Mblog Returns

“เตรียมจะเปิดบล็อก คงใช้นามแฝงเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเมือง แต่ลีลาการเขียนของผมคงไม่ใช้สำนวนหวือหวาตื่นเต้น อาจจะออกแนวอาร์ต ชีวิตปกติก็เขียนข่าวอยู่แล้ว บล็อกที่เคยเขียนก็เป็นเรื่องงานบอกความเคลื่อนไหวของเอ็มบล็อกเท่านั้น”

นิรันดร์ เยาวภาว์ เว็บมาสเตอร์ผู้จัดการออนไลน์ พูดถึงแผนการที่จะเป็นส่วนสนับสนุนเอ็มบล็อก (Mblog) ในเครือผู้จัดการที่กำลังหยิบมาขยายผลอีกครั้ง จากที่เอ็มบล็อกแฝงตัวเงียบๆ อยู่ในเว็บไซต์ผู้จัดการ มาตั้งแต่ 3 ปีก่อนหน้านี้

ขณะที่ สุวิชชา เพียราษฎร์ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ซึ่งทำงานร่วมกันในการดูแลส่วนของเว็บไซต์ผู้จัดการและรวมถึงส่วนของเอ็มบล็อกที่แทรกอยู่นี้ บอกว่า เขาเขียนบล็อกในนี้มาตั้งแต่สองปีที่แล้ว โดยเริ่มจากเปิดอ่านแล้วสนใจศึกษามาเรื่อยจนก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของบล็อก

เว็บไซต์ผู้จัดการเป็นเว็บข่าวที่มียอดผู้เข้าชมสูงเป็นอันดับหนึ่งจากการจัดอันดับของทรูฮิตมาตลอด และมีค่าเฉลี่ยผู้เข้าเยี่ยมชมบริการเอ็มบล็อกระหว่างปี 2548-2549 จำนวน 2,787,590 ครั้ง โดยมีจำนวนผู้เข้ามาเปิดบล็อกไว้ทั้งสิ้น 4,200 ราย (ตัวเลข ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2550)

จนกระทั่งก่อนงานสัปดาห์หนังสือต้นปี 2550 บล็อกเกอร์จากเอ็มบล็อกก็ได้สร้างผลงานเป็นหนังสือเล่มพิมพ์ออกมาภายใต้การดำเนินงานของสำนักพิมพ์ผู้จัดการเป็นเล่มแรก

แค่เขียนก็มีสิทธิ์เกิดธุรกิจ

ในมุมของการพัฒนาเว็บบล็อก หากไม่ใช่องค์กรขนาดใหญ่ที่มีรายได้จากด้านอื่น แล้วมองบล็อกเป็นส่วนเสริม ก็อาจจะมองไม่เห็นช่องทางสร้างรายได้จากการเป็นบล็อกเกอร์เท่าไรนัก

การใช้คอนเซ็ปต์บล็อกสู่บุ๊กที่เกิดขึ้นของเอ็มบล็อกซึ่งกำลังจะกลับมาอีกครั้ง ก็เกิดขึ้นด้วยจังหวะที่ลงตัวหลายด้าน และกลายเป็นจุดขายใหม่ของเอ็มบล็อก

‘บล็อกสู่บุ๊ก’ เป็นโครงการที่สุวิชชาเรียกขึ้นเอง หนังสือเล่มที่มาจากเนื้อหาในบล็อกเล่มแรง เกิดขึ้นเมื่อสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ต้องการหาหนังสือที่มีความหลากหลายจากเรื่องแนวเดิมที่เคยพิมพ์ สำหรับวางจำหน่ายในงานสัปดาห์หนังสือในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้มีการหยิบความคิดเรื่องการพัฒนางานเขียนดีๆ จากเอ็มบล็อกมารวบรวมเป็นเล่ม โดยจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับบล็อกเกอร์ตามรูปแบบของการจัดพิมพ์หนังสือทั่วไป

