3 บิ๊กมือถือแข่งดาวน์โหลด สัญญาณแรงไม่พอ…แต่ต้องมีแอพฯ

“แอพพลิเคชั่น” กลายเป็นจุดขายใหม่ ที่ค่ายมือถือทั้งทรู เอไอเอส ดีแทค กำลังทุ่มแข่งกันบอกลูกค้า เพราะความจริงวันนี้คือแม้จะมีบทบาทหลักเป็นผู้ให้บริการเชื่อมสัญญาณให้ลูกค้า และไม่ได้หวังรายได้จากแอพฯ แต่ถ้ายังไม่ลงทุน ไม่พูด วันนี้อาจยังไม่เสียหาย แต่อีกไม่นาน…ไม่แน่

พฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบันเมื่อคิดเลือกใช้บริการโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะดาต้า หรือเชื่อมต่อเครือข่ายสื่อสารข้อมูลผ่านมือถือจากผู้ให้บริการ นอกจากคำถามว่า มีสัญญาณ 3G เร็ว ครอบคลุมหรือเปล่า ราคาแพ็กเกจเป็นอย่างไรแล้ว คำถามที่ตามมาติดๆ ในปัจจุบันคือ “แล้วมีแอพฯ อะไรบ้าง”  กลายเป็นจุดกระตุ้นให้ค่ายมือถือโดยเฉพาะ 2 เบอร์ใหญ่ในตลาดอย่างเอไอเอส และดีแทค ต้องขยับพูดเรื่องแอพฯ ด้วย หลังจากปล่อยให้ทรูมูฟคุยกับลูกค้าเรื่องแอพฯมาแล้วกว่า  3 ปี

 

ทรูฯ : แอพฯ คือจุดต่าง

ในเดือนมกราคม 2009 ทรูมูฟในเครือบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เริ่มขายไอโฟนเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมกับการเปิดตัวแอพฯ 12 ตัว ที่พัฒนาโดยนักพัฒนาในกลุ่มทรูฯ เอง 

หลังจากนั้นไม่นานทรูฯได้ตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า “ทรู แอพ เซ็นเตอร์” (True App Center) จากจุดเริ่มต้น 3 คน ปัจจุบันมีพนักงานรวมกว่า 200 คน และทีมงานภายนอกบริษัทอีกบางส่วน เพื่อ พัฒนาแอพฯ สำหรับทุกแพล็ตฟอร์ม ทั้งไอโอเอส ไอโฟน ไอแพด แอนดรอยด์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และกำลังให้ความสำคัญกับวินโดวส์โฟนมากขึ้น ส่วนแพลตฟอร์มแบล็คเบอร์รี่ กำลังพิจารณาว่าตลาดยังมีความต้องการมากน้อยเพียงใด

การทุ่มลงทุนทั้งหมดนี้ “พิชิต ธันโยดม” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านสารสนเทศ คอนเวอร์เจนซ์ กลุ่มทรูฯ บอกว่าเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่เตรียมแผนการลงทุนทั้งเครือข่าย เพื่อให้อุปกรณ์สื่อสารใช้ได้เต็มที่ตอบโจทย์ใลฟ์สไตล์ของลูกค้า 

นอกหนือจากนี้คือจุดที่ทำให้ทรูมูฟ แตกต่างจากเอไอเอส และดีแทค ตอบคำถามว่าทำไมลูกค้าต้องซื้อไอโฟนจากทรูมูฟ

ปัจจุบัน ทรู แอพ เซ็นเตอร์ มีแอพฯให้ดาวน์โหลดมากกว่า  200 แอพฯ แอพฯที่ได้รับความนิยม คือกลุ่มบันเทิง เกม ถ่ายรูป อำนวยความสะดวก

