ลิเวอร์พูล สนามต้องใหญ่ รายได้จึงโต

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ถือเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกที่มีมูลค่ารายได้เติบโตสูงเป็นอันดับที่ 4 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes เมื่อเปรียบเทียบกับทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยกันเอง หนึ่งในรายได้สำคัญที่ทีมกำลังมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ การสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ที่ชื่อว่า “Stanly Park”

การเข้าซื้อกิจการสโมสร “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เมื่อกุมภาฯ ที่ผ่านมา เหตุผลสำคัญก็คือเพื่อสร้างสนามใหม่ที่ความจุใหญ่กว่าเดิม ดูได้จากราคาเทกโอเวอร์สโมสรลิเวอร์พูลครั้งนี้ที่ 434 ล้านปอนด์หรือ 3 หมื่นล้านบาทนั้น ครึ่งหนึ่งคือ 215 ล้านปอนด์ จะถูกใช้เพื่อสร้างสนามใหม่ “Stanly Park” มาแทนสนาม Anfield เดิมที่โด่งดังมาช้านาน ส่วนที่เหลือคือ 174.1 ล้านปอนด์ ให้ผู้ถือหุ้นเดิม และ 44.8 ล้านปอนด์ เพื่อใช้หนี้ที่สโมสรมีอยู่

สองมหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่เข้าซื้อลิเวอร์พูล คือ ทอม ฮิกส์ ผู้อยู่ในธุรกิจกีฬามา 12 ปี เป็นเจ้าของทั้งทีมเบสบอลและทีมฮอกกี้แต่ไม่เคยมีทีมฟุตบอลมาก่อน และ จอร์จ ยิลเล็ต ทายาทครอบครัวเจ้าของธุรกิจยักษ์ใบมีดโกนหนวดแบรนด์เดียวกับนามสกุล โดยซื้อจาก เดวิด มัวร์ ประธานคนเก่าที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลในเส้นเลือด ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งได้เข้าซื้อสโมสรตั้งแต่ปี 1991 เป็นต้นมา

หลังการซื้อ ทั้งฮิคส์และยิลเล็ตต์ยังคงใช้ CEO คนเดิมคือ ริค แพร์รี่ และนักฟุตบอลเองก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ต่างกันมากจากดีลของเชลซีที่เปลี่ยนโละทั้งผู้บริหาร โค้ช และนักบอล เพราะจุดหมายหลักจริงๆ ของลิเวอร์พูลยุคนี้อยู่ที่สนามใหม่ความจุกว่า 6 หมื่นที่นั่ง จากปัจจุบันที่สนามแอนฟิลด์จุได้เพียง 45,000 ที่นั่ง

ด้วยโจทย์ที่ต้องระดมทุนสร้างสนามใหม่นี่เอง ไม่กี่ปีหลังนี้ลิเวอร์พูลจึงเร่งระดมทุนหาเศรษฐีมาเทกโอเวอร์ไปแล้วหลายราย ซึ่งรวมถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร กับไอเดีย “หวยหงส์” อันลือลั่น รวมถึง “อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม แห่งแกรมมี่ ที่เป็นข่าวอยู่พักหนึ่งด้วย

เมื่อสนามสร้างเสร็จ ผู้บริหารใหม่ย่อมตั้งเป้ารายได้ค่าตั๋วเข้าชมคงสูงขึ้นพรวดพราดตามเป้าหมาย แต่ที่น่าสงสัยคือบรรยากาศความขลังแบบเดิมของสนามเก่าแก่ระดับตำนานอย่างสนาม Anfield ที่หายไป จะทำให้แฟนบอลร้างลาไปด้วยหรือไม่

กองเชียร์ลิเวอร์พูลหรือที่เรียกกันว่า The Kop นั้นโด่งดังมานาน ถูกเรียกว่าเป็น “The 12th Player” หรือผู้เล่นคนที่ 12 ในทีมที่จะทำให้ทีมเล่นดีขึ้นได้เป็นพิเศษ และทำให้นักฟุตบอลทีมคู่แข่งเกรงใจได้ตั้งแต่เห็นคำว่า “This is Anfield” ที่ปากทางเข้าสนาม

ล่าสุดเหล่าแฟนบอลลิเวอร์พูลแสดงออกกันอย่างชัดเจนว่าอาลัยอาวรณ์ต่อบรรยากาศ แบบเดิมๆ โดยเฉพาะอัฒจันทร์ฝั่ง “The Kop” ที่โด่งดังในแง่ป้ายผ้าที่มีสีสัน ข้อความอารมณ์ขัน ความขยันแต่งเพลงเชียร์และร้องกันดังสนั่นอบอวลไปทั้งสนามแทบตลอดเกม จนเกิดเป็นเพลงดังระดับโลกอย่าง You’ll Never Walk Alone มาแล้ว

เหล่าแฟนบอลจึงจัดแคมเปญกันขึ้นมาในชื่อว่า “Reclaim The Kop” (RTK) เพื่อรื้อฟื้นเพลงเชียร์เก่าๆ บรรยากาศการเชียร์เก่าๆ ที่หายไปตามเวลา มีการนัดกันซ้อมเชียร์ก่อนเกมเริ่มเป็นชั่วโมง เพื่ออนุรักษ์บรรยากาศแบบสนาม Anfiled ปัจจุบันไว้เพื่อถ่ายทอดไปยังสนามใหม่ Stanly Park ที่อาจจะชื่อ “New Anfield” ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยที่ไม่ถึงขนาดต่อต้านการย้ายสนามแต่อย่างใด

Carlsberg 18 ปีของบนอกเสื้อหงส์แดง

เบียร์ Carlsberg เป็นสปอนเซอร์หลักและอยู่บนอกเสื้อทีมลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ปี 1992 ถึงวันนี้ก็ 18 ปี เป็นสปอนเซอร์อกเสื้อที่ยาวนานที่สุดในพรีเมียร์ลีก และล่าสุดเมื่อมิถุนายน 2007 ที่ผ่านมาก็เพิ่งต่อสัญญาไปอีก 3 ปีถึงปี 2010 ด้วยงบปีละ 8 ล้านปอนด์ (แม้จะสูงแต่ยังเป็นรองเงินที่แมนฯยูคู่อาฆาตที่ได้จาก AIG ปีละ 14 ล้านปอนด์)

ส่วนสปอนเซอร์ชุดแข่งหรือ (Official Sportwear) นั้นคือ Adidas ซึ่งในสัญญาฉบับล่าสุดคือ 2006 ถึง 2008 ครอบคลุม 3 ปี โดยลิเวอร์พูลรับจาก Adidas ปีละ 5 ล้านปอนด์ จากเดิมที่เป็นสัญญาของ Reebok แต่อาดิดาสมาเทกโอเวอร์รีบอคไปไม่นานนี้

Web Link
www.reclaimthekop.com
www.liverpoolfc.tv