ปรากฏการณ์ม็อบพันธมิตร-เอเอสทีวี เรียลลิตี้โชว์พันธุ์แท้

ถอดรหัสปรากฏการณ์ ม็อบพันธมิตรฯ – ASTV สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแห่งเดียวที่ถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง เปรียบได้กับรายการเรียลลิตี้โชว์ ที่มีผู้ชมติดตามหน้าจอตลอดทั้งวัน ทั้งคืน มีคนมาร่วมฟังร่วมเชียร์บรรดาเหล่าแกนนำที่เปรียบเป็น “ดารา” ถึงขอบเวที

พวกเขามีวิธีบริหารจัดการอย่างไรจึงมัดใจคนดู กลายเป็นสถานทีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่ร้อนแรงมากที่สุดในเวลานี้

พลังความร้อนแรงของเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ตราตรึงผู้ชุมนุมยาวนานกว่า 70 วัน และยังไม่รู้ว่าการชุมนุมจะไปสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่การชุมนุมยังคงยืนหยัด และมิได้ทำให้ผู้ชุมนุมอ่อนล้า หรือลดน้อยลงแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม ผู้ร่วมชุมนุมกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดเย็นวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ด้วยแล้ว บริเวณสะพานมัฆวานก็ยิ่งเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ยังคงหลั่งไหลมาร่วมชุมนุม

ขณะที่การชุมนุมของเวทีพันธมิตรฯได้ถูกถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ตลอด 24 ชั่วโมง และได้กลายเป็นรายการที่มีแฟนรายการประจำที่คอยติดตามดูเพิ่มขึ้นเรื่อย จนมีเครือข่าย “แฟนคลับ” กลุ่มมหึมากระจายทั่วประเทศ และยังขยายไปไกลถึงต่างประเทศ

ถ้าเปรียบปรากฏการณ์ความร้อนแรงของเวทีพันธมิตรฯ และรายการ ASTV ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ คงไม่ต่างอะไรกับรายการ “เรียลลิตี้โชว์” อย่าง อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย หรือ เอเอฟ ที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว เอเอฟเคยเรียกคนดูตั้งแต่เด็กเล็ก สาววัยทีนไปจนถึงคนสูงวัย นั่งเฝ้าหน้าจอทีวีตลอด 24 ชั่วโมง และยอมควักเงินส่ง SMS โหวตเชียร์นักล่าฝันที่ชื่นชอบ

เพียงแต่ความดังของเรียลลิตี้โชว์ปีนี้ ได้ย้ายจากเวทีเอเอฟมาสู่เวทีพันธมิตรฯ ที่มีแกนนำทั้ง 5 เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ชม เฉกเช่นบรรดานักล่าฝัน และยังกลายเป็นเวทีแจ้งเกิดพิธีกรหน้าใหม่ เป็นโอกาสให้กับศิลปินเพื่อชีวิตรุ่นเล็กๆ

เปลี่ยนจากการเชียร์ โหลด โหวต ลุ้น นักล่าฝันที่ชื่นชอบให้ผ่านเข้ารอบ มาเป็นการติดตามข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ทางการเมือง การเปิดโปงเรื่องราวของการทุจริต คอรัปชั่น ของฟากรัฐบาลที่เข้ามาหาประโยชน์ทางการเมือง เป็นเนื้อหาแบบนี้หาชมไม่ได้จากฟรีทีวีช่องไหน

ถ้าเป็นภาษาการตลาด ต้องเรียกว่า นี่คือ การสร้างความแตกต่างของสินค้า หรือบริการ ที่สามารถจุดขายใหม่ ที่สินค้าและบริการไหนในท้องตลาดไม่มี หรือถ้าให้ลึกลงไป ก็ต้องเรียกว่า เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบ Blue Ocean น่านน้ำสีคราม คือการเข้าสู่ตลาดหรือลูกค้าที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

นอกจากเนื้อหามีความแตกต่างแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าในแต่ละวันข่าวจะเป็นอย่างไร จะมีประเด็นอะไรใหม่ๆ ที่ถูกเปิดเผย เป็นความสดใหม่แบบเรียลลิตี้ ซึ่งคาดเดาไม่ได้นี้เองที่ทำให้คนดูต้องรอและเฝ้าติดตามจนกลายเป็นแฟนเหนียวแน่น

