บทความพิเศษ “ กู้ชาติด้วยศูนย์ค้าส่งสินค้านานาชาติ ” โดย ดร.วิลเลี่ยม วู

ในยุคของ โมเดิร์น เทรด ครองเมือง … ดูผิวเผินแล้ว ผู้ผลิตก็ดูจะมีความสุข กับตัวเลขยอดขายในปัจจุบันดีอยู่ แต่ลึกๆแล้ว เมื่อ โมเดิร์น เทรด ขยายสาขามากเท่าไหร่ ก็จะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นเท่านั้น และคิดสร้างเงื่อนไขต่างๆนานา มารีดกำไรจากโรงงานด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การขอเงินสนับสนุนการเปิดสาขาใหม่ การขอเงินคืน 5% จากยอดขายประจำปี การขอเงิน ค่าแรกเข้า หรือ เงินค่าเพิ่มสินค้ารายการใหม่ รวมถึงการใช้ชื่อเสียงของโรงงาน ในการผลิตสินค้าเกรดรอง ภายใต้ยี่ห้อของห้างฯ ( House Brand ) ผู้ซื้อจะเห็นว่า ทำไมต้องซื้อของแพง ในเมื่อของถูกก็ผลิตจากโรงงานเดียวกัน ซึ่งจะทำให้โรงงานมียอดขายเพิ่มมากขึ้นในตอนแรก แต่ต่อมาเมื่อยี่ห้อของห้างฯ ( House Brand ) ติดตลาดแล้ว ก็จะพยายามหาผู้ผลิตรายใหม่ในราคาถูกกว่ามาทำแทน

ผลกระทบต่อมา เมื่อผู้ผลิตถูกบีบให้ขายราคาต่ำ เนื่องจากห้างฯขยายสาขามากขึ้น มียอดออร์เดอร์สูง ก็สามารถต่อรองราคาได้ถูกลง กำไรมากขึ้น เครดิตยาวขึ้น จึงทำให้ราคาขายในห้างฯ ถูกกว่าร้านโชว์ห่วย เนื่องจากร้านโชว์ห่วย ซื้อในจำนวนไม่มาก ส่วนลดก็น้อยเป็นเงาตามตัว อีกทั้งต้องผ่าน ตัวกลางหลายทอด ราคาขายในร้านโชว์ห่วย ก็แพงกว่าห้างฯมาก เมื่อเทียบสินค้าที่มียี่ห้อเหมือนกัน และห้างฯก็ยังมี ยี่ห้อ ของห้างฯ ( House Brand ) เป็นทางเลือกที่ถูกกว่าอีกด้วย อนาคตของโชว์ห่วย จึงดูมืดมนและลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว ผมได้เดินทางไปที่ ไต้หวัน และจีน ได้พูดคุยกับผู้ผลิตอาหาร และ เครื่องครัวในสมาคมอาหาร และเครื่องครัวที่นั่น แสดงวิสัยทัศน์ในโครงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทยให้เขาฟัง เขามีความประทับใจ และสนใจเป็นอย่างมาก ขณะนี้มีผู้สนใจกว่า 200 รายแล้ว คาดว่ามาจริงๆ ต้องมีมากกว่า 100 รายเป็นแน่ งานต่อไปของผมคือ ไปคุยกับ เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นงานยากขึ้นอีกระดับ ผมตั้งใจจะดึงทั้ง 4 ประเทศ มาร่วมทุนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ประเทศละ 10% รวมเป็น 40% เพื่อเป็นแนวร่วมในการนำผู้ผลิตชั้นนำ และผู้ซื้อชั้นนำจากทั่วโลกเข้ามาร่วม ในโครงการนี้ด้วย หุ้นส่วนที่เหลืออีก 60% เป็นของฝ่ายไทย ซึ่งจะนำร่องด้วย ร้านซามูไร ช๊อป ร้านค้าส่งเครื่องครัวญี่ปุ่นของ เครือ กุศมัย กรุ๊ป ของเราเป็นหัวหอก เพราะมีสินค้าอยู่แล้วเกือบ 500 รายการ และมีผู้ผลิตรายย่อยในไทยที่ให้การสนับสนุนเรา เช่น ผู้ผลิตเสื้อผ้า ชุดกุ๊ก จาน ชาม เซรามิก เครื่องครัว แสตนเลส เครื่องปรุงต่างๆ ทั้งแห้ง และน้ำ อาหารแช่แข็ง อุปกรณ์ทำความสะอาด เป็นต้น

