นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ สาวน้อยรุ่น 3 โคคา สุกี้

สาวน้อยที่มีหน้าตาถอดแบบมาจากคุณพ่อของเธอ บุคลิกปราดเปรียว คล่องแคล่ว ปัจจุบันยังเป็นเพียงนักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 ของคิงส์ คอลเลจ ที่ใช้เวลาช่วงปิดภาคฤดูร้อนมาช่วยงานธุรกิจครอบครัวด้วยความเต็มใจ

แต่ปีนี้พิเศษกว่าที่แล้วมา เพราะเป็นงานครบรอบ 50 ปีของโคคา สุกี้ ที่ “นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ” สาวน้อยวัย 21 ปี ทายาทคนโตของ พิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคคา สุกี้ จำกัด ต้องร่วมเป็นแม่งาน จัดงานใหญ่นี้ขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ พร้อมๆ กับการปรับปรุงสาขาสุรวงศ์จากรูปแบบ Traditional Chinese Style ที่เปิดตัวมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า มาเป็นแนวโมเดิร์นให้เข้ากับยุคสมัย

“โคคา สุกี้ ครบรอบ 50 ปีนี้ ถือเป็นปีทอง ที่ฝรั่งเรียก Jubilee Year ปีนี้เราจะจัดงานฉลองครบรอบที่สาขาสุรวงศ์ซึ่งเป็นสาขาแรก งานนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า โคคากำลังก้าวสู่รุ่นที่ 3 เป็นแบรนด์สุกี้ต้นตำรับ แต่มีความทันสมัย มีความก้าวหน้าและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

“ปกติทุกปิดเทอมจะต้องไปฝึกงาน เป็นคนอยู่นิ่งไม่เป็น ปีนี้พอดีมีงานครบ 50 ปี คุณพ่อก็เลยเสนอว่าทำไมไม่มาดูโปรเจกต์นี้ เลยเข้ามารับผิดชอบดูแลตรงนี้ร่วมกับพี่ๆ ในบริษัท”

ยังถือเป็นงานประกาศการก้าวสู่รุ่นที่ 3 เป็นแบรนด์สุกี้ต้นตำรับ งานนี้ยังเป็นบทสรุปของกิจกรรมการกุศล ที่โคคาสุกี้ได้จัดมาตลอดปีก่อนหน้านั้น ตั้งแต่การบริจาคเงิน 20 บาทสำหรับสุกี้ทุกหม้อที่ลูกค้าเข้ามาทาน การบริจาค 10 บาท สำหรับเมนูผัดไทและต้มยำกุ้งของร้านแมงโก้ทรี ร้านอาหารไทยในเครือ และอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมทั้งการวิ่งการกุศลที่รวบรวมเงินได้กว่า 9 แสนบาท

“กิจกรรมการกุศล เป็นเรื่องที่เราถูกปลูกฝังมารุ่นต่อรุ่น คุณย่าก็ชอบทำบุญ ชอบการให้ คุณพ่อซึ่งเป็นคนคิดโปรเจกต์นี้ก็คิดว่า 50 ปี สังคมให้อะไรเรามามากแล้ว ถึงเวลาที่เราควรจะให้คืนกลับบ้าง และจะไม่ได้จบแค่นี้เราจะมีโปรเจกต์ลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ”

รูปแบบการช่วยเหลือที่โคคาสุกี้ทำ เน้นให้ผู้ได้รับความช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองได้ โดยการบริจาครายได้ที่ทำกิจกรรมมาตลอด ให้กับ PDA ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล เพื่อนำไปปล่อยกู้โดยไม่มีดอกเบี้ยให้กับชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหนองฟักทอง จ.บุรีรัมย์ นำไปเป็นทุนพัฒนาอาชีพทำการเกษตร โดยเจ้าหน้าที่องค์กรจะคอยให้คำแนะนำช่วยเหลือ เมื่อได้ผลผลิตเครือโคคา จะเข้าไปรับซื้อผลิตภัณฑ์นั้นๆ สำหรับใช้ในร้านอาหารในเครืออีกต่อหนึ่ง

