อีเอ็มซีรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก

กรุงเทพฯ – 25 เมษายน 2548 – อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE:EMC) รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2548 โดยมีรายได้เติบโตแบบปีต่อปีในอัตราเลข 2 หลัก เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ทั้งนี้อีเอ็มซี ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดเก็บและการจัดการข้อมูล มีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรก โดยเป็นผลมาจากยอดขายของระบบสตอเรจระดับกลางที่เป็นผู้นำตลาด การขยายธุรกิจซอฟต์แวร์ และบริการระดับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

รายได้รวมสำหรับไตรมาสแรกของอีเอ็มซีอยู่ที่ 2,240 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากรายได้ 1,870 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 ส่วนกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 270 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 0.11 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 93% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2547 ซึ่งอีเอ็มซีมีรายได้ 140 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 0.06 ดอลลาร์

มร. โจ ทุซซี่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของอีเอ็มซี กล่าวว่า “อีเอ็มซีมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งนับเป็นอีกเรื่องราวของธุรกิจที่มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปัจจุบัน ด้วยการดำเนินงานและการลงทุนที่แข็งแกร่ง เราจึงสามารถขยายตลาดและกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จในช่วงไตรมาสแรกนี้”

“เห็นได้ชัดว่ากลยุทธ์ของเราในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทต่างๆ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยนอกจากจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักของเราแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถขยายเข้าสู่ตลาดที่ใกล้เคียงได้มากขึ้น” มร. ทุซซี่ กล่าวเสริม “เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นรองใคร และใช้ประโยชน์จากความเป็นผู้นำในตลาดสำคัญๆ เราผสานรวมความแข็งแกร่งในหลายๆ ด้านเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ โดยเรามีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากมายในช่วงปีนี้”

รายได้จากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในช่วงไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,030 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากการเติบโตที่ต่อเนื่องในอัตราเลข 2 หลักของแพลตฟอร์ม CLARiiON, Celerra NAS และ Centera ของอีเอ็มซี การดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจซอฟต์แวร์ของอีเอ็มซีส่งผลให้รายได้จากลิขสิทธิ์และบริการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น 26% โดยอยู่ที่ 832 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรก และคิดเป็นสัดส่วน 37% ของรายได้รวมของอีเอ็มซี ส่วนรายได้จากบริการระดับผู้เชี่ยวชาญ บริการบำรุงรักษาระบบ และบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น 26% เป็น 375 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากลูกค้าทั่วโลกเริ่มหันมาปรับใช้โซลูชั่นของอีเอ็มซี เพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศ

มร. บิล เทอเบอร์ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของอีเอ็มซี กล่าวว่า “ผลประกอบการของเราเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือดีกว่าเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน ซึ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่าผลประกอบการสำหรับปี 2548 นี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับช่วงไตรมาสแรกนี้ การดำเนินงานของเราประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเรามีการเติบโตในอัตราเลข 2 หลักในกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 3 กลุ่มในทุกภูมิภาค นอกจากนี้ เรายังมีเงินสดมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์จากการดำเนินงาน โดยเราได้ใช้เงินลงทุน 380 ล้านดอลลาร์ในการเข้าซื้อกิจการของ SMARTS และซื้อคืนหุ้นของบริษัทจำนวน 9.8 ล้านหุ้น ที่สำคัญเรารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากในเรื่องของส่วนต่างกำไรจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรก และเราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถเพิ่มส่วนต่างกำไรเป็นเกือบ 20% ภายในปีนี้”

เหตุการณ์สำคัญในช่วงไตรมาสแรก

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มสตอเรจบนเครือข่ายและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องของอีเอ็มซี ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลักในช่วงไตรมาสแรก โดยรายได้จากผลิตภัณฑ์สตอเรจบนเครือข่ายในตระกูล EMC CLARiiON เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น ยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกภูมิภาคที่สำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดยุโรป ทั้งในส่วนของการขายตรงและการขายผ่านช่องทางจัดจำหน่าย ทั้งนี้ CLARiiON มีรายได้เติบโตในอัตราที่สูงกว่า 40% เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน โดยเป็นผลมาจากการที่อีเอ็มซีมุ่งเน้นการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรที่ตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจขนาดกลาง ส่วนรายได้จากระบบ Celerra NAS ของอีเอ็มซี เพิ่มขึ้น 40% ในช่วงไตรมาสดังกล่าว และเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันที่รายได้ในส่วนนี้เติบโตในอัตราที่สูงกว่า 30% ทั้งนี้ลูกค้าที่ติดตั้งเกตเวย์ Celerra NS ของอีเอ็มซี และผลิตภัณฑ์ NS บนเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลแบบแบ่งระดับชั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดสำหรับโซลูชั่น NAS ที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุดในอุตสาหกรรม

กลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์ของอีเอ็มซีมีรายได้ 401 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรก โดยเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว การเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำคัญๆ ของกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์เป็นผลมาจากการที่ลูกค้าตระหนักถึงคุณประโยชน์ที่แท้จริงของซอฟต์แวร์ที่อีเอ็มซีนำเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลดความยุ่งยากซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาครัฐ รายได้จากลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ด้านการจัดเก็บและการจัดการข้อมูล ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ในตระกูล EMC PowerPath, EMC ControlCenter และ EMC Visual รวมทั้ง EMC Smarts มีอัตราการเติบโต 21% ในช่วงไตรมาสแรก ส่วนรายได้จากลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ด้านการสำรองและการจัดเก็บข้อมูลถาวร เช่น ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ในตระกูล EMC Dantz เพิ่มขึ้น 36% ในช่วงไตรมาสเดียวกัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของซอฟต์แวร์ EMC Legato NetWorker, EMC Dantz Retrospect, EMC EmailXtender, EMC DiskXtender และ EMC Replication Manager นอกจากนั้นรายได้จากลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ด้านการจัดการคอนเทนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในตระกูล EMC Documentum เพิ่มขึ้น 23% โดยมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 125 รายในช่วงไตรมาสดังกล่าว

วีเอ็มแวร์ (Vmware) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอีเอ็มซี มีรายได้รายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ 80 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรก นับเป็นการเติบโตที่สูงถึง 104% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายและยอดขายไลเซนส์สำหรับลูกค้ารายใหม่ของวีเอ็มแวร์ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 80% ของรายได้ทั้งหมดของวีเอ็มแวร์ในช่วงไตรมาสแรก การเติบโตในอัตราเลข 3 หลักนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริง (virtual infrastructure) ซึ่งได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายสำหรับการผนวกรวมเซิร์ฟเวอร์ การรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน การทดสอบ/พัฒนา และระบบเดสก์ทอปภายในองค์กร ในช่วงไตรมาสแรกนี้ วีเอ็มแวร์ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านช่องทางจัดจำหน่ายและกระชับความสัมพันธ์กับบริษัทไอทีชั้นนำ เช่น เดลล์, ฮิวเลตต์-แพคการ์ด, ไอบีเอ็ม และอินเทล ในช่วงปีที่แล้ว นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นเลิศของวีเอ็มแวร์ได้รับรางวัลชั้นนำกว่า 20 รางวัล

คำแถลงด้านล่างนี้เป็นข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และอาจแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ (1) ข้อกำหนดตามกฎหมายการสร้างงานของสหรัฐฯ ฉบับปี 2547 (2) การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ การขายกิจการ หรือการผนวกรวมธุรกิจที่อาจมีการประกาศในภายหลัง หรือ (3) การแจกจ่ายสิทธิ์ในการจองซื้อหุ้นภายใต้ประกาศของคณะกรรมการมาตรฐานด้านการเงินการบัญชี 123R (FAS 123R) คำแถลงเหล่านี้ใช้ทดแทนคำแถลงทั้งหมดก่อนหน้านี้ในเรื่องข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับธุรกิจที่ปรากฏในข่าวประชาสัมพันธ์ของอีเอ็มซี

ไตรมาสที่ 2 ของปี 2548

• รายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี คาดว่าจะอยู่ที่ 2,330 ถึง 2,355 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ
• กำไรต่อหุ้นปรับลดคาดว่าจะอยู่ที่ 0.12 ดอลลาร์

ตลอดปี 2548

• สำหรับปีนี้ คาดว่าตลาดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของอีเอ็มซีจะขยายตัวประมาณ 7-8% ส่วนรายได้รวมของอีเอ็มซี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2 เท่าสำหรับตลาดบน นอกจากนั้น คาดว่ารายได้จากการเข้าซื้อกิจการของ SMARTS จะทำให้อีเอ็มซีมีการเติบโตของรายได้เพิ่มเติมอีก 1% ในปี 2548
• สำหรับปี 2548 คาดว่าจะมีกำไรขั้นต้นเกือบ 53%
• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (รวมถึงค่าใช้จ่ายทั่วไป ค่าใช้จ่ายด้านการขายและการบริหาร และค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา) เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ คาดว่าจะอยู่ในช่วง 35.5% ถึง 37.0% สำหรับปี 2548
• รายได้จากการดำเนินงาน เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ คาดว่าจะอยู่ในช่วงกว่า 10% สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2548
• อัตราภาษีเงินได้สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 28% โดยไม่นับรวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
• กำไรต่อหุ้นปรับลดสำหรับปี 2548 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 0.50 ถึง 0.51 ดอลลาร์

ข้อมูลเกี่ยวกับอีเอ็มซี

อีเอ็มซี เป็นผู้นำแห่งโลกธุรกิจระบบสตอเรจ ที่คิดค้นทั้งระบบ, ซอฟต์แวร์, ระบบเครือข่าย และ การให้บริการต่างๆ ทั้งยังพัฒนาโซลูชั่นสำหรับการบริหารระบบเครือข่ายข้อมูลเพื่อช่วยให้หน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกสามารถดึง และปรับใช้ข้อมูล
ต่างๆ ที่มีอยู่ในแต่ละส่วนของวงจรข้อมูลนั้นๆ ได้ในระดับสูงสุดโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเอ็มซี สามารถรับได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.EMC.com