ผมเชื่อมั่นว่า โครงการที่ว่านี้ จะสามารถช่วยเหลือ ผู้ผลิต พ่อค้า ร้านอาหาร โรงแรม การท่องเที่ยว รวมทั้งโชว์ห่วยด้วย อย่างแน่นอน …ช่วยได้อย่างไร?… ผู้ผลิตสามารถเพิ่มช่องทางการขายในศูนย์ค้าส่งได้มากขึ้นอีกทาง ทั้งใน และต่างประเทศ โดยไม่ต้องไปหาเขา แต่ดึงเขามาหาเรา เขาก็ชอบเพราะมีสินค้าให้เลือกหลากหลายในจุดๆเดียว ส่วนโชว์ห่วย ทั่วประเทศก็จะมาเอาสินค้า แปลกๆใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำใครไปขาย โดยการตั้ง ศูนย์ค้าส่งสินค้านานาชาติที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆในทุกๆภาค เนื่องจากเป็นโครงการกู้ชาติ ต้องพยายามทำให้เสร็จ โดยเร็วก่อนปลายปีนี้ มิฉะนั้นอาจสายเกินแก้ จึงไม่มีเวลาสร้างตึกใหม่ อีกทั้งใน กทม. มีตึกร้าง หรือตึกที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่มาก จึงอยากจะได้ตึกที่มีต้นทุน ไม่แพง อยู่นอกเมืองก็ไม่ว่า เพราะถ้าต้นทุนถูกเราจะได้ ชักจูงเขามาเปิดบูธกับเราได้ในราคาที่ไม่แพงเช่นกัน แล้วมาจัดสรรให้ ชาวต่างชาติ นำสินค้ามาร่วมกับสินค้าไทย ตั้งเป็น ศูนย์ค้าส่งสินค้านานาชาติ แล้วชักชวนให้ร้านโชว์ห่วย และคนแถบ อาเซียนมาซื้อก่อน

ผมว่า โครงการนี้ ไต้หวัน และ จีน เข้าร่วมด้วย อาเซียนก็ต้องเอาด้วย ผมได้ลองทาบทาม เวียดนาม มาเขาสนใจมาก แต่สินค้าในกลุ่มนี้เขายังมีน้อย จึงต้องรอดูอีก 2-3 ปี พวกเราไม่ต้องกลัวว่าเขาเป็นคู่แข่ง ผมดูแล้วสมัยนี้ … เราต้องแบ่งเค้กกัน กินคนเดียวไม่ได้หรอก เดี๋ยวท้องแตกตาย คนไทยต้องเปิดใจกว้าง สามัคคีกัน เพื่อคานแรงกดดัน ของ โมเดิร์น เทรด ลง คิดง่ายๆเราไปเช่าบูธจัดงานแสดงสินค้า ครั้งละ 4-5 วัน เสีย 4-5 หมื่น หรือ เป็นแสน เป็นล้านก็มี บางครั้งไปออกงาน ในต่างประเทศ เสียครั้งละ หลายแสน แต่ไม่ได้ลูกค้าประจำ มีแต่ขายปลีกได้เท่านั้น แต่ ณ ตรงนี้เป็นลูกค้าขายส่งทั้งนั้น หมายความว่า ซื้อครั้งเดียว แล้วเขาซื้อตลอด ทำไม เพราะซื้อแล้ว เขานำไปขายต่อ ขายได้แล้ว มีกำไร เขาก็มาซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ขายปลีก และเช่าบูธละแค่ ไม่กี่หมื่นบาท อยู่ได้เป็นเดือน ยอดขายไม่น่าต่ำกว่า 1 ล้านบาท ต่อเดือน ต่อร้านค้า เพราะขายแบบยกหีบ ยกโหล เป็นคันรถ 10 ล้อ หรือขายเป็น คอนเทนเนอร์ แต่เราจะไม่ได้มองลูกค้าผู้นำเข้ารายใหญ่ อย่างเช่น อเมริกา เพราะพวกรายใหญ่ เขาจะซื้อ โดยตรงจากจีน ซึ่งถ้าวัดตัวต่อตัวแล้ว เราคงสู้ราคาเขาไม่ได้ แต่เราจะได้ลูกค้า ที่ซื้อน้อย แต่คละกันหลายๆตัว นี่คือจุดเด่น ของ ประเทศไทย คือ VARIETY & QUALITY

