ถอดรหัส ครอบครัวข่าว สร้างขุมทองใน “เวลาเน่า”

“ช่อง 3” พิสูจน์ความสำเร็จจากการนำ “เวลาไม่ทำเงิน” ให้เป็น “เวลาทอง” ด้วยรายการ “ข่าว” ตั้งแต่เช้าจนถึงดึก จนกลายเป็นที่มาของ “ครอบครัวข่าว” โดยใช้หลักการแข่งขันและกลยุทธ์การตลาดเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วิจัยจนถึงการสร้างเสน่ห์รายการด้วย “พิธีกรข่าว” “รายการข่าว” ของช่อง 3 ทุกวันนี้ กลายเป็นเวลาทำเงิน ขายอย่างต่ำนาทีละแสน ผังรายการ 50% ถูเทให้กับรายการข่าว

กลยุทธ์การพัฒนารายการข่าวของช่อง 3 มาจาก 3 หลักการใหญ่ คือ

1. การสร้างสูตรการแข่งขันกันเองระหว่างผู้ร่วมผลิตรายการข่าวที่ปัจจุบันช่อง 3 มีสัญญาอยู่กับผู้ผลิต 4 ราย คือ บีอีซีเทโร เครือช่อง 3 กลุ่มบริษัทไร่ส้มของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” กลุ่มบริษัทฮอตนิวส์ ของ “กิตติ สิงหาปัด” และบริษัทเซิร์ชไลฟ์ จำกัด ในเครือเซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งมีทั้งรูปแบบการแบ่งเวลาขายโฆษณา การเช่าเวลาไปผลิต และการส่งพิธีกรมาร่วมรายการ แม้จะอยู่ภายใต้แบรนด์ “ครอบครัวข่าว” เหมือนกัน แต่ทุกบริษัทสามารถทำรายการข่าวได้ แต่ละรายจึงพร้อม “เสียบ” หากผู้ผลิตรายใดมือตก เรตติ้งหาย ซึ่งแน่นอนไม่มีใครอยากถูกถอดออกจากผัง

2. กลยุทธ์การตลาดตั้งแต่วิจัยจนถึงโฆษณาประชาสัมพันธ์ อีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง เพื่อเป็น Touch Point ให้ใกล้ชิดกับแฟนช่อง 3 มากขึ้น ภายใต้แบรนด์เดียวกันคือ “ครอบครัวข่าว 3”

3. การสร้างเสน่ห์รายการข่าวด้วย “พิธีกรข่าว” ที่ช่อง 3 ทั้งดึง ทุ่มซื้อตัวจนกลายเป็นช่องมีพิธีกรข่าวในสังกัดมากที่สุด

ผลจากกลยุทธ์นี้ทำให้ “รายการข่าว” ทำรายได้ให้ช่อง 3 แล้วประมาณ 26% ของรายได้ทั้งหมดประมาณ 8,000 ล้านบาท ในปี 2009 แม้จะไม่สูงเท่ารายการละคร แต่ผู้บริหาร “ช่อง 3” นำโดย “ประวิทย์ มาลีนนท์” ก็เต็มใจหั่นเวลาให้ “รายการข่าว” เต็มที่ถึงวันละประมาณ 12 ชั่วโมง หรือ 50% ของผังรายการรายการทั้งหมด หรือแม้แต่ยกรายการ “วาไรตี้บันเทิง” ที่ผู้ชมชอบ และขายโฆษณาง่ายออกแล้วนำรายการข่าวเข้ามาแทนที่ในช่วง 4 ทุ่มครึ่ง อย่าง “ข่าว 3 มิติ” เพราะงานนี้ช่อง 3 ยอมแลกเพื่อชื่อเสียง ต่อยอดมายังเรตติ้ง และรายได้ ด้วยความมั่นใจจากความสำเร็จตามแนวทางตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา

เวลาทองตั้งแต่เช้าถึงดึก

ปี 2546 ช่อง 3 เปิดศึกรายการข่าวด้วย “ข่าวเช้า” “เรื่องเล่าเช้านี้” จนสามารถอัพอัตราค่าโฆษณาจากนาทีละ 80,000 บาท มาเป็น 175,000 บาทในปัจจุบัน ปี 2548 สร้างสีสันข่าวช่วงเย็นด้วยการเล่าข่าว “เรื่องเด่นเย็นนี้” เพิ่มจากเรต 100,000 บาท เป็น 175,000 บาท ภายใต้แบรนด์ “ครอบครัวข่าว” และในปี 2551 ช่อง 3 นำเวลาหลังละครช่วง 4 ทุ่มครึ่ง เป็นรายการข่าวชนิดฮาร์ดนิวส์ ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ใหญ่ที่ชอบชมข่าวช่วงดึก จนขายโฆษณาได้เต็มนาทีละ 260,000 บาท และช่อง 7 ต้องวิ่งตาม และเกิดปรากฏการณ์ข่าว Reality News Show

“สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทบางกอกเอนเตอร์เทน์เมนท์ จำกัด(มหาชน) บอกว่า ช่อง 3 กำลังเดินยุทธศาสตร์ขยาย “โปรดักต์” ในแนวกว้าง เพื่อรายได้ และชื่อเสียง ด้วย “รายการข่าว” เพราะไม่ต้องการพึ่งพิง “ละคร” เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีต้นทุนแพงทั้งค่าผลิตและค่าตัวดารา และยัง “ต้องลุ้น” ว่าแต่ละเรื่องผู้ชมจะตอบรับหรือไม่ แม้ว่า “ละคร” จะเคยทำรายได้หลักให้ช่อง 3 ถึง 80% และปัจจุบันมีสัดส่วน 40% ก็ตาม

ขณะเดียวกันสถานการณ์บ้านเมืองและปรากฏการณ์ในโลกมีข่าวสารต้องติดตามมากมาย ผู้ชมมีพฤติกรรมต้องการชมข่าวมากขึ้น จึงเป็นอีกโอกาสหนึ่งของรายการข่าว

ล่าสุดการเพิ่ม Slot รายการข่าว 4 ทุ่มครึ่ง “สุรินทร์” บอกว่าได้ศึกษาพฤติกรรมผู้ชมอย่างละเอียด โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองที่ส่วนใหญ่ช่วงเย็นยังไม่ได้ดูข่าว เพราะอยู่ระหว่างเดินทาง อยู่บนท้องถนน ขณะที่รายการข่าวส่วนใหญ่จบช่วง 1-2 ทุ่มครึ่ง หลังกลับบ้านผู้ชมดูละคร ได้พักผ่อนหย่อนใจ ประมาณ 2 ชั่วโมง การมีรายการข่าวในช่วงนี้จึงเป็นช่องว่างการตลาดที่ช่อง 3 มั่นใจอีกครั้งว่าจะได้คนดูและรายได้

รายได้เพิ่ม

“สุรินทร์” บอกว่า “รายการข่าว” ทำรายได้ให้ช่อง 3 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมมีสัดส่วนรายได้ 10-14% ของรายได้ทั้งหมด ในปี 2007 ทำรายได้ 20% ปี 2008 มีรายได้ 23% และปี 2009 ตั้งเป้ารายได้ 26% ผลของความสำเร็จมาจากการสร้างแบรนด์ “ครอบครัวข่าว” ที่เริ่มในช่วงปี 2548 จากการทำข่าวเย็นให้น่าสนใจมากขึ้นในรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” ซึ่งเริ่มมีกลยุทธ์การตลาดเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การวิจัยไลฟ์สไตล์ของผู้ชม ความชอบในการชมเนื้อหาข่าว ความชอบในตัวพิธีกรข่าว รวมไปถึงการจัดอีเวนต์มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับผู้ชม