ยุทธศาสตร์การสร้างความต่างของทรูฯ โดยใช้แอพฯ เป็นเครื่องมือนั้น “พิชิต” บอกว่านอกเหนือจากการนำคอนเทนต์ในเครือที่มีอยู่อย่างรายการเคเบิลทีวีของทรูวิชั่นส์มาทำเป็นแอพฯให้ลูกค้าดาวน์โหลดหรืออย่างก่อนหน้านี้ที่เพิ่งเปิดตัว อย่างแอพฯ TV Anywhere  หากเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่มีเครือข่าย 3G การส่งภาพทีวีเช่นนี้จะสะดุด ซึ่งแทนที่จะสร้างความบันเทิงอาจก่อให้เกิดความรำคาญกับลูกค้ามากกว่า

แนวโน้มต่อไปทรูฯ อาจพัฒนาแอพฯในกลุ่มที่ให้ภาพแบบ 3 มิติ ภาพความละเอียดสูง ตามอุปกรณ์สื่อสารที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

 

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”font-weight: bold;”>ยอดดาวน์โหลดแอพฯ ของ True App
Center ปี 2009 จำนวน  1.1 ล้านดาวน์โหลด ปี 2010 จำนวน 1.7 ล้านดาวน์โหลด ปี 2011 จำนวน 4 ล้านดาวน์โหลด

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”font-weight: bold;”>แอพฯที่มียอด download

สูงสุด 12 อันดับแรก

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>1.

WIFI

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>2.

Thai dict

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>3.

Settrade streaming

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>4.

MCOT

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>5.

True visions on mobile HD

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>6.

Thailand guide (Thai version)

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>7.

TNN 24

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>8.

True music

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>9.

Thai lotto

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>10.

Thai top load

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>11.

PL 2009/10

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>12.

True Visions

เอไอเอส : คุยด้วยแอพฯ ให้ผูกพันกัน

ปี 2011 เอไอเอสเริ่มอยากคุยเรื่องแอพฯ บ้าง แอพฯ แรกที่ทำให้เอไอเอสเริ่มมีตัวตนในวงการ คือ “โดมออนไลน์” ที่เอไอเอสไม่ได้พัฒนาเอง แต่คือการจับมือกับ “โดม ปกรณ์ ลัม” ที่มี “คอนเทนท์” และให้บริษัทสยามสแควร์ (เทคโนโลยี) จำกัด พัฒนา หลังจากนั้นเอไอเอสก็เดินในแนวของการจับมือกับพันธมิตรแบบอีโคซิสเต็มก็เริ่มนำเสนอแอพฯ ให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

“ปรัธนา ลีลพนัง” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานฝ่ายบริการเสริม เอไอเอส บอกว่า เอไอเอสมีทีมงานในการดูแลเรื่องคอนเทนต์และแอพฯให้ลูกค้า แต่ไม่ได้เน้นว่าจะต้องมีทีมพัฒนาของตัวเอง เพราะเชื่อว่าการให้คนนอกร่วมพัฒนาจะทำให้ได้แอพฯที่หลากหลายมากกว่า

กระแสของแอพฯที่มาแรงทำให้ผู้ให้บริการมือถือเองต้องปรับตัว เพราะในที่สุดแอพฯจะทำให้ลูกค้าใช้บริการสื่อสารข้อมูลมากขึ้น  หน้าที่ของผู้ให้บริการคือต้องสรรหาคอนเทนต์ที่ลูกค้าต้องการ และระบบที่อำนวยความสะดวกเมื่อลูกค้าต้องการซื้อแอพฯ

คอนเทนต์ที่พร้อมและเอไอเอสกำลังพยายามปักธงเป็นจุดขายคือเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ นิตยสาร และความบันเทิงอย่างเพลง ในรูปแบบ “พันธมิตรโมเดล” หนังสือเป็นการตอบโจทย์อุปกรณ์ที่พร้อม โดยเฉพาะไอแพด และแท็บเล็ตที่มากขึ้น 

ความสะดวกจากผู้ให้บริการอย่างเอไอเอสคือมีพนักงานพร้อมให้บริการตั้งแต่ปรึกษาเรื่องการใช้งานอุปกรณ์ ไปจนถึงแอพฯ และการคิดค่าบริการโดยรวมกับค่าใช้บริการแต่ละเดือน เพื่อแก้ปัญหาที่ลูกค้าบางคนไม่อยากซื้อผ่านการหักบัตรเครดิต 

