“อย่าลืมสีฟ้าเวลาหิว” สโลแกนประจำห้องอาหารสีฟ้า ที่ใช้มานานนับสิบปี แม้จะไม่ปรากฏระยะเวลาใช้ที่แน่ชัด แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาที่ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้มีชื่อว่า “กร รัชไชยบุญ” ลืมตาขึ้นดูโลกและเติบใหญ่จนก้าวเข้ามาบริหารสานงานต่อจากรุ่นพ่อ
ห้องอาหารของคนไทยเชื้อสายจีนที่เริ่มทำธุรกิจจากร้านห้องแถวเล็กๆ ชั้นเดียว ที่ขายกาแฟ ไอศกรีม และผลไม้ แถบราชวงศ์ เมื่อกว่า 70 ปีก่อน ผ่านร้อนผ่านหนาวเข้าสู่ยุคทายาทรุ่นที่ 3 หลายสิ่งผันผ่านตามกาลเวลา เช่นเดียวกับการเติบโตของห้องอาหารสีฟ้า แม้จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่มนตร์เสน่ห์ของ Family Business นี้ไม่เคยจางหาย
ข้าวหน้าไก่ราชวงศ์ บะหมี่แห้งอัศวิน ปอเปี๊ยะสด ขนมจีบ อาหารหม้อดิน เมนูเด่นเหล่านี้ยังคงรอเสิร์ฟนักชิมรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ในยุคของการแข่งขันที่ผู้แพ้ไม่มีที่ให้ยืน สีฟ้าก้าวล้ำมายืนหยัดได้อย่างไร ใช่เพียงประวัติศาสตร์อันยาวนานเท่านั้น กร รัชไชยบุญ ต้องรับบทหนักในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ลงหลักปักฐานมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า ให้เติบโตแบบไม่เสียรากเหง้าเดิม
กร รัชไชยบุญ หนุ่มวัย 31 ปี รูปร่างสูงใหญ่ ดูอ่อนกว่าวัย บอกเล่าเรื่องราวของสีฟ้าและของเขากับ POSITIONING
ย้อนกลับไปเมื่อ 31 ปีที่แล้ว ด.ช.กร รัชไชยบุญ ถือกำเนิดขึ้นที่กรุงเทพฯ เติบโตและใช้ชีวิตที่ชั้น 2 ของห้องอาหารสีฟ้า สาขาสยามสแควร์ ดังนั้นเขาจึงผูกพันและซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นสีฟ้ามาตั้งแต่เยาว์วัย แต่เป็นความผูกพันที่ไม่ได้คลุกคลีถึงขั้นเข้าคลุกคลีตีโมงในครัว ดังนั้น ด.ช.กรเติบโตขึ้นเป็นนายกรโดยที่ไม่เคยลงมือทำอาหารด้วยตัวเองเลย
“ผมนอนที่ชั้น 2 บนครัว เรียกได้ว่าจำความได้ก็เห็นสีฟ้าเลย เวลาคุณพ่อไปดูสาขาต่างๆ ก็ติดสอยห้อยตามท่านไป แต่พอโตขึ้นมาดันหันไปชอบเรื่องงานออกแบบและเรียนด้านนี้จนจบปริญญาตรี”
กรขีดเส้นทางชีวิตตามความชอบส่วนตัวด้วยการเป็นอินทีเรียดีไซเนอร์ ประมาณ 2 ปี จากนั้นเขาตัดสินใจเรียนต่ออนุปริญญาตรีด้าน Culinary Art ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่ไม่เคยจับมีดมาก่อน
“ตอนไปเรียนทำอาหารที่นิวยอร์กเป็นเพราะรู้สึกว่าไม่พร้อมที่จะช่วยดูแลธุรกิจครอบครัว จึงเลือกไปเรียนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านศาสตร์ของการทำอาหาร ที่ต้องไปเรียนถึงที่นั่นเป็นเพราะในเมืองไทยไม่มีใครสอนให้เข้าใจถึงเนื้อหาของอาหารอย่างแท้จริง ที่นั่นจะสอนว่าทำไมต้องเอาผักไปลวกในเวลาเท่านี้ เพื่อที่จะให้สีไม่เปลี่ยนและคงคุณค่าได้รสชาติที่ดีอย่างนี้ เป็นต้น ซึ่งเป็นการเรียนการทำอาหารมากกว่า…ว่าทำอย่างไร…แต่เรียนเพื่อเข้าใจว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น”