แข่งขันต้องได้มากกว่า 25%

ปัจจุบันรายการข่าวที่เกินครึ่งชั่วโมงของช่อง 3 มี 5 ช่วงเวลา โดยมีผู้ร่วมผลิตหลัก 4 ราย โดยฝ่ายข่าวของช่อง 3 มีบทบาทสำคัญ เพราะเป็น “ตะกร้าข่าวรวม” ให้ผู้ร่วมผลิตแต่ละรายใช้ตั้งแต่เนื้อหา นักข่าว และอุปกรณ์ โดยทุกวันในเวลา 2 โมงเย็น และ 6 โมงเย็น จะมีการประชุมโต๊ะข่าวกับผู้ผลิต เพื่อให้รู้ว่าแต่ละช่วงต้องการข่าวในมุมใด และต้องการใช้อุปกรณ์ใดบ้าง

ขณะที่ผู้ผลิตแต่ละรายจะมีเจ้าหน้าที่ของตัวเองมาเสริมบางส่วน ส่วนใหญ่คือตำแหน่งโปรดิวเซอร์ และที่พิเศษคือของรายการข่าว 3 มิติ จะมีทีมข่าวของตัวเอง จาก “ไอทีวี” ที่เน้นทำข่าวให้ตรงคอนเซ็ปต์รายการคือการเจาะลึก

“สุรินทร์” บอกว่าทุก 3 เดือนผู้บริหารของทุกกลุ่มบริษัท และโปรดิวเซอร์รายการ รวมทั้งผู้ประกาศหลักๆ ต้องประชุมร่วมกับฝ่ายการตลาด และบางครั้งจะมี “ประวิทย์” เข้าร่วมด้วย เพื่อดูข้อมูลทางการตลาด ว่าผู้ชมต้องการชมอะไร และแน่นอนเพื่อประมวลภาวะการแข่งขันระหว่างช่อง นอกเหนือจากที่ฝ่ายการตลาดได้ส่งข้อมูลเรตติ้งให้ผู้จัดรายการข่าวทุกช่วงได้รับทราบข้อมูลทุกวัน โดยเป้าหมายแต่ละรายการควรได้คนดูช่วงเวลาที่ออกอากาศนั้นประมาณ 25% หากไม่ถึงก็ต้องหาสาเหตุว่าเพราะอะไร และทำความเข้าใจกันว่าต้องปรับอะไรบ้าง ซึ่งโดยหลักในการบริหารรายการนั้นจะใช้ทั้ง Sense ของทีมผู้บริหารและข้อมูล เพื่อส่งความเป็น Human Touch ถึงผู้ชมให้มากที่สุด