สำหรับเอไอเอสมองว่าแอพฯ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนใช้สมาร์ทโฟน เพื่อให้การใช้งานอุปกรณ์เต็มที่ โดยเอไอเอสจัดแอพฯให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ซึ่งจะทำให้ลูกค้าผูกพันกับแบรนด์มากขึ้น เพราะแอพฯ คือเรื่องที่ลูกค้าอยากคุยกับผู้ให้บริการนอกเหนือจกาเครือข่าย และความเร็วของสัญญาณ ที่ผ่านมาการเดินเกมของเอไอเอส จึงโปรโมต “แอพฯ” ได้ดังกว่าทรูฯ ใช้งบเต็มที่และในทุกสื่อเท่าที่มีอยู่ เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่าเอไอเอสมีแอพฯ พร้อมให้บริการแล้ว

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”font-weight: bold;”>ยอดดาวน์โหลด E Books เอไออส ณ สิ้นปี 2011 –
E-books ดาวน์โหลด มากกว่า 1 ล้าน (ตั้งแต่กรกฎาคม 2011) –
หนังสือ นิตยสาร มากกว่า 1,000 ฉบับ จาก 60 สำนักพิมพ์ – เฉลี่ย
3 แสนดาวน์โหลดต่อเดือน –
มากกว่าผู้ใช้บริการ 1 แสนราย – Music
Store มี 5 แสนเพลงให้เลือก มียอดดาวน์โหลด 5-6 หมื่น –
เตรียมเปิดตัวแอพฯให้คนอ่านหนังสือพิมพ์ Daily News Stand

ดีแทค อยากให้ครบต้องจัดแอพฯ มาให้

แม้ดีแทคจะเป็นค่ายมือถือที่เงียบที่สุดในเรื่องเกี่ยวกับแอพฯ เพราะดีแทคยังมีการบ้านหลายข้อที่ต้องเตรียมเพื่อการแข่งขันในธุรกิจมือถือ 3G แต่ “ปกรณ์ พรรณเชษฐ์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ก็เตรียมทีมงาน เพื่อตอบกลยุทธ์ที่กำลังทำเกี่ยวกับแอพฯ

“เรามีทีมงานที่ดูเรื่องความนิยมของแอพฯ ดูเทรนด์ว่าคนนิยมแอพฯ อะไร วันทั้งวันการนั่งเล่นแอพฯ คืองานที่ทำกันอย่างมีความสุข เพื่อนำมาสู่การมองหาแอพฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าดีแทค”

หากถามว่าจำเป็นต้องทุนทีมพัฒนาเองหรือไม่ “ปกรณ์” บอกว่าดีแทคยังวางตัวเองแค่เป็นผู้จัดหาให้ลูกค้ามากกว่า เพราะแอพฯ เป็นบริการที่ดีแทคมองว่าทำให้บริการมีครบ และมีดีกว่าไม่มี เหมือนอย่างที่ดีแทคร่วมกับพันธมิตรกลุ่มคอนเทนต์ต่างๆ เช่น ไทยรัฐ ร้านนายอินทร์ที่รวบรวมหนังสือและนิตยสารให้ลูกค้าดาวน์โหลด โดยดีแทคจ่ายส่วนหนึ่งเพื่อให้ลูกค้าดีแทคดาวน์โหลดฟรี

อย่างไรก็ตาม “ปกรณ์” บอกว่าแนวโน้มของแอพฯ ที่อาจเงินให้ค่ายมือถือ เห็นได้จากแอพฯ เกมในฟีเจอร์โฟนในค่ายของดีแทค ที่ทำรายได้แล้วแม้จะไม่มากแต่ก็น่าพอใจ  โดยมียอดดาวน์โหลดประมาณ 250,000 โหลดต่อเดือน ทำรายได้ประมาณ 15 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

