แซสตอกย้ำผู้นำบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ จัดงานรวมสุดยอดโซลูชั่นอัจฉริยะด้านข้อมูลทางธุรกิจยิ่งใหญ่แห่งปี

แซส ผู้นำด้านบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ ชี้แนวโน้มธุรกิจบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์เติบโตถึง 7.3 พันล้านในปี 2551 พร้อมประกาศจัดงานครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีภายใต้ชื่อ The Power to Know ? The Power to Succeed ? อำนาจในการรู้ คืออำนาจของความสำเร็จ ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 ณ ห้องแกรนด์ อโนมา โรงแรม อโนมา กรุงเทพฯ คาดได้รับความสนใจจากกลุ่มธุรกิจการเงินการธนาคาร, โทรคมนาคม, ราชการ, โรงงานอุตสาหกรรม และธุรกิจค้าปลีกจำนวนมาก

นายขวัญชัย เลิศจุลัศจรรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำด้านบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ เปิดเผยว่า ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นในปัจจุบัน ความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์กรขึ้นอยู่กับการนำข้อมูลที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือทำให้ข้อมูลกลายเป็นความรู้นั่นเอง ซึ่งความรู้ที่ได้มานี้จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้อง ระบบบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ (BI) และการวิเคราะห์ธุรกิจ (BA) จึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยสร้างให้เกิดองค์ความรู้อันจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

“เทคโนโลยีด้านการวิเคราะห์ธุรกิจและบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ มีส่วนช่วยในการค้นหาโอกาสสำคัญทางธุรกิจต่างๆ ทั้งยังช่วยให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ เพื่อวิเคราะห์หาข้อมูลที่ถูกต้องและคาดการณ์แนวโน้มในด้านต่างๆเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจและการตลาด” นายขวัญชัย กล่าว

แซสในฐานะที่เป็นผู้นำด้านบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ จึงได้จัดงาน อินเทลลิเจ้นท์ โซลูชั่นครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีภายใต้ชื่อ The Power to Know ? The Power to Succeed ? อำนาจในการรู้ คืออำนาจของความสำเร็จ ขึ้นในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับโซลูชั่นด้านบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์จากแซส ซึ่งประกอบด้วย ระบบอัจฉริยะด้านการเงิน Financial Intelligence, ระบบอัจฉริยะด้านการดำเนินงาน Operational Intelligence, ระบบอัจฉริยะด้านลูกค้า Customer Intelligence และระบบอัจฉริยะด้านความเสี่ยง Risk Intelligence ทั้งยังจะได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานที่ประสบความสำเร็จจากธนาคารชั้นนำรวมทั้งจากพันธมิตรและคู่ค้าระดับโลกของแซส คาดว่างานนี้จะได้รับความสนใจจากกลุ่มธุรกิจการเงินการธนาคาร, โทรคมนาคม, ราชการ, โรงงานอุตสาหกรรม และธุรกิจค้าปลีกจำนวนมาก

นายขวัญชัยกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บิสซิเนส อินเทลลิเจ้นท์ เป็นเรื่องที่มีการกล่าวถึงกันมากที่สุดเรื่องหนึ่งเพราะบริษัทหลายแห่งเห็นประโยชน์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วจากการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น บริษัทด้านการเงินอย่าง Dreyfus ที่สามารถตัดงบกองทุนลงครึ่งหนึ่ง หรือธุรกิจค้าปลีกอย่าง Staples ที่สามารถตัดค่าใช้จ่ายทางการตลาดในแต่ละแคมเปญลงได้ถึง 25% ความสำคัญของบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นท์นั้นเห็นได้จากการที่นิตยสาร CIO ระบุว่ากว่า 88% ของสมาชิกกล่าวว่าบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์เป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆของธุรกิจเลยทีเดียว รายงานของการ์ทเนอร์เองก็ยืนยันในเรื่องเดียวกันโดยระบุว่าในปีนี้บิสซิเนส อินเทลลิเจ้นท์เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสำคัญเป็นอันดับ 2 ในองค์กรจากเดิมที่เคยเป็นอันดับ 10 ในปีที่แล้ว

รายงานของฟอร์เรสเตอร์ รีเสิร์ซ ระบุว่าตลาดบิสซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์ในปี 2548 มีมูลค่า 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2551

งาน The Power to Know ? The Power to Succeed ? อำนาจในการรู้ คือ อำนาจของความสำเร็จ จะให้รายละเอียดทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึกเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความถูกต้องแม่นยำในการตัดสินใจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 ณ ห้องแกรนด์ อโนมา โรงแรม อโนมา กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. โดยสอบถามรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ 02-6321511-20 หรืออีเมล์ thl_marketing@sas.com

เกี่ยวกับ บริษัท แซส

แซส เป็นผู้นำตลาดในการจัดหาการบริการและซอฟต์แวร์ด้านบิซิเนส อินเทลลิเจ้นซ์รุ่นใหม่ ที่สามารถสร้างระบบอินเทลลิเจ้นท์ให้กับองค์กรอย่างแท้จริง โซลูชั่นของแซสได้มีการใช้แล้วมากกว่า 40,000 ไซต์ใน 96 % ของบริษัทจากการจัดอับดับของฟอร์จูน โกลบอล 500? ในการพัฒนาสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและผู้ผลิตให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่ดีขึ้น การตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น และขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจ แซสเป็นบริษัท เดียวที่สามารถรวมดาต้าแวร์ เฮ้าซิ่ง, แอพพลิเคชั่นด้านการวิเคราะห์และ BI เพื่อสร้างระบบอินเทลลิเจ้นซ์จากข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมหาศาล และกว่า 3 ทศวรรษมาแล้วที่แซสเป็นผู้ให้บริการลูกค้าทั่วโลก ในแนวคิด The Power to Know?