ถ้าไม่ได้มารับหน้าที่แม่งานในครั้งนี้ ทุกปิดเทอมนัฐธารีมักจะหาโอกาสฝึกงานที่สนใจเสมอ งดแค่ช่วงปิดเทอมปีก่อนเพราะเป็นจังหวะที่สูญเสียคุณย่าไป

“เลือกที่จะทำงานเพราะไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ แต่ละที่จะขอฝึกแค่เดือนเดียวพยายาม เรามีเวลาแค่นั้นจริงๆ เคยฝึกแผนกเบเกอรี่และครัวที่โรงแรมโนโวเทล เพราะชอบทำและชอบทานขนม ฝึกงานที่ Lenotre และที่ซิกซ์เซ้นส์สปา ไปสมัครด้วยตัวเองตลอด คิดว่าที่เขาให้โอกาสทำงานเพราะคงเห็นความตั้งใจจริง”

เธอยอมรับว่างานที่เธอเลือกฝึกส่วนหนึ่งเพราะชอบ แต่อีกส่วนก็รู้ตัวดีว่า ถึงที่สุดแล้วเธอก็ต้องมาสืบทอดกิจการของครอบครัว ซึ่งเธอเป็นโชคดี เพราะโดยส่วนตัวเธอบอกว่า ผูกพันและเติบโตมากับโคคา ไม่รู้สึกต้องฝืน

“ไม่ฝึกที่โคคา เพราะรู้ว่าสิ่งที่ได้ไม่เหมือนกัน คนก็จะเกรงใจ ได้ไม่เต็มที่ แล้วก็อยากเรียนรู้องค์กรอื่นด้วยว่าเขาทำกันอย่างไร”

ไม่เพียงแค่การฝึกงาน เส้นทางการศึกษาของสาวน้อยคนนี้ก็ถูกปูมาเพื่อความสำเร็จในธุรกิจอาหารด้วย หลังจบ ป.6 จากวัฒนาวิทยาลัย นัฐธารีไปเข้าโรงเรียนประจำ Malvern Girls’ College ที่อังกฤษ โดยครอบครัวสร้างความคุ้นเคยและป้อนข้อมูลไว้ให้เธอรู้ตัวตั้งแต่เรียนอยู่ ป.3 ว่าอย่างไรก็ต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอก

ก่อนไปใช้ชีวิตที่อังกฤษ เป็นช่วงที่นัฐธารีมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณย่า ซึ่งทำให้เธอได้เรียนรู้วิธีการเลือกใช้วัตถุดิบ และเรียนรู้การทำอาหาร จนมีความสามารถด้านนี้ แม้เธอจะบอกว่าชอบทำขนมมากกว่า

ความชอบนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอสนใจอยากเรียนด้านการอาหารและการโรงแรมในระดับปริญญาตรี จนได้รับคำแนะนำจากคุณพ่อว่าควรจะเรียน Food Science น่าจะเหมาะสม

“มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านนี้ในอังกฤษมีน้อย ส่วนใหญ่อยู่ในชนบท ไม่ชอบมหาวิทยาลัยเพราะอยู่โรงเรียนประจำมา 8 ปี เลยเลือกเรียน Nutrition ที่คิงส์ คอลเลจ วิชาใกล้เคียงกันแต่กว้างกว่า กะว่าค่อยไปต่อฟู้ดซานย์ตอนปริญญาโทอีกที”

กว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท พร้อมกับวางแผนจะขอฝึกปรือฝีมือจากภายนอกสัก 1 ปี ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปีกว่าจะเข้ามาดูแลธุรกิจของโคคาได้อย่างเต็มตัว แต่ด้วยความพร้อมของคนที่ชอบทำงานอยู่เสมอ เธอจึงมีเป้าหมายสำหรับการบริหารงานในอนาคตไว้แล้วอย่างชัดเจน

“นัฐตั้งใจที่จะทำให้คนกลับมาคุ้นเคยกับโคคามากกว่านี้ เพราะเราคือต้นตำรับ จะขยายสาขาให้เร็วขึ้น ภายใต้การควบคุมคุณภาพที่คงที่ แต่คงไม่มีแผนเปิดร้านใหม่เพราะเรายังมีร้านอื่นๆ ในเครืออีกหลายร้าน อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่นโบตันเต ร้านอาหารไทยแมงโก้ทรี ร้านไชน่