“หนังสือไม่ใช่เหตุผลเดียว แต่การที่เราคิดว่า ถึงเวลาที่ควรจะนำเอ็มบล็อกมาปัดฝุ่น เพราะตลอดสองปีที่ได้เข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองโดยตรง ได้เห็นทิศทางการเติบโตของบล็อกมาตลอด ใครนิยมอะไร ตามไปอ่าน ส่วนหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากการพัฒนาเทคโนโลยี คนรับวัฒนธรรมบล็อกมากขึ้น วันนี้ทุกคนอยากมีบล็อก ไม่ใช่แค่กระแส ขณะที่เอ็มบล็อกทำมาสามปีก็เรียบๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ดึงดูดไม่เร้าใจ จึงควรจะปรับปรุงเสียที เลยทำเรื่องเสนอผู้ใหญ่ซึ่งก็ตอบรับให้เร่งทำด่วนที่สุด” สุวิชชาเล่าถึงที่มาของการรีเฟรชเอ็มบล็อก

เขายังมองประโยชน์ของเอ็มบล็อกต่อไปอีกว่า จะเป็นเครื่องมือที่ตอบสนองกลุ่มผู้อ่านเว็บไซต์ผู้จัดการ ในการแสดงความคิดเห็นอีกรูปแบบหนึ่ง นอกเหนือจากเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่เมื่อนานไปก็จะถูกเบียดหายไป

การกลับมาใหม่พร้อมแผนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอีก 2 เดือนข้างหน้า จากเรื่องราวของบล็อกเกอร์ในเอ็มบล็อกที่นิยมในอันดับต้นๆ ได้แก่ เรื่อง อารมณ์ ความรัก สายลมแสงแดด ท่องเที่ยว ประสบการณ์ต่างแดน ก็ยังมีแนวอื่นให้เห็นบ้างประปรายโดยเฉพาะคอการเมืองแรงๆ ที่เข้ามาระบาย

บล็อกไหนจะอยู่หรือไป ได้รับความนิยมแค่ไหน เป็นปรากฏการณ์ที่ สุวิชชาและนิรันดร์ เรียกว่า เป็นนิเวศวิทยาของบล็อก ซึ่งจะดูแลตัวมันเอง

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เห็นตรงกันว่า เอ็มบล็อกก็ควรจะมีความหลากหลายเพิ่มขึ้น

ใช้สูตร ‘เซเลบ’ สร้างกระแส

แผนของเอ็มบล็อกในการสร้างความน่าสนใจคือการดึงคนดังเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งมี อภิรักษ์ โกษะโยธิน ตอบรับมาเป็นรายแรก และอีกหลายรายที่เตรียมจะเปิดตัวพร้อมเอ็มบล็อกในวันงาน ทั้งไฮโซ คนดัง ดารา นักร้อง รวมถึงกลุ่มคนข่าวในเครือผู้จัดการที่จะมาเขียนบล็อกในเรื่องราวอีกมุม ที่ต่างจากที่เขียนในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็น จิตตนาถ ลิ้มทองกุล, คำนูณ สิทธิสมาน, สำราญ รอดเพ็ชร ฯลฯ

“ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคนดังกับความเป็นบล็อกจะไปกันได้ไหม แต่ก็คิดว่าเรื่องราวของคนดังไม่ต้องแต่งก็เป็นเรื่องน่าสนใจอยู่แล้วน่าจะช่วยเป็นตัวจุดกระแสด้วยส่วนหนึ่ง มีคนไม่น้อยอยากรู้ว่าวันๆ เขาทำอะไรบ้างหรือเปล่า อาจจะเป็นการเขียนสั้น บอกกล่าวแฟนคลับก็ได้ แต่เราก็ไม่ทิ้งบล็อกเกอร์กลุ่มแรกๆ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยตัว ส่วนที่อยู่แล้วเราไม่แตะ ก็แบ่งเป็นโซนๆ ไป”

ไม่ว่าเอ็มบล็อกมีแผนจะใช้โมเดลไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือการลิงค์กับเว็บไซต์ผู้จัดการที่ใช้เป็นทางผ่าน ขณะเดียวกัน ยังสามารถลิงค์กลับไปมาในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกันได้ภายในเว็บแบบไม่สิ้นสุด

“บล็อกจะยังเป็นส่วนหนึ่งของแมเนเจอร์ออนไลน์ เพราะเราโตมาด้วยกัน จะใช้ตรงนี้ต่อไปเป็นจุดขายที่ทำให้บล็อกเกอร์มั่นใจว่า เรื่องราวที่คุณอยากจะเล่า มีคนคอยอ่านคุณอยู่ เป็นแสนต่อวัน เปิดบล็อกในนี้มีโอกาสที่จะมีคนเห็นเยอะอยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากงานเขียนในบล็อกได้”

