TTA ทำสถิติใหม่ปั๊มผลกำไรสุทธิรวมตลอดปี 51 ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำไรสุทธิสูงถึง 8,776 ล้านบาท

บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) สร้างผลกำไรสุทธิรวมตลอดปีนี้ได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีผลกำไรสุทธิรวมของรอบปีบัญชี 2551 สูงถึง 8,766 ล้านบาท สาเหตุจากอัตราค่าระวางเรือ อัตราค่าเช่าเรือ และอัตราการใช้ประโยชน์จากเรือในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง และในธุรกิจวิศวกรรมโยธาใต้น้ำอยู่ในระดับสูง

ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (“TTA”) เปิดเผยว่า “TTA มีรายได้และผลกำไรสุทธิรวมของบริษัทฯตลอดรอบปีบัญชี 2551 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551) สูงถึง 35,382 ล้านบาท และ8,776.44 ล้านบาท โดยรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 236.32 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 13.63 บาท ซึ่งแสดงถึงการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.87 เมื่อเทียบกับรอบปีบัญชีก่อน (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2550) ซึ่งรายได้และผลกำไรสุทธิของรอบปีบัญชี 2551 นี้นับเป็นสถิติใหม่ที่บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และผลกำไรสุทธิได้สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจมา

ในรอบปีบัญชี 2551 บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นเท่ากับ 7,782.64 ล้านบาทซึ่งบริษัทฯ ได้ใช้เงินในการลงทุนหลักรวมถึงเป็นเงินค่างวดในการสั่งต่อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองใหม่ จำนวน 3 ลำ เรือขุดเจาะ 1 ลำ รวมถึงอุปกรณ์สำคัญ ตลอดจนค่าซ่อมเรือที่เข้าอู่แห้งคิดเป็นจำนวนเงินรวม 2,976.34 ล้านบาท นอกจากนี้ในรอบปีบัญชี 2551 บริษัทฯ ได้ทำการชำระคืนหนี้เงินกู้จำนวน 1,470.20 ล้านบาท และมีการกู้ยืมเงินจำนวน 324.69 ล้านบาท

“สำหรับธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองในปี 2552 บริษัทฯ ได้ทำสัญญารับขนส่งสินค้าล่วงหน้าแบบเช่าเหมาลำเป็นระยะเวลาไว้แล้วร้อยละ 8.07 ของระวางบรรทุกสินค้าทั้งหมดของบริษัทฯ ที่อัตราค่าระวางเรือถัวเฉลี่ย 17,673 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวัน และได้ทำสัญญารับขนส่งสินค้าล่วงหน้าไว้แล้ว 3,240 วัน (Contract of affreightment) ที่อัตราค่าระวางเรือถัวเฉลี่ย 23,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวัน” ม.ล.จันทรจุฑา กล่าว

“ส่วนธุรกิจงานบริการนอกชายฝั่ง ของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) ในรอบปีบัญชี 2551 มีรายได้จากธุรกิจหลักเท่ากับ 5,285.44 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.94 จากรอบปีบัญชี 2550 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,002.31 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 139.33 จากรอบปีบัญชี 2550

ส่วนงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำนั้นก็มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งอันเนื่องมาจากอัตราค่าเช่าเรือต่อวันและอัตราการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์งานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและภาวะการขาดแคลนเรือสนับสนุนงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำทั่วภูมิภาค และอัตราเช่าที่ทำไว้ส่วนหนึ่งในระดับเกือบสูงสุดจะเป็นผลดีต่อบริษัทในอนาคต

ส่วนธุรกิจด้านงานขุดเจาะยังคงสดใส เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการให้บริการเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งสร้างรายได้ที่มั่นคงกว่าการให้บริการเกี่ยวกับการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

“ทั้งนี้ส่วนงานธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ มีส่วนแบ่งผลกำไรสุทธิให้กับบริษัทฯ เท่ากับ253.14 ล้านบาท (หลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) โดยไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้หากไม่รรวมการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายของผลประโยชน์แปรผันของพนักงานแล้ว ส่วนแบ่งผลกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.38 ระหว่างรอบปีบัญชี 2550 กับ 2551 โดยบริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง เอฟแซดอี มีส่วนแบ่งกำไรให้กับบริษัทฯมากที่สุด รองลงมา คือ บริษัท เฟิร์นเล่ย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้รับประโยชน์จากสภาพตลาดค่าระวางเรือที่แข็งแกร่ง โดยส่วนแบ่งกำไรเหล่านี้ได้ถูกหักกลบด้วยการที่ไม่ได้รับเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท ชาจาร์ พอร์ต เซอร์วิสเซส แอลแอลซี ในรอบปีบัญชี 2551” ม.ล.จันทรจุฑา กล่าวในที่สุด

บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ เป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกองโดยให้บริการขนส่งสินค้าแบบประจำเส้นทางและให้เช่าเหมาลำ รวมทั้งเป็นหนึ่งในบริษัทรายใหญ่ที่ให้บริการงานนอกชายฝั่งเกี่ยวกับงานบริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติและงานวิศวกรรมโยธาใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งเป็นหนึ่งใน 50 อันดับแรกของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง รวมทั้งมีสภาพคล่องสูง