กรได้มีโอกาสเรียนรู้การทำอาหารนานาชาติ และฝึกงานอย่างเข้มข้นในร้านอาหารชื่อดัง 3 แห่ง รวมระยะเวลา 3 ปีที่ใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีกับการมาเริ่มต้นเป็น “ผู้จัดการ” ที่ต้องการบริหารจัดการทุกอย่างในครัว โดยเฉพาะอาหารและการบริการในระดับสากลแล้ว กรยังรับผิดชอบในการขยายสาขา ตั้งแต่ดูแลและควบคุมภาพลักษณ์ในด้านการออกแบบ ตกแต่งร้านอาหาร ออกแบบสร้างสรรค์เมนูอาหาร ไปจนถึงการฝึกพนักงานในครัว
ครบรอบ 72 ปีของสีฟ้าในปีหน้านี้ กรจึงเตรียมแผนการ “ต่อยอด” ให้กับสีฟ้ามากกว่าจะ “เปลี่ยนแปลง”
“ที่ผ่านมาคุณปู่ คุณพ่อสร้างมาดีแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก หลายคนอาจมองว่าสีฟ้า ทำไมโตช้า 70 ปี มีแค่ 18 สาขา แต่ผมมองว่าเราเป็นธุรกิจครอบครัว และอย่าลืมว่าสีฟ้าเริ่มต้นจากศูนย์ เราจึงมีแผนทำธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพราะทุกวันนี้อาหารของเราเน้นปรุงสดที่ร้านไม่ใช่อาหารแช่แข็ง เราเอาความเป็นตัวตนของสีฟ้ามาโชว์ให้เห็นมากขึ้น เช่น ความเป็นต้นตำรับ ความประณีตในการคัดสรรวัตถุดิบ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตลอดเวลา”
แม้ “สีฟ้า” จะอยู่คู่คนกรุงฯ มายาวนานตั้งแต่รุ่นคุณปู่ แต่ภาพของคนหนุ่มสาวร่วมรับประทานอาหารมื้อเที่ยงและภาพของผู้สูงอายุหลายคนที่เอร็ดอร่อยกับอาหารจานโปรดที่คุ้นเคยบนเก้าอี้จากเชกโกสโลวะเกียอายุกว่า 50 ปี ที่ห้องอาหารสีฟ้า สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ นับเป็นตัวอย่างอันเป็นรูปธรรมที่สุดว่า สีฟ้า Young at Heart และเป็นร้านอาหารสำหรับคนทุกวัย การปรับบรรยากาศในร้าน และการตกแต่งที่ดูอบอุ่น ผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ทำให้สีฟ้าไม่ใช่ร้านอาหารจีนโบราณอีกต่อไป
นอกจากนี้ กรเล่าว่า จะเน้นการบริหารสินค้าแต่ละ Category ของสีฟ้าให้มีความโดดเด่นชัดเจน ทั้งอาหาร เบเกอรี่ ไอศกรีม ดิลิเวอรี่ และเคเตอริ่ง จะทำให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ถึงจุดเด่นของสีฟ้าซึ่งมีหลากหลาย
การต่อยอดธุรกิจของสีฟ้า ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่เพียงแบรนด์สีฟ้าเท่านั้น ร้าน Bluespice และอิ่มไทย นู้ดเดิ้ล บาร์ คือตัวอย่างของการใช้โนว์ฮาว ประสบการณ์ในการทำร้านอาหาร สร้างร้านใหม่ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าต่างจากเดิม โดยแบรนด์แรกเป็น F&B Operator ขณะที่แบรนด์หลังเป็นร้านราเมงสไตล์ไทยๆ