จำนวนผู้เข้าเว็บไซต์แมเนเจอร์ออนไลน์ ถือเป็นจุดขายสำหรับบล็อกเกอร์ที่อยากพัฒนาไปมีผลงานเขียนเป็นเล่ม ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงธุรกิจในเครือที่ผู้จัดการต้องการให้เกิดขึ้นด้วย จากการที่ผู้จัดการมีสื่อในมืออยู่ทั้งหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ นิตยสาร สำนักพิมพ์ ซึ่งควรจะเชื่อมโยงกันได้หมด

อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือผลผลิตจากบล็อกสู่บุ๊ก จากปรากฏการณ์ที่ผ่านมา บล็อกที่ได้รับการพัฒนาเป็นหนังสือ มักเป็นเรื่องราวที่มีคนติดตามอ่านจำนวนไม่น้อย ดังนั้นนอกจากมีผลงานเป็นของตัวเอง โอกาสในการทำตลาดหนังสือก็ง่ายกว่าหนังสือที่เกิดเป็นเล่มตั้งแต่แรก เพราะแฟนประจำที่หมั่นมาเยี่ยมเยียนกันในบล็อกมักจะตามซื้อเพื่อเก็บเป็นที่ระลึก แถมยังเกิดการตลาดแบบปากต่อปากในหมู่บล็อกเกอร์ด้วยกันอีกด้วย

สูตรการหารายได้สำหรับบล็อกก็ไม่ต่างจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ต้องคาดหวังจากจำนวนเพจวิวที่เพิ่มขึ้นถึงจุดที่ดึงความสนใจของสินค้าและบริการได้ แต่สิ่งที่ทีมผู้บริหารเว็บมุ่งมั่นเป็นอันดับแรกคือ ทำให้ดีที่สุดก่อนเพื่อสร้างฐานผู้อ่านเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป

บล็อก ‘สดชื่น’ ของ ‘โชว์โชว์’

“ชื่อโชว์โชว์ เป็นชื่อปลาทอง วันหนึ่งเกิดอยากจะเลี้ยงปลาก็ไปซื้อ เห็นปลาตัวนี้ชอบโชว์ออฟ รู้สึกว่าเกิดเป็นปลาก็สนุกดี ว่ายไปว่ายมาไม่ต้องคิดอะไร เลยย้อนมองชีวิตตัวเองก็เหมือนปลาเวียนว่ายในตัวหนังสือมีหนังสือเป็นทะเล เหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นเรื่องแรกที่เขียน จำได้ว่าเป็นวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 ช่วงที่การเมืองมีปัญหา งานหลักก็เครียดมาก”

บล็อกเกอร์ระดับผู้บริหารในองค์กรแห่งหนึ่ง เล่าถึงที่มาของความรู้สึกแรกที่เขานำมาเขียนเป็นเรื่องราวในเอ็มบล็อก พร้อมกับเลือกใช้พฤติกรรมของปลาทองตัวนั้นมาเป็นนามปากกา

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอีกด้านหนึ่งในชีวิตที่เขาเลือกมาเขียนในบล็อกอย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยมีกฎเกณฑ์ส่วนตัวว่า จะเขียนเรื่องใกล้ตัวในแนวเรียงความกึ่งปรัชญา ที่อ่านแล้วให้ความรู้สบายๆ จะไม่เล่าอะไรที่เป็นปัญหา การเมืองไม่พูด เรื่องงานไม่แตะ ไม่ประชดประชัน ด้วยเหตุผลว่างานหลักก็หนักอยู่แล้วและขอให้โลกของออนไลน์เป็นโลกที่ผ่อนคลายจิตใจในช่วงเวลาหนึ่ง