ผมอยู่วงการนี้มา 20 ปี มีฐานข้อมูล ร้านอาหาร โรงแรม ร้านโชว์ห่วย ผู้นำเข้าในอาเซียนทั้งหมดแล้ว ขาดแต่สถานที่ และการสนับสนุนจากภาครัฐฯ งานนี้ภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง และอยากได้กล่อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ หรือ กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการส่งออก การท่องเที่ยว สสว. รับรองว่าแนวร่วม ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง ได้บุญ สร้างงานมหาศาล บางคนอาจถามว่า โครงการนี้ ฝันเฟื่องหรือเปล่า? ก็ท่านลองคิดดู ประตูน้ำ ศูนย์ค้าส่งเสื้อผ้า แม้ว่าไทยส่งออก เสื้อผ้าลดน้อยลง ยังคึกคักขนาดนี้ ตลาดไทศูนย์ค้าส่ง ผลไม้สด ก็ยังส่งออกได้ดีอยู่ แต่มีปัญหา เรื่องสินค้าเน่าเสียง่าย ขณะนี้ไทยยังเป็น ผู้ส่งออกอาหารอันดับ 3 ของโลก นี่ขายเฉพาะผู้นำเข้ารายใหญ่ คิดดู เฉพาะใน L.A. หรือ เมืองใหญ่ๆ มีร้านอาหาร เมืองละไม่ต่ำกว่า 2,000 ร้าน ในโลกนี้ มี ร้านอาหารกี่ร้าน ที่จะเข้ามาเป็นลูกค้าเรา ? หากมีศูนย์ค้าส่ง อาหาร และเครื่องครัว ไม่ใช่ช่วยส่งออก อย่างเดียว ยังกระตุ้นเศรษฐกิจ และการค้าการขายภายในประเทศด้วย นั่นคือคำตอบว่า โครงการนี้ ทำแล้ว จะสำเร็จหรือไม่….แน่นอน มันไม่ง่าย เรามีทีมงานที่ดี มีตลาด แต่ขาดสถานที่ ขาดการส่งเสริมสนับสนุน ในขณะนี้ถ้าจะให้พวกเราทำกันเอง ทำได้ครับ แต่เหนื่อย…

หากท่านใดมีอาคารที่เหมาะสำหรับจัดแสดงสินค้าถาวรประมาณ 500 บูธ ที่จะให้เราเช่าก็ยินดี หรือจะเป็นหุ้นส่วนก็ได้ ให้เราใช้สถานที่ระยะยาว ช่วยกันโฆษณาประชาสัมพันธ์ สถานที่ของท่านจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก โดยจะเริ่มจาก อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้บนโต๊ะอาหาร และเครื่องครัวก่อน โดยใช้ชื่อว่า กุศมัย ศูนย์ค้าส่งอาหาร และเครื่องครัวแห่ง อาเซียน

ข้อมูลผู้เขียน : ดร.วิลเลี่ยม วู ประธานบริหาร กลุ่ม บริษัท กุศมัย กรุ๊ป ผู้นำอุตสาหกรรม Otop , SME ที่เกี่ยวข้องกับ อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้บนโต๊ะอาหาร บรรจุภัณฑ์เครื่องจักร เครื่องครัว ด้านอาหาร และ เครื่องดื่ม สนใจสามารถติดต่อผ่าน Website ได้ที่ http://www.kusamai.comหรือ E-mail : William@kusamai.com