กลุ่มผู้ชมต่างรูปแบบ เนื้อหาต่าง

—————————————————————————-
รายการ / สัดส่วนผู้ชม(กทม.+หัวเมือง) ผู้ร่วมผลิต รูปแบบ ผู้ชมหลัก
—————————————————————————————————————–
“เรื่องเล่าเช้านี้”/ 50% บีอีซี เทโร คุยข่าวสั้นกระชับ วัยทำงาน
(จันทร์-ศุกร์ 06.00-08.30 น.) เนื้อหาข่าวเมื่อวานและข่าวรอบดึก แม่บ้าน
พิธีกรข่าวหลัก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”
—————————————————————————————————————
“เที่ยงวันทันเหตุการณ์”/26% บีอีซี เทโร อ่านข่าวสไตล์เล่าข่าว ที่เกิดขึ้น แม่บ้าน
(จันทร์-ศุกร์ 11.35-13.00 น.) ช่วงเช้า ธุรกิจส่วนตัว
พิธีกรข่าวหลัก “สายสวรรค์ ขยันยิ่ง”
—————————————————————————————————————-
“เรื่องเด่นเย็นนี้”/27% มีพิธีกรข่าวหลากหลาย Mass
(จันทร์-ศุกร์ 16.30-18.00 น.) เล่าข่าวที่เกิดขึ้นตลอดวัน และ
“เรื่องเด่นเย็นนี้เสาร์-อาทิตย์” เซิร์ชไลฟ์ ประเด็นที่คาดว่านสพ.จะพาดหัววันรุ่งขึ้น
(17.15-18.00 น.) ครอบคลุมเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ข่าวการเมือง
เศรษฐกิจ สังคม กีฬา รวมทั้งการสัมภาษณ์
ผู้ประกาศ 6 คน
—————————————————————————————————————
“ข่าว 3 มิติ” /35% ฮอตนิวส์ รายงานมิติของข่าวมากขึ้น ผู้ใหญ่
(ทุกวันเว้นอังคาร 22.30-23.00น.) ข่าวเจาะ ด้วยนักข่าวที่เชี่ยวชาญ
พิธีกรข่าวหลัก-“กิตติ สิงหาปัด”
————————————————————————-
“ข่าววันใหม่” 27% บีอีซี เทโร สรุปข่าวตลอดวัน. ผู้ใหญ่
(ทุกวันประมาณ 00.30-01.30) เล่าข่าวจากนสพ. วัยหนุ่มสาวที่นอนดึก
พิธีกรข่าวหลัก “อริสรา กำธรเจริญ”
—————————————————————————————————————-
เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์/36% บริษัทไร่ส้ม คุยข่าว และอัพเดตข่าวล่าสุด ครอบครัว
(11.00-12.15 น.) ของวัน
พิธีกรข่าวหลัก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”
————————————————————————————————————–
ที่มา : POSITIONING รวบรวม

พิธีกรข่าวเพียบ-คอนเทนต์พร้อมลุยช่องใหม่
ตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ช่อง 3 ได้ชื่อว่าสร้างพิธีกรข่าวให้มีเสน่ห์ และเทียบชั้นเป็นดารา ตั้งแต่การเริ่มสร้างพิธีกรของช่อง เช่นรุ่นของ “กาลาแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” จนมาถึงการดึงพิธีกรข่าวจากช่องต่างๆ มาสังกัด โดยเฉพาะจากช่อง 7 และจากจุดเปลี่ยนของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ที่กลายมาเป็นทีไอทีวี จนพิธีกรไอทีวีแพแตกแยกย้ายไปอยู่ช่องต่างๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะช่อง 3 ที่ทุ่มไม่อั้น หากพิธีกรคนใดมีแววดี และเป็นที่รู้จักของของผู้ชม ช่อง 3 ก็ได้ชื่อว่าพร้อมทุ่มซื้อตัว จนปัจจุบันช่อง 3 มีพิธีกรข่าวรวมแล้ว 50-60 คน

“สุรินทร์” บอกว่าโอกาสของช่อง 3 มีสูง เมื่อภาครัฐเปิดโอกาสให้เอกชนขอใบอนุญาตให้บริการเคเบิลทีวีโดยเฉพาะผ่านระบบดาวเทียม

“ขณะนี้การที่ช่อง 3 มีทีมข่าว มีพิธีกรจำนวนมาก และได้รู้จักผู้ชมจากการออกอากาศในปัจจุบัน ถือว่าเป็นการฝึกงานอย่างหนัก เมื่อกฎหมายอนุญาตให้มีทีวีช่องใหม่ ไม่ว่าจะเป็น 3/1 3/2 ช่อง 3 ก็จะพร้อมมากที่สุด และผมคิดว่าช่องอื่นก็ต้องทำด้วยเช่นกัน”

นี่คือรูปแบบและเป้าหมายการรบของสงครามธุรกิจทีวี ที่มี “ข่าว” เป็นอาวุธในเวลานี้ และช่อง 3 เจ้าพ่อธุรกิจบันเทิงขวัญใจคนเมือง ก็ทุ่มเต็มรูปแบบ อย่างที่ “ประวิทย์” บิ๊กบอสของช่อง 3 บอกว่า “วงการนี้ไม่มีใครกลัวใครอยู่แล้ว”