UBS – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 22 Apr 2024 04:27:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 UBS เตรียมปลดพนักงาน 5 ระลอกในปีนี้ ตามแผนลดต้นทุน นักวิเคราะห์คาดอาจต้องปลดพนักงาน 30,000 คนเป็นอย่างน้อย https://positioningmag.com/1470486 Mon, 22 Apr 2024 01:42:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470486 ยูบีเอส (UBS) สถาบันการเงินรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์มีแผนที่จะปลดพนักงาน 5 ระลอกในปีนี้ เนื่องจากต้องการที่จะลดต้นทุน รวมถึงจำนวนพนักงานที่เพิ่มมามากเกินไปหลังจากที่ได้มีการควบรวมกิจการกับเครดิตสวิส (Credit Suisse) ในปี 2023 ที่ผ่านมา

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงหนังสือพิมพ์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่าง SonntagsZeitung ว่า UBS สถาบันการเงินรายใหญ่สุดของประเทศนั้นกำลังเตรียมที่จะปลดพนักงาน 5 ระลอกในปี 2024 นี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการควบรวมกิจการ Credit Suisse

SonntagsZeitung ได้รายงานว่า UBS นั้นมีแผนที่จะปลดพนักงาน 5 ระลอกในปีนี้ โดยจะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ และสื่อรายดังกล่าวได้อ้างแหล่งข่าวภายในว่าอดีตพนักงานของ Credit Suisse ประมาณ 50-60% จะถูกปลดภายใต้แผนการดังกล่าว

คาดว่ารอบการปลดพนักงานหลังจากเดือนมิถุนายนคือ สิงหาคม กันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน และพนักงานที่จะได้รับผลกระทบนั้นมีแทบทุกฝ่ายทั่วโลก

ก่อนหน้าที่จะมีการควบรวมกิจการ Credit Suisse เข้ามา UBS มีพนักงานราวๆ 45,000 คน แต่หลังจากควบรวมกิจการแล้วนั้นจำนวนพนักงานมีมากถึง 120,000 คน

แผนการปลดพนักงานของ UBS ครั้งนี้ตามหลังมาจากแผนการลดต้นทุน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่สถาบันการเงินรายนี้ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2023 ที่ผ่านมา แต่ SonntagsZeitung ได้ชี้ว่าสถาบันการเงินรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์อาจประหยัดต้นทุนมากถึง 13,200 ล้านเหรียญจากแผนดังกล่าว

สาเหตุที่ทำให้ UBS ต้องเร่งปลดพนักงานไวขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ได้เร่งให้สถาบันการเงินรายนี้ต้องเร่งเพิ่มเงินทุนสำรองจากขนาดธุรกิจที่ใหญ่มากขึ้นหลังการควบรวมกิจการ

นักวิเคราะห์คาดว่าหลังจากการควบรวมกิจการของ Credit Suisse สำเร็จจะทำให้ UBS ต้องปลดพนักงานออกมากถึง 30,000 ถึง 35,000 คนทั่วโลก เพื่อที่จะลดต้นทุนดังกล่าว

]]>
1470486
ผลสำรวจจาก UBS เผยชาวไทย 71% มองเศรษฐกิจในปี 2024 ดีขึ้น แต่พฤติกรรมบริโภคเปลี่ยนไปในปีนี้ https://positioningmag.com/1454519 Wed, 06 Dec 2023 09:11:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454519 ผลสำรวจจากสถาบันการเงินอย่าง UBS ที่ได้สำรวจผู้บริโภคชาวไทยนั้นมองว่าในปี 2024 นั้นมีมุมมองต่อเศรษฐกิจไทยที่ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ดีพฤติกรรมและมุมมองของผู้บริโภคไทยได้เปลี่ยนไปหลายเรื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การจับจ่ายใช้สอย

UBS ได้ออกบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม โดย 71% ของผู้ร่วมทำการสำรวจได้ให้มุมมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 นั้นดูดีมากขึ้น ซึ่งถือว่ามากที่สุดที่บันทึกไว้นับตั้งแต่การสำรวจนับตั้งแต่ปี 2020 อย่างไรก็ดีผู้บริโภคชาวไทยที่ได้ทำแบบสำรวจดังกล่าวมองว่าราคาสินค้าและบริการในปีหน้าจะยังเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

สถาบันการเงินจากสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำสำรวจผู้บริโภคชาวไทย 1,000 รายด้วยกันในหลากหลายคำถามตั้งแต่ เรื่องของมุมมองเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค หรือแม้แต่การใช้สินค้าในแต่ละวัน ซึ่งสำรวจดังกล่าวได้จัดทำในช่วงไตรมาส 4 นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา โดยจัดทำปีละ 1 ครั้ง และในปี 2023 นี้จัดทำในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ในการทำแบบสำรวจดังกล่าวสำรวจผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทเป็นกลุ่มรายได้ต่ำ 330 ราย รายได้ปานกลางจะอยู่ในช่วง 30,000-79,999 บาท 340 ราย ขณะที่เงินเดือนมากกว่า 80,000 บาทจะถือเป็นกลุ่มรายได้สูงซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถาม 330 ราย

มุมมองของเศรษฐกิจไทยที่ UBS ได้สอบถาม ผู้ร่วมตอบแบบสอบถาม 51% มองว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ 27% มองว่าแย่ลง 22% มองว่าเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง ขณะที่ 89% มองว่าราคาสินค้าและบริการนั้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ในส่วนของมุมมองเศรษฐกิจในปีหน้าเมื่อเทียบสเกลจากดีมากไปยังแย่สุด ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะ “ดีขึ้นเล็กน้อย”

ผลสำรวจจาก UBS ในส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจ

  • รายได้เฉลี่ยของผู้มีรายได้ต่ำที่ตอบแบบสอบถามนี้มองว่ารายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
  • ขณะที่รายได้ของผู้มีรายได้ปานกลางและสูงมองว่ารายได้ในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นในช่วง 1-5% เท่านั้น
  • คนไทยยังซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งสัดส่วนมากกว่า 20%
  • ช่องทางในการซื้อสินค้าออนไลน์ของไทยยังอยู่ที่ Shopee กับ Lazada เป็นหลัก ขณะที่ TikTok Shop นั้นเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่ถึงสัดส่วน 10%
  • แพลตฟอร์ม Food Delivery ที่คนไทยใช้งานเป็นหลักคือ Grab รองลงมาคือ LINE MAN และ Food Panda
  • 3 แบรนด์ร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ผู้ตอบแบบสอบถามชอบไปคือ โฮมโปร ไทยวัสดุ และ IKEA
  • ผลสำรวจยังพบว่าผู้ที่ตอบแบบสอบถามนั้นลดการบริโภคแอลกอฮอล์ลงนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา
  • คนไทยลดการบริโภควิตามินซีทุกวันนับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา แต่บริโภคนานๆ ครั้ง เช่น 3-5 วัน เป็นต้น

ผลสำรวจดังกล่าวมีการตอบคำถามที่มีมุมมองตรงกันก็คือ สินค้าที่ผู้บริโภคใช้ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำถึงสูงมองตรงกันคือเรื่องของความคุ้มค่าต่อราคา ต่างกับในอดีตที่มองว่าราคาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด รองลงมาคือเรื่องของการทำโปรโมชั่น ขณะที่ปัจจัยสำคัญน้อยสุดคือพนักงานขายต้องมีความสุภาพและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ

UBS ยังเชื่อว่าผลสำรวจดังกล่าวจะสะท้อนมุมมองในภาพกว้างว่าการบริโภคชาวไทยอาจฟื้นตัวในปี 2024 ด้วยมาตรการกระตุ้นทางการคลังของรัฐบาล (เช่น โครงการ Digital Wallet) และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ

]]>
1454519
UBS ตัดสินใจปิดธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์ของ Credit Suisse ในประเทศไทย https://positioningmag.com/1449017 Tue, 24 Oct 2023 05:57:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449017 ยูบีเอส สถาบันการเงินรายใหญ่ ได้ประกาศปิดธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์ของ เครดิตสวิสในประเทศไทยลง โดยการปรับโครงสร้างดังกล่าวนั้นมาจากเรื่องการควบรวมกิจการเครดิตสวิส

