆษณาแคมเปญนี้ได้ที่ https://youtu.be/TDJ_fnUfEzQ


*อ้างอิงข้อมูลจากผลวิจัย TikTok Marketing Science Global Entertainment Study (ข้อมูลประเทศไทย) เมื่อเดือน ธันวาคม 2564 ที่จัดทำขึ้นโดย Material

**อ้างอิงข้อมูลจากผลวิจัย TikTok commissioned study on TikTok users and non-users consumption and behaviours in TH (ข้อมูลประเทศไทย) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565

***เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

]]>
1410646
J&T Express จับมือ TikTok Shop เฉลิมฉลองแคมเปญยิ่งใหญ่แห่งปี กับ 9.9 ช้อปเดือด ชิงรางวัลใหญ่ https://positioningmag.com/1399141 Wed, 07 Sep 2022 02:45:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1399141

เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส (J&T Express – J&T) บริษัทขนส่งระดับโลกผู้มอบบริการหลักด้านการขนส่งพัสดุด่วนและการขนส่งข้ามพรมแดนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จับมือกับ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นบนมือถือชั้นนำระดับโลก เฉลิมฉลองแคมเปญครั้งยิ่งใหญ่ของ TikTok Shop กับแคมเปญ 9.9 ช้อปเดือด ชิงรางวัลใหญ่ ด้วยโปรโมชันสุดพิเศษ บริการส่งฟรี สุดว้าวจากเจแอนด์ที ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 9 กันยายน 2565 นี้

เมื่อเร็วๆ นี้ TikTok ได้เปิดตัว TikTok Shop โซลูชันอีคอมเมิร์ซใหม่ล่าสุดจากแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นบนมือถือชั้นนำระดับโลก ให้คนไทยได้ช้อปกันอย่างจุใจบนแอปพลิเคชัน TikTok และเพื่อเป็นการขอบคุณการตอบรับที่อบอุ่นจากผู้ใช้งานคนไทยทุกคน TikTok Shop ได้จัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่กับแคมเปญ 9.9 ช้อปเดือด ชิงรางวัลใหญ่ โดยมอบคูปองส่วนลดสูงสุดถึง 399 บาท เมื่อมียอดซื้อตั้งแต่ 999 บาทขึ้นไป บน TikTok Shop และเตรียมฟินกับโปรโมชัน ส่งฟรี ทุกออเดอร์ ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 5 กิโลกรัม จาก J&T ไม่เพียงเท่านี้ TikTok Shop ยังมีกิจกรรมแจกรางวัลใหญ่เป็น iPad 64GB ขนาด 10.2 นิ้ว และสมาร์ทโฟน อีกหลายรางวัล เพียงร่วมสนุกในแฮชแทคชาเลนจ์ #99ช้อปเดือดชิงรางวัลใหญ่ ถ่ายวีดีโอดูเอ็ทตอบคำถามกับ คุณน้ำเพชร ธรากูพิพัฒน์ มิสแกรนด์นครสวรรค์ ปี 2022

เจแอนด์ที ได้นำความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งและการบริการลูกค้าที่ครอบคลุม มาร่วมสนับสนุนแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ร่วมกับ TikTok Shop โดยเจแอนด์ที มุ่งมั่นที่จะขยายเครือข่ายและพัฒนาธุรกิจเพื่อการบริการที่เหนือระดับแก่ลูกค้าทุกคน รวมถึงการมอบบริการด้านโลจิสติกส์ที่ดีเยี่ยมให้แก่คนไทย

คุณกรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์ TikTok Shop Lead ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวแคมเปญ 9.9 ช้อปเดือด ชิงรางวัลใหญ่ โดยมี เจแอนด์ที มาเป็นพาร์ทเนอร์ขนส่ง ในครั้งนี้ เนื่องจากเรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญนี้จะมอบความสุขให้แก่ทุกคนที่มาช้อปบน TikTok Shop รวมถึงได้ความคุ้มค่าจากบริการขนส่งอันยอดเยี่ยมของเจแอนด์ที”