ทุกวันนี้นอกเวลางาน กรยังคงสนุกสนานและเพลิดเพลินกับการแต่งบ้านซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ที่ซื้อมาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่ยังตกแต่งไม่ลงตัวเสียที เนื่องจากไอเดียอันบรรเจิดจากเขาและภรรยาซึ่งรักในงานอินทีเรียดีไซน์เหมือนกัน
“ตอนนี้ขาดบ่อปลา ซื้อมาหลายปีเลยยังไม่ได้ขึ้นบ้านใหม่ซะที (หัวเราะ)”
นอกจากนี้ เวลาว่างของเขายังหมดไปกับการปลูกต้นไม้และเล่นเทนนิส ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ที่เกิดจากภรรยาของเขานั่นเอง
ขณะที่การถ่ายภาพซึ่งเป็นกิจกรรมโปรดของเขาตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นประธานชมรมถ่ายภาพที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนนั้น ได้หยุดชะงักลง หลังจากรถเขาถูกทุบและโดนขโมยกระเป๋ากล้องพร้อมอุปกรณ์ครบครันไปอย่างน่าเสียดาย
ในวัย 31 ปี กรยังคงมีความฝันที่จะริเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เป็นความฝันที่เขาบอกว่าอยากทำให้เป็นจริงแม้ไม่ใช่ในเร็ววันนี้ “ซูเปอร์มาร์เก็ต” และ “บาร์”
“เวลาเครียดๆ ชอบเดินซูเปอร์มาร์เก็ต ดูของแปลกๆ หายาก เดินแล้วเพลิน สบายใจ เลยรู้สึกอยากทำเองบ้าง เอาของหายากมาขาย เพราะชอบความรู้สึกที่ว่า เฮ้ย มีของอย่างนี้ขายด้วยเหรอ มันเป็นความรู้สึกทึ่งแกมชื่นชม ทำให้เราพอใจ แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตของผมจะเน้นสินค้าเกี่ยวกับการทำอาหารมากขึ้น ส่วนผับบาร์ อาจเป็นเพราะผมชอบเที่ยว แต่เมืองไทยยังไม่ค่อยเห็นผับบาร์ที่ไหนสอนให้คนรู้จักและเข้าใจเครื่องดื่มซึ่งมีหลายร้อยชนิด ไม่ใช่แค่ดื่มให้เมาเท่านั้น”
ทุกวันนี้กรยอมรับว่าเขายังต้องทำการบ้านอีกเยอะพอสมควร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามแนวทางที่ควรจะเป็น แม้ไม่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรแต่ขอทำอย่างที่ตั้งใจได้ก็เป็นพอ
“ตำนาน” จะไม่มีความหมายเลยหากปัจจุบันไม่สามารถรักษาคุณภาพที่สั่งสมมาได้ เป็นคำกล่าวของจิตติ รัชไชยบุญ ผู้พ่อ ซึ่งเขาจดจำและพร่ำบอกกับตัวเองและพนักงาน
Profile
Name กร รัชไชยบุญ
Age 31 ปี
Education
อนุปริญญาตรีด้าน Culinary of Art จาก The Culinary Institute of America
ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาสถาปัตยกรรมภายใน สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
Career Highlights
ปัจจุบัน ผู้จัดการ บริษัท ห้องอาหารสีฟ้า จำกัด
Kitchen Manager ห้องอาหาร Bluespice by Seefah และอิ่มไทย นู้ดเดิ้ล บาร์
เคยทำงานเป็นอินทีเรียดีไซเนอร์ และเคยฝึกงานด้านอาหารที่ Caf? Centro , Highline
Restaurant และร้าน Spigolo Cusine นิวยอร์ก
Family สมรสแล้ว เป็นบุตรชายคนกลางของแดง จิตติ รัชไชยบุญ มีพี่สาว 1 คน และน้องชาย 1 คน