ยูบีเอส (UBS) สถาบันการเงินรายใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากที่ได้ควบรวมกิจการของเครดิตสวิส (Credit Suisse) เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ล่าสุดได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในทวีปเอเชียใหม่ โดยล่าสุดตัดสินใจปิดบริการธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์ของ Credit Suisse ในไทยลงหลังจากซื้อกิจการสำเร็จ

การปิดธุรกิจ Wealth Management นั้นจะทำให้ลูกค้าของ UBS (หรือ Credit Suisse เดิม) สามารถเลือกว่าจะโอนพอร์ตการลงทุนไปยังประเทศสิงคโปร์ หรือเลือกที่จะใช้บริการโดยทำงานร่วมกับสถาบันการเงินที่เป็นคนกลางต่อ ซึ่งในรายงานข่าวนั้นไม่ได้ระบุถึงสถาบันการเงินรายใดในไทย

ผลกระทบดังกล่าวนั้นยังกระทบต่อ Private Banker ที่ทำงานกับ Credit Suisse ในประเทศไทยราวๆ 10-11 คนด้วย

สำหรับธุรกิจ Wealth Management ของ Credit Suisse ได้เปิดบริการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

ขณะเดียวกัน UBS ก็ได้ปิดธุรกิจหลักทรัพย์ของ Credit Suisse ในประเทศไทยลงด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ 2-3 เดือนที่ผ่านมาทาง Credit Suisse ได้ยกเลิกการออกบทวิเคราะห์หุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งหมด โดยให้เหตุผลถึงเรื่องของการควบรวมกิจการของ UBS ในช่วงที่ผ่านมา

ตัวแทนของ UBS ได้กล่าวกับ Hubbis ยืนยันถึงการปิดธุรกิจ Wealth Management ในประเทศไทย โดยเน้นว่าสถาบันการเงินรายนี้ยังให้บริการผ่านที่ประเทศสิงคโปร์ และยังมองว่าตลาดในประเทศไทยยังมีความสำคัญและยกระดับการให้บริการลูกค้าผ่านประเทศสิงคโปร์ 

ที่มา – Hubbis, Asian Private Banker, Funds Global Asia

]]>
1449017
ปิดดีลเรียบร้อย! UBS ประกาศซื้อกิจการ Credit Suisse มูลค่า 3,250 ล้านเหรียญสหรัฐ https://positioningmag.com/1423852 Mon, 20 Mar 2023 02:17:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1423852 หลังจากที่เกิดความวุ่นวายในระบบสถาบันการเงินในสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากราคาหุ้นของเครดิตสวิส (Credit Suisse) นั้นตกลงจนต้องทำให้ธนาคารกลางของประเทศเข้ามาช่วย ล่าสุดมีการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาให้สถาบันการเงินคู่แข่งอย่างยูบีเอส (UBS) เข้าซื้อกิจการแล้ว

UBS ได้ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการของ Credit Suisse ด้วยมูลค่า 3,250 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 110,695 ล้านบาท และถือเป็นการควบรวมกิจการธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ครั้งแรกหลังจากวิกฤตการเงินในปี 2008 เป็นต้นมา

ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศซื้อกิจการของ Credit Suisse สถาบันการเงินรายนี้มีมูลค่ากิจการ 7,400 ล้านฟรังก์สวิส หรือคิดเป็นเงินไทย 271,852 ล้านบาท

หนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ UBS เข้าซื้อกิจการของ Credit Suisse นั่นก็คือรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์รับประกันที่จะแบกรับผลขาดทุนสูงสุดถึง 9,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 330,158 ล้านบาท เนื่องจากการขาดทุนของ Credit Suisse

การควบรวมกิจการยังทำให้ UBS มีทรัพย์สินของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้นเป็น 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และยังมีสาขาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ UBS คาดว่าดีลดังกล่าวทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนมากถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027 ด้วย