คุณ เสี่ยว หยู่ เฉิน หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ TikTok Shop ในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถแสดงศักยภาพการขนส่งที่รวดเร็ว รวมถึงการดูแลสินค้าระหว่างการขนส่งที่เป็นเลิศ ให้แก่กลุ่มลูกค้าใหม่ของเรา นอกจากนี้ แคมเปญนี้ ยังจะช่วยดึงดูดความสนใจทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันของเรา ให้มาใช้บริการ ผ่านโปรโมชันการส่งฟรีสุดคุ้มนี้”

มาร่วมเฉลิมฉลองในแคมเปญ 9.9 ช้อปเดือด ชิงรางวัลใหญ่ สุดว้าว กับเจแอนด์ที และ TikTok Shop รับโปรโมชันแน่นๆ พร้อมชิงรางวัลอีกมากมาย ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 9 กันยายน 2565 นี้

]]>
1399141
‘TikTok’ ซุ่มปั้น ‘TikTok Shop’ ดึงแบรนด์เปิดร้านบนแพลตฟอร์มโกย ‘เงินโฆษณา’ https://positioningmag.com/1379004 Thu, 24 Mar 2022 07:39:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379004 ในปีที่ผ่านมา TikTok มีการเติบโตทั่วโลกมากกว่าปีก่อนถึง 85% มีวิดีโอถูกสร้างขึ้นกว่า 800 ล้านวิดีโอ และมียอดรับชมวิดีโอรวมกว่า 1 ล้านล้านครั้ง จากที่ปี 2020 TikTok เองก็ขึ้นแท่นเป็นแอปโซเชียลมีเดียที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในโลก แซงหน้า Facebook และอีกหนึ่งการขยับตัวที่น่าสนใจในปีนี้คือ TikTok กำลังย่างกรายเข้าสู่ตลาด อีคอมเมิร์ซ

ขยับสู่อีคอมเมิร์ซด้วย TikTok Shop

หากพิจารณาถึงการเติบโตของอีคอมเมิร์ซทั่วโลก คงไม่น่าแปลกใจที่แพลตฟอร์มอย่าง TikTok จะเข้ามาจับตลาดนี้ เพราะจะเห็นว่าขนาด Facebook, Instagram ก็ยังมีฟีเจอร์ Marketplace เป็นพื้นที่ให้ผู้ใช้ขายของบนแพลตฟอร์ม สำหรับ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เองก็มีโมเดลอีคอมเมิร์ซ แต่เปิดใช้แค่ในประเทศเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฟีเจอร์ TikTok Shop ที่ให้ผู้บริโภคสามารถซื้อของใน TikTok แบบครบวงจรไม่ว่าจะผ่านการสตรีมแบบสดหรือวิดีโอสั้นก็กำลังจะเริ่มใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มจากประเทศอินโดนีเซีย, เวียดนาม และไทย

ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่ TikTok จะขยายฟีเจอร์ TikTok Shop ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะจากการคาดการณ์ของ Google เศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2030 เลยทีเดียว และสำหรับประเทศไทยเองอีคอมเมิร์ซก็เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยปี 2022 นี้คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 30%

สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – Thailand, TikTok ยอมรับว่า ฟีเจอร์ TikTok Shop ได้มีการเปิดทดลองใช้แล้ว แต่ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการเนื่องจากรอให้จำนวนร้านค้าถึงเป้าหมายที่วางไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม การช้อปออนไลน์ถือเป็นเทรนด์ที่มาแรงในไทย โดยพบว่าผู้ใช้ไทยประมาณ 69% ชอบช้อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการจับจ่ายเมื่อใดก็ได้ และ 79% ชอบช้อปออนไลน์เพราะสามารถเข้าถึงแบรนด์และสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อเทียบกับการช้อปปิ้งในร้าน

