ตลาดหลักทรัพย์ฯ หนุนโบรกเกอร์เปิดสาขาย่อยและสาขาออนไลน์ในธนาคารและศูนย์การค้า

ตลาดหลักทรัพย์ฯ รุกกิจกรรมขยายฐานผู้ลงทุนโดยการขยายสาขาบริษัทหลักทรัพย์ ให้มีการทำธุรกรรมผ่าน สำนักงานสาขาของบริษัทที่ตั้งอยู่ในธนาคารพาณิชย์และศูนย์การค้า ตั้งเป้าหมายปี 2551 เพิ่ม 40 สาขาทั่วประเทศ

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2551 นี้ ตลาด หลักทรัพย์ฯ ได้จัดกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับพันธมิตรอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตลอดปี เพื่อเร่งขยายฐานผู้ลงทุนตามเป้าหมายที่จะเพิ่มผู้ลงทุนอีก 100,000 ราย หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 จากปี 2550

“แผนงานขยายฐานผู้ลงทุนที่สำคัญในปีนี้คือ การสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์ตั้งสาขาขนาดเล็กและสาขาออนไลน์ในธนาคาร และศูนย์การค้า เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สะดวกขึ้น ผู้ลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ด้วยตนเองผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่จัดไว้ให้บริการ โดยสาขา ขนาดเล็กบางสาขาจะมีเจ้าหน้าที่ให้บริการและให้คำแนะนำด้านการลงทุน รวมทั้ง บริการเปิดบัญชีซื้อขาย หลักทรัพย์และรับคำสั่งซื้อขายด้วย” นางภัทรียากล่าว

กรรมการและผู้จัดการกล่าวต่อว่า ในปี 2551 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะให้บริษัทหลักทรัพย์ตั้งสาขาในธนาคาร และสาขาขนาดเล็กในศูนย์การค้า 40 แห่งทั่วประเทศ โดยขณะนี้ทีมผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เดินสายเชิญชวนให้ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำตัวอย่างของสาขาที่ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ที่ เข้าร่วมโครงการดำเนินการแล้วประสบความสำเร็จไปนำเสนอ เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการเปิดสาขา โดยบางบริษัทหลักทรัพย์สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดสาขาบริษัทหลักทรัพย์ในธนาคารพาณิชย์มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเพิ่มจำนวนลูกค้าของบริษัท โดยในปีที่ผ่านมา ธนาคารนครหลวงไทยได้ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เปิดสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ในธนาคาร จำนวน 5 สาขา ได้แก่ สาขาในจังหวัดภูเก็ต สิงห์บุรี สุพรรณบุรี นครสวรรค์ และเชียงใหม่ โดยสาขาที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้สูงสุด คือ สาขาเชียงใหม่ ซึ่งมีจำนวนลูกค้าเปิดบัญชีใหม่เกือบ 100 ราย หลังจากเปิดดำเนินการเพียง 2 เดือนเท่านั้น

“การเปิดสาขาในลักษณะนี้ใช้งบประมาณเริ่มต้นประมาณ 4 แสนบาทแต่ถ้าเปิดสาขาเต็มรูปแบบ (Full Branch) ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 6 – 10 ล้านบาท นอกจากนี้ลูกค้าของธนาคารก็จะได้รับความสะดวกในการทำธุรกรรมในตลาดทุนด้วย” นายชัยวัฒน์กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2551 นี้ ธนาคารฯ มีแผนงานร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ขยายการเปิดสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ในธนาคารอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกอย่างน้อย 10 สาขา ในพื้นที่ที่มีฐานลูกค้าที่มีศักยภาพสูงในการขยายฐานผู้ลงทุน เช่น ชลบุรี นครสวรรค์ และสาขาอื่นๆ อยู่ในระหว่างการพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพ

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทหลักทรัพย์จัดอบรมให้ความรู้เรื่องการลงทุนแก่พนักงานของธนาคารในจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเสริมศักยภาพของพนักงานธนาคารให้มีความรู้ ความ เข้าใจในด้านตลาดทุนเพิ่มมากขึ้นอันจะนำไปสู่การให้ข้อมูล ความรู้และคำแนะนำกับลูกค้าธนาคารได้ในโอกาสต่อไป

ในปี 2550 บริษัทหลักทรัพย์สามารถเปิดสาขาขนาดเล็กและสาขาออนไลน์ในธนาคารหรือศูนย์การค้าแล้วรวม 27 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นภาคเหนือ 4 แห่ง ภาคใต้ 8 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 แห่ง ภาคตะวันออก 1 แห่ง และ ภาคกลาง 10 แห่ง