ก่อนหน้านี้ 2 สถาบันการเงินดังกล่าวเคยมีข่าวลือว่าจะมีการควบรวมกิจการมาแล้วหลายครั้ง หลังจากที่ Credit Suisse ประสบปัญหาด้านการเงินในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา จนในท้ายที่สุดได้มีการเจรจากันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังราคาหุ้น Credit Suisse ตกลงอย่างหนัก จากเหตุผลที่นักลงุทนไม่ให้ความไม่เชื่อมั่นในสถาบันการเงินรายดังกล่าวจนทำให้ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ต้องเข้ามาให้สภาพคล่องเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดีความน่าเศร้าของการควบรวมกิจการครั้งนี้นั้นยังทำให้มีพนักงานของ Credit Suisse อาจโดนปลดมากถึง 10,000 รายจากรายงานของสำนักข่าว Reuters

คาดว่าดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปี 2023 นี้ และกลายเป็นการปิดฉากสถาบันการเงินอายุมากถึง 167 ปีอย่าง Credit Suisse

]]>
1423852
คนจนเยอะ รวยขึ้นก็เยอะ! พบทรัพย์สินอภิมหาเศรษฐีพุ่งแตะ 10 ล้านล้านเหรียญ จาก COVID-19 https://positioningmag.com/1300290 Wed, 07 Oct 2020 03:38:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300290 ยูบีเอส (UBS) และพีดับบลิวซี (PwC) รายงานถึงทรัพย์สินของบรรดาอภิมหาเศรษฐีโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางโรคระบาดใหญ่ COVID-19 โดยเกิดจากการดีดตัวขึ้นของราคาหุ้น และความรุ่งเรืองของกลุ่มเทคโนโลยีและประกันสุขภาพ ช่วยให้ทรัพย์สินรวมของบรรดาอภิมหาเศรษฐีของโลกพุ่งทะลุ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายงานของ USB และ PwC ซึ่งครอบคลุมอภิมหาเศรษฐีกว่า 2,000 คน หรือคิดเป็น 98% ของประชากรอภิมหาเศรษฐีทั้งหมด พบว่าบรรดาอภิมหาเศรษฐีมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ใน 4 ระหว่างช่วงเวลาหลายเดือนของการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ แตะระดับ 10.2 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฏาคม ทำลายสถิติเดิมที่พุ่งแตะ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วงสิ้นปี 2019

ผลการศึกษาของ USB และ PwC พบว่าระหว่างวันที่ 7 เมษายนถึง 31 กรกฎาคมในปีนี้ บรรดาอภิมหาเศรษฐีในทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม พบเห็นทรัพย์สินของพวกเขาเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีในภาคเทคโนโลยี ประกันสุขภาพและภาคอุตสากรรม ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นราวๆ 36% ถึง 44%

โรคระบาดใหญ่กลายเป็นตัวเร่งแนวโน้มการเติบโตของบรรดาผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและประกันสุขภาพ รวมถึงธุรกิจนวัตกรรมอื่นๆ ส่งผลให้อภิมหาเศรษฐีในด้านเหล่านี้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าบรรดามหาเศรษฐีในภาคอื่นๆ

นับตั้งแต่ปี 2018 จนถึงเดือนกรกฏาคม 2020 บรรดาอภิมหาเศรษฐีภาคเทคโนโลยี พบเห็นทรัพย์สินของพวกเขาเพิ่มขึ้น 42.5% เป็น 1.8 ล้านล้าน รายงานระบุ ในขณะที่อภิมหาเศรษฐีในภาคประกันสุขภาพก็โกยเงินมหาศาลเช่นกัน พบเห็นทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 50.3% ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็น 658,600 ล้านดอลลาร์

ในจำนวนอภิมหาเศรษฐีโลกกว่า 2,000 คน มีเพียงแค่ราว 200 คนที่ประกาศต่อสาธารณะให้สัญญาว่าจะบริจาคเงินรวม 72,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยจัดการกับโรคระบาดใหญ่ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาเน้นว่ายอดบริจาคที่แท้จริงของบรรดามหาเศรษฐีเพื่อต่อสู้กับวิกฤตด้านสาธารณสุข เช่นเดียวกับต่อสู้กับความยุ่งเหยิงทางสังคมและเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่น่าจะสูงกว่านี้

Source

]]>
1300290