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ใช้ TikTok มีส่วนร่วมกับโฆษณาในแพลตฟอร์มมากขึ้น 1.7 เท่า เนื่องจาก 86% มองว่าโฆษณา TikTok ให้ความบันเทิง โดยในทุก ๆ 1 นาที จะมีส่วนร่วมไม่ว่าจะ like, share หรือ comment ถึง 10 ครั้งนอกจากนี้ ผู้ใช้ 67% เห็นด้วยว่า TikTok ช่วยให้พวกเขาค้นพบและรับแนวคิดเกี่ยวกับแบรนด์ที่พวกเขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน

“แม้เศรษฐกิจไม่ดี แต่เชื่อว่าแบรนด์จะยังใช้งบกับสื่อออนไลน์ โดยคาดว่าปีนี้เม็ดเงินจากโฆษณาออนไลน์จะอยู่ที่ 27,000 ล้านบาทสิรินิธิ์ กล่าว

ชื่อผู้บริหารและตำแหน่งเรียงจากซ้าย -สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – Thailand, TikTok -สุรยศ เอี่ยมละออ Head of Consumer Marketing – Thailand, TikTok -สิริประภา วีระไชยสิงห์ Campaign and Content Operation Lead – Thailand, TikTok

ปลดล็อก Creator ยอด Follow 1,000 คนสร้างรายได้

ในปีที่ผ่านมา TikTok เคยออกแคมเปญ TikTok Bonus เพื่อดึงผู้ใช้หน้าใหม่ ๆ เข้ามาใช้งาน โดยผู้ที่ดึงเพื่อนมาใช้ TikTok ได้ครบตามเงื่อนไข มีโอกาสทำเงินสูงสุด 2,500 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลสะสมแต้มสำหรับการดูวิดีโออีกด้วย มาปีนี้ TikTok ได้ปลดล็อกให้ครีเอเตอร์สามารถทำเงินได้ผ่านโปรแกรม TikTok Creator Next

โปรแกรมดังกล่าวจะช่วยให้ครีเตอร์สามารถรับ Rewards อาทิ ครีเอเตอร์ที่มียอดติดตาม 1,000 คนขึ้นไปจะสามารถรับ Virtual Gift จากการไลฟ์ บน TikTok LIVE ส่วนครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตาม 100,000 คนขึ้นไปจะสามารถรับ Virtual Gift การโพสต์วิดีโอได้ และสำหรับครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตาม 10,000 คนขึ้นไปจะสามารถเข้าร่วม TikTok Creator Marketplace ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ได้ทำงานร่วมกับแบรนด์

ปีที่ผ่านมา TikTok อาจจะเน้นดึงผู้ใช้หน้าใหม่ แต่ปีนี้ดูเหมือนจะเน้นไปที่ ผู้ใช้เก่า ให้เร่งสร้างผู้ติดตามเพื่อสร้างโอกาสทำรายได้ โดยทาง สิริประภา วีระไชยสิงห์ Campaign and Content Operation Lead – Thailand, TikTok กล่าวว่า ต้องการทำให้ TikTok เป็นพื้นที่ในการ สร้างอาชีพ ให้กับครีเอเตอร์ และครีเอเตอร์ที่มีจำนวนมากขึ้นจะช่วยให้เกิดคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทาง TikTok ไม่ได้เปิดเผยว่ามีครีเตอร์มากน้อยแค่ไหนที่สามารถทำรายได้แล้วบนแพลตฟอร์ม

สรุป 5 เทรนด์แรงปี 2022

สุรยศ เอี่ยมละออ Head of Consumer Marketing – Thailand, TikTok ได้เปิดเผยว่า Entertainment ยังคงเป็นส่วนสำคัญใน TokTok และสำหรับ 5 เทรนด์ที่ต้องจับตามองในปี 2022 นี้ ได้แก่