แอพฯ 10
อันดับแรกของลูกค้าดีแทค 1. dtac application 
(บริการลูกค้าดีแทค/แฮปปิ้) 2. Traffic police 3. Facebook 4. Twitter 5. Instagram 6. Whatsapp 7. Line 8. Photoshop Express 9. MoreBeaute 10. Camera+

กลุ่มทรูฯตีตั๋ว WWDC ก่อนขายไอโฟน

ปี 2008 หากพูดคำว่า “แอพพลิเคชั่น” สำหรับคนไทยแล้ว ถือว่าใหม่ แต่สำหรับนักพัฒนาในไทยแล้วเริ่มคุ้นเคย จากการเปิดตัวของ “ไอโฟน” รุ่นแรกเมื่อปี 2007 ในช่วง 4 ปีที่แล้วนั้น กลุ่มทรูฯ กำลังต่อรองกับแอปเปิลอย่างเข้มข้นเพื่อให้ได้สิทธิ์การขายไอโฟน จนเมื่อปิดจำหน่ายไอโฟนในไทยได้ในเดือนมกราคม 2009 

ความเคลื่อนไหวก่อนที่การเจรจาจะสำเร็จ นอกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนแอพฯ โดยสั่งหนังสือจากต่างประเทศ เช่นจากอเมซอนมาศึกษาแล้ว ยังมีพนักงานของทรูฯ 2 คน ได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุม WWDC หรือ World Wide Developer Conference ซึ่งเป็นงานประจำปีของแอปเปิลที่บอกถึงทิศทาง และก้าวต่อไปของแอปเปิล โดยมีนักพัฒนาแอพฯจากทั่วโลกมาร่วมฟัง 

“พิชิต ธันโยดม” หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านสารสนเทศ คอนเวอร์เจนซ์ กลุ่มทรูฯ เล่าย้อนหลังให้ฟังว่าเขาเป็น 1 ใน 2 คนที่เดินทางไปในครั้งนั้น แม้ว่าทรูฯ ยังไม่ได้สิทธิขายไอโฟนจากแอปเปิล แต่เพราะวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเห็นว่าควรเตรียมพร้อมด้านแอพฯ เพื่อไอโฟนในอนาคต

“ช่วงนั้นที่จองตั๋วเพื่อเข้าร่วมงาน WWDC ทางแอปเปิลสหรัฐฯ ยังถามมายังแอปเปิลไทยแลนด์เลยว่า 2 คนนี้มาทำไม เพราะที่เมืองไทยยังไม่ได้ตกลงเรื่องสิทธิ์ขายไอโฟนให้กันเลย” 

แม้ต้นทุนจะถือว่าสูง เพราะเฉพาะค่าตั๋วเข้าร่วมงานเท่ากับประมาณ 5 หมื่นบาทต่อคนแล้ว ยังมีต้นทุนอื่นอย่างการเดินทางที่พัก ตลอดกว่า 1 สัปดาห์ แต่ “พิชิต” ก็บอกว่าการได้ฟังข้อมูลอย่างใกล้ชิดที่ไม่ใช่เพียงการอ่านรายงานข่าวจากอินเทอร์เน็ตทำให้เขามีข้อมูลที่พร้อมสำหรับการสานต่อเรื่องแอพฯ ของกลุ่มทรูฯ ได้อย่างมั่นคง และทุกปัจจุบันได้ส่งพนักงานเพื่อร่วมงาน WWDC อย่างต่อเนื่อง

นอกเหนือจาก WWDC แล้ว งานประชุมนักพัฒนาของค่ายอื่น กลุ่มทรูฯ ก็ไม่พลาด เช่น BlackBerry Dev Con (แพลตฟอร์มแบล็คเบอร์รี่) AnDevCon (แพลตฟอร์มแอนดรอยด์) หรือในอนาคตกับแพลตฟอร์ม Windows Phone

ทั้งหมดนี้คือการพยายามตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของทรูฯ กับบริการโทรศัพท์มือถือ ที่ 3G กำลังมาเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายถึงความต้องการแอพฯ ของคนจะมากและหลากหลายมากยิ่งขึ้น