เอ-ศุภชัย นักปั้นกลายเป็นซุปตาร์

ไม่ใช่ดาราดังอย่างเดียว นักปั้นดาราก็พลอยเป็น “ซุปตาร์” ไปแล้ว

เมื่อดาราในสังกัดของ เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ครองจอทั้งช่อง 3 ช่อง 7 แถมยึดแชมป์พรีเซ็นเตอร์สินค้าทั้งฝ่ายชาย-ณเดชน์ และฝ่ายหญิง-อั้ม พัชราภา เอ-ศุภชัยก็กลายเป็นแบรนด์ ร่วมงานกับเจ้าของสินค้าในฐานะนักปั้น ออกงานในฐานะเซเลบริตี้ และให้สัมภาษณ์ลงหนังสือทั้งไลฟ์สไตล์และการตลาด

วันนี้ เอ-ศุภชัย กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งวงการบันเทิง เขา (เธอ) ปฏิเสธฉายา “นักปั้นร้อยล้าน” ด้วยการกล่าวว่า “ไม่ถึงร้อยล้านค่ะ แค่หลักสิบก็พอ แต่หลักสิบนี่อาจจะหมายถึง 99 ก็ได้นะ”

เหตุผลที่ทำให้ เอ-ศุภชัย สามารถทำงานอยู่ในสายงานนี้และเติบโตจนปัจจุบันมีเด็กในสังกัด 50 คน ก็ด้วยรู้จักงานที่ตัวเองทำอย่างลึกซึ้ง และความนักการตลาด ที่เขาขายทั้งดาราในสังกัดและปั้นตัวเองจนโด่งดัง

“พี่เอไม่ได้อยากจะดังอะไรหรอก คนเขารู้จักเรา ก็เพราะว่าต้องตอบคำถามบางคำถามแทนน้องๆ และโชคดีที่ดาราที่พี่ดูแลอยู่เขามีงานเยอะ คนก็เลยอยากรู้จัก อยากเห็นหน้าพี่เอมากขึ้น”

จากเดิมที่ดาราในสังกัดรับงานพรีเซ็นเตอร์ให้ยูนิลีเวอร์ เช่น ปู-ไปรยา ทำงานให้กับลักส์, ป๋อ-ณัฐวุฒิ และ อั้ม-พัชราภา กับแบรนด์ซันซิล ก็กลายเป็นแคมเปญที่ใช้ชื่อ เอ-ศุภชัย มาร่วมปั้นสาวผมสวย ทั่วประเทศ 10 คน เพื่อแจ้งเกิดด้วยการฝึกหัดหลักสูตร ‘ซุปตาร์’ ซึ่งดาราระดับท็อปของ เอ เช่น ณเดชน์หรืออั้ม จะได้ค่าตัวต่อการออกงานอีเวนต์หลักแสนบาทขึ้นไป ตัวของเอ-ศุภชัย เองก็ออกงานด้วย 2 เรตราคา คือ “ฟรี” สำหรับงานการกุศล กับ “ราคาเริ่มต้น 3 หมื่นบาท” สำหรับงานที่เกี่ยวกับสินค้า

เดิมที่เขาดูแลแค่ดาราในสังกัดตัวเอง ก็ต้องหันมาพัฒนาลุ้คของตัวเองให้ดูดี กระเป๋าแบรนด์ดัง Hermes ก็กลายเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่สร้างเอกลักษณ์

“ตอนแรกก็ไม่รู้จักหรอก Hermes แค่คิดว่ามันออกเสียง เอๆ แอร์ๆ เหมือนชื่อเรา พอใช้แล้วก็ชอบ เราก็เป็นคนร่างยักษ์ ใส่ของเยอะ เปิดกระเป๋าแรงๆ พอใช้แล้วก็ใช้คุ้มนะ คนอื่นอาจจะใช้ไปเดินพารากอน เอ็มโพเรียมแต่พี่เอใช้ไปจ่ายตลาด คนก็คงจะคิดว่าอีนี่บ้า แต่มันก็เป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว”

ส่วนดาราในสังกัดของเขา เอ-ศุภชัย เน้นให้ดาราแต่งตัวด้วยสินค้าแบรนด์เนมจากการเปิดแค็ตตาล็อกแบรนด์ดังระดับดิออร์ แต่ถ้าเรื่องหน้าตา เอ-ศุภชัย โชว์ให้เห็นว่าเขารู้จักอินไซท์ของคนไทยดีกว่าใคร จึงเป็น Key Sucess ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ

“ยังไงคนก็ต้องบริโภคคนสวยคนหล่อ จะดูตาก่อนเลย ต้องมี Eye Contact เรื่องเสียงก็ต้องเลือกคนที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ เพราะคนดูทีวีเขาไม่ต้องจ้องทีวีตลอด ฟังแล้วรู้ทันทีว่าดาราคนนี้ใคร ถ้านางเอกก็ต้องเลือกคนปากนิด จมูกหน่อย ทีวีสมัยนี้จอแบน มันยิ่งเห็นหน้าดาราชัดขึ้น ใหญ่ขึ้น แล้วคนไทยยังไงก็เชียร์มวยรอง ต้องเลือกคนที่ทำให้คนดูรู้สึกว่าเห็นแล้วอยากเข้าไปช่วย ส่วนเรื่องทำศัลยกรรม พื้นฐานเลยก็ต้องจัดฟันทุกคน ส่วนเรื่องอื่นถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากทำ เพราะทำครั้งหนึ่งก็เงินทั้งนั้น”