“คนดูส่วนใหญ่จะเปิด ASTV แช่ทิ้งไว้ทั้งวัน ขณะที่มีหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดหลายแห่งพอตกเย็น ก็จะนำโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่มาเปิดให้คนนั่งดูพร้อมๆ กัน กลายเป็นเครือข่ายพันธมิตรฯ ที่แพร่หลายออกไปตามกลุ่มต่างๆ” ผู้อำนวยการ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี บอก

ความนิยมของเคเบิลทีวีท้องถิ่นที่มีเอเอสทีวีเป็นหนึ่งในรายการหลักที่คนนิยมดู เวลานี้ถ้าไปต่างจังหวัดไม่ต้องแปลกใจถ้าจะเห็นชาวบ้าน เจ้าของร้านกาแฟ ร้านอาหาร บ้านพักอาศัยต่างๆ จะเปิดช่อง ASTV มากกว่าเปิดช่องฟรีทีวีบางช่องด้วยซ้ำ

นิยมจนกระทั่งเคเบิลทีวีท้องถิ่นต้องนำไปเป็นจุดขายโฆษณาเรียกคนมาเป็นสมาชิก หรือจานดาวเทียมต้องใช้เป็นจุดขายให้คนติดตั้ง
“ตอนแรกที่เปิดดูเอเอสทีวี เพราะอยากรู้ว่าเขาดูอะไรกัน ม็อบเขาพูดอะไร รัฐบาลโกงกินอย่างไร พอดูแล้วก็รู้สึกว่า ได้ข้อมูลที่เราไม่เคยรู้มาก่อน จากนั้นก็ต้องติดตามดู ถ้าไปธุระหรือทำงาน พอกลับมาบ้านก็ต้องเปิดดูไปจนถึงเข้านอน ตื่นเช้ามาก็เปิดดู” ผู้ประกอบการรายหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เล่าให้ฟัง

เมื่อการนั่งรวมกลุ่มดูรายการพร้อมกันมากๆ เข้า หลายจังหวัดจึงจัดเป็นเวทีสัญจร และเชิญวิทยากรและศิลปินจากเวทีพันธมิตรฯ ส่วนกลางไปร่วมให้ความรู้ และร่วมแสดงดนตรี

จะว่าไปแล้ว หากเปรียบเทียบการจัดเวทีสัญจรในต่างจังหวัด ไม่ต่างอะไรกับการเดินสายของศิลปิน และการจัดอีเวนต์ของสินค้าหรือบริการที่ต้องเข้าถึงลูกค้าในต่างจังหวัด เพื่อสร้างประสบการณ์และความรู้สึกมีส่วนร่วม ได้ใกล้ชิดกับตัวสินค้า หรือพิธีกร ทำให้เกิดความเหนียวแน่น

พนักงานรัฐวิสาหกิจสาววัย 30 กว่า เธอเป็นหนึ่งผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ทุกวันหลังเลิกงานเธอจะมานั่งประจำ ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เสาร์-อาทิตย์ เธอจะมาพร้อมกับน้องแจ็ค ลูกชายเล็กๆ วัย 4 ขวบ เรียนอยู่อนุบาล 2 ที่มาร่วมชุมนุมตั้งแต่บ่ายแก่ๆ

เธอเล่าว่า ได้ติดตามม็อบมาตั้งแต่ปี 2549 จนมาถึงการชุมนุมครั้งล่าสุดที่สะพานมัฆวานเธอก็ยังมาร่วมชุมนุม เพราะต้องการทำหน้าที่ในฐานะประชาชนคนไทย มาให้กำลังใจบรรดาผู้ร่วมชุมนุม และแกนนำที่เสียสละเพื่อชาติ ในการขับไล่รัฐบาลโกงกินชาติ และเธอรู้สึกปลอดภัยในการมาม็อบ สามารถพาลูกชายตัวเล็กมาร่วมด้วยทุกครั้งได้อย่างสบายใจ

การมาชุมนุมร่วมกับพันธมิตรฯ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการชุมนุมทางการเมืองของม็อบยุคใหม่ ที่นอกจากจะเป็นเวทีปราศรัยให้ข้อมูลความไม่ถูกต้องของรัฐบาลโกงกิน แต่ม็อบเวลานี้ ได้กลายเป็นคอนเสิร์ตย่อยๆ ให้ผ่อนคลาย จากดนตรี จากศิลปินดารา นักร้อง ยุคเก่า ยุคใหม่ ผลัดกันมาขึ้นเวทีให้ ได้ขยับแข้งขยับขา สร้างความคึกคักให้กับผู้ชุมนุม แต่เป็นคอนเสิร์ตของบทเพลงที่เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับจิตวิญญาณของการต่อสู้กับอำนาจรัฐ และความไม่ถูกต้องของรัฐบาล