1.Edutainment หรือการแจ้งเกิดของครีเอเตอร์รุ่นใหม่บน TikTok ที่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน มีวิธีที่จะสร้างคอนเทนต์และปรับย่อยคอนเทนต์ให้เข้าใจง่าย ทั้งยังสนุกและมีคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น และผู้คนจะให้ความสนใจกับการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น

2.Creative Entertainment การเปลี่ยนบทบาทจาก Passive user ที่เป็นเพียงผู้เสพคอนเทนต์เพียงอย่างเดียว กลายเป็น Active Creator ที่สร้างคอนเทนต์คุณภาพให้ผู้อื่นชมมากขึ้น ผู้คนสามารถสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ร่วมกันได้แม้กระทั่งกับคนที่ไม่รู้จักผ่านการ Duet และ Stitch

3.Authentic & Positive Entertainment หรือแนวคิดการสร้างพื้นที่ความบันเทิงที่ปลอดภัยเพื่อให้คนสามารถโชว์ตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ทำให้ทุกคนรู้สึกมั่นใจ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่

4.Live Entertainment Live-streaming มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างครีเอเตอร์และผู้รับชมได้เป็นอย่างดี ด้วยฟีเจอร์ชั้นนำต่าง ๆ เช่น Multi-Guest, Live Match และอื่น ๆ ใน TikTok LIVE

5.Cultural Entertainment การสร้างคอนเทนต์ด้านความบันเทิงที่ผสมกลมกลืนกับวัฒนธรรม ให้ทุกคนสามารถดื่มด่ำกับความแตกต่างได้อย่างลงตัว รวมถึงร่วมกันเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น

85% ของผู้ใช้มือถือใช้เพื่อเอนเตอร์เทนเมนต์ และคอนเทนต์ที่เป็นที่นิยมสูงสุดในปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เน้นไปที่ความบันเทิง ดังนั้น จะทำคอนเทนต์ด้านไหนให้ผสมความเอนเตอร์เทนเมนต์เข้าไป ที่สำคัญพยายามทำคอนเทนต์ให้มีอินเตอร์แอคทีฟ ให้คนมีส่วนร่วมได้ง่าย สุดท้าย อย่างประดิษฐ์เพื่อแสดงความจริงใจ และเน้นในเชิงบวก” สุรยศ กล่าว

มั่นใจเป็นต้นตำรับวิดีโอสั้น

แม้จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นในตลาดวิดีโอสั้นมากมาย แถมมาจากแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook-Instagram ที่มี Reels หรือ YouTube ก็มี Shorts แต่หลายคนน่าจะสังเกตว่าวิดีโอส่วนใหญ่ที่ลงในฟีเจอร์นั้น ๆ ก็มาจาก TikTok ซึ่งทาง TikTok ยังมั่นใจว่าเป็น Original

อีกสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้ TikTok ก็คือ เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์มเต็มตัว โดยนำเสนอคอนเทนต์ทั้งภาพและเสียง ไม่ใช่แค่ไถฟีดดูข่าว มีความ Creativity ที่เป็นหัวใจหลักของแพลตฟอร์ม และผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความ Positivity คือมีแต่คอนเทนต์ในเชิงบวก คนส่วนใหญ่เข้ามาเพื่อคลายเครียด

หลังจากที่ไปที่ผ่านมา TikTok พยายามดึงผู้ใช้ใหม่ แต่ทิศทางปีนี้ดูเหมือนจะพยายามทำให้ครีเอเตอร์เร่งปั้นผู้ติดตาม รวมถึงโดดเข้าไปสู่ตลาด อีคอมเมิร์ซ ซึ่งแปลว่าช่องทางการ หารายได้ ก็เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะจากโฆษณา เชื่อว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเดิม ๆ ตอนนี้คงต้องปาดเหงื่อ เพราะอาจโดน TikTok แย่งเม็ดเงินโฆษณาไปเรื่อย ๆ แล้วก็ได้

]]>
1379004