“พออยู่ตรงนี้อารมณ์เหมือนเราอยากพักผ่อนแต่ไปนั่งร้านเหล้าไม่ได้ ก็นั่งเขียนนั่งพุดคุย วันละชั่วโมงช่วงพักเที่ยง กลางคืนเลิกงานถ้ามีอารมณ์ก็เขียนทิ้งไว้มาอัพบล็อกตอนเช้า บางเรื่องต่อเนื่องก็แบ่งเป็นตอน เรื่องที่เขียนก็จงใจอยากให้สนุกในอารมณ์เรา ก็เห็นได้ว่าในสังคมก็มีคนที่เหนื่อยจากงานพอได้มาอ่านเรื่องแบบนี้ก็คงรู้สึกสนุกดีเหมือนกัน” นี่คือจังหวะเวลาของโชว์โชว์กับการเป็นบล็อกเกอร์
บล็อกของโชว์โชว์มีคนเข้ามาเยี่ยมชมช่วงแรกเพียง 4-5 คนเท่านั้น ไม่มีคำทักทายตอบกลับจากโชว์ๆ

แต่ปัจจุบันเขาตอบทุกความคิดเห็นที่มีเข้ามาวันละเกือบครึ่งร้อย ด้วยความรู้สึกว่าจะเสียมารยาทถ้าไม่รับแขกซึ่งให้เกียรติแวะมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน แถมช่วงหลังๆ เขายังเขียนเรื่องเหมือนอยู่ในห้องรับแขกเสียอีกด้วย

ถึงแม้โชว์โชว์จะไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง แต่ปัจจุบันก็มีสมาชิกบางคนเริ่มรู้จัก เลยเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะตัดสินใจเปิดตัวพร้อมการ Re-fresh เอ็มบล็อกที่มีแผนจะจัดอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ อย่างน้อยก็ในฐานะบล็อกเกอร์คนแรกของเอ็มบล็อกที่พัฒนาผลงานไปสู่หนังสือในชื่อเรื่อง “ยามสดชื่น”

ทั้งที่แต่เดิมโชว์โชว์มีความตั้งใจมาตลอดว่า เขาพอใจที่จะให้คนจินตนาการถึงโชว์โชว์ในโลกของบล็อกในแบบไหนก็ได้มากกว่าที่จะคิดถึงตัวตนจริงๆ ของเขาก็ตาม

การแปลงตัวอักษรจากบล็อกมาลงหนังสือเล่ม ภายใต้คอนเซ็ปต์จากบล็อกสู่บุ๊ก ซึ่งเป็นจุดขายหนึ่งของเอ็มบล็อกในการดึงดูดบล็อกเกอร์ ที่ต้องการสร้างผลงานแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ในที่สุดแล้วการสื่อสารของบล็อกเกอร์ที่อยู่ในโลกออนไลน์ก็ต้องพัฒนาไปสู่โลกของความจริงอยู่เสมอ

เกี่ยวกับ Mblog
-ไม่วางตัวเป็นบล็อกข่าวสารแต่ก็ไม่ทิ้งและกำลังพัฒนาโซนข่าว
-เติบโตมาอย่างอิสระโดยธรรมชาติ ในการพัฒนาจึงเน้นการเสริมซึ่งกันและกันระหว่างข่าวสารและเรื่องราวที่หลากหลาย
-กลุ่มคนอ่านเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับคนอ่านเว็บไซต์ผู้จัดการ อายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป
-เปิดมา 3 ปี มีบล็อกเกอร์ 4,200 ราย
-ออกข่าวปรับปรุง(20 มิ.ย. 50) ยอดคลิกเข้าชมเพิ่มขึ้นจากวันละ 7-8 พันเพจวิว เป็น 13,000 เพจวิว
-จำนวนบล็อกเกอร์เริ่มกลับเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น
-ตั้งเป้าถึงสิ้นปี 2550 คาดว่าจะมีบล็อกเกอร์ 10,000 ราย
-น้องซี คือบล็อกเกอร์ที่มีสถิตคนเข้าชมสูงสุดนับแต่เริ่มต้นเกือบแสนเพจวิว สองหมื่นกว่าคอมเมนต์ โดยเขียนเรื่องเกี่ยวกับความรัก

อ่านบล็อกแล้วได้อะไร
-สาระ ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ในแบบที่คุณต้องการ และเลือกได้ถึงลีลาการเขียนในแบบที่ถูกใจ
-ได้รับรู้อารมณ์ของคนในสังคมว่ากำลังคิดอะไร
-ได้รู้ว่ามีปรากฏการณ์อะไรเกิดขึ้นในสังคม