ยิ่งช่วงเย็นและช่วงเสาร์อาทิตย์ด้วยแล้ว เวทีพันธมิตรฯ ไม่ต่างไปจากเวทีเอเอฟ ที่มีแฟนคลับร่วมเชียร์นักล่าฝัน

ถ้าเวทีเอเอฟ มีป้ายเชียร์บรรดานักล่าฝัน บรรดา “วี” ทั้งหลาย ที่แฟนคลับทำมาอย่างดี ที่เวทีพันธมิตรฯ ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่เปลี่ยนเป็นป้ายจากผู้ชุมนุมจากจังหวัดต่างๆ ที่ขนมาให้กำลังใจแกนนำและศิลปินบนเวที แถมยังได้ออกทีวีให้คนแถวบ้านได้เฮ

บรรยากาศของผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ไม่ต่างไปจากคอนเสิร์ต มีอุปกรณ์ช่วยเชียร์ชนิดต่างๆ มือที่มองเห็น (แม่ค้าตั้งชื่อ) ทำมะริน ไว้ให้แฟนคลับได้เฮ เมื่อแกนนำเปิดเผยข้อมูลให้ได้สะใจ เพราะไม่เคยฟังจากที่ไหน หรือไว้โห่ไล่รัฐบาล

คนมาร่วมชุมนุมก็มีแฟชั่นเสื้อผ้า อุปกรณ์สวมใส่ แสดงจุดยืนร่วมอุดมการณ์ วัยรุ่น หรือคนทำงานที่นี่ อาจจะเปลี่ยนจากเสื้อสายเดี่ยว มาเป็นเสื้อยืดสกรีนคำว่า ลูกจีนรักชาติ หรือ ราชดำเนิน ยูนิเวอร์ซิตี้ เปลี่ยนจากหมวกใบเก๋ มาเป็นผ้าคาดศีรษะสีเหลืองที่เขียนว่า กู้ชาติ เปลี่ยนจากผ้าพันคอแบรนด์เนมมาเป็นผ้าพันคอกู้ชาติ เปลี่ยนจากเข็มกลัดดีไซน์เก๋ มาติดเข็มกลัดและห้อยเหรียญกู้ชาติ กลายเป็นแฟชั่นร่วมอุดมการณ์ของพันธมิตรฯ ไปแล้ว

กลุ่มเป้าหมายที่มาร่วมชุมนุมก็ไม่ธรรมดา จากการเปิดเผยของพลตรีจำลอง ศรีเมือง 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตร ระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ จะมีอายุสูงสุด 97 ปี อายุน้อยที่สุดคือ 2 เดือน โดยกลุ่มผู้มาชุมนุมมีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีถึง 73% ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ที่เป็นขาประจำ

ถ้าในทางการตลาดแล้ว คนกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายระดับ “ครีม” ที่มีกำลังซื้อ มีการศึกษา ถือเป็นลูกค้าชั้นดี ที่สินค้าและบริการอยากได้เป็นลูกค้า เพราะคนเหล่านี้จะสนใจ และติดตามข้อมูลข่าวสาร

ไม่น่าแปลกที่บริเวณม็อบจะมีสินค้าวางขายตั้งแต่เสื้อยืดดีไซน์ต่างๆ ตั้งแต่เสื้อโปโล ไปจนถึงเสื้อยืดคอกลม ของที่ระลึก ซีดี ไปจนถึงเก้าอี้สนามราคา 500-600 บาท

เป็นปรากฏการณ์ของม็อบยุคใหม่ ที่นักการตลาด นักสื่อสารมวลชนต้องมาศึกษาว่าการชุมนุมประท้วงที่มีถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมตลอด 24 ชั่วโมง แห่งเดียวในโลก และกินเวลายาวนานมากว่า 70 วันแล้ว และมีผู้ติดตามทั้งในม็อบและผ่านทีวี และสื่ออินเทอร์เน็ต

ที่สำคัญ เป็นบทเรียนให้กับรัฐบาลไม่ว่าชุดไหนก็ตาม ถ้าปัญหาโกงกิน คอรัปชั่น และใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรม ต้องถูกตรวจสอบ ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่ารัฐบาลจะมีสื่อในมือมากแค่ไหน ก็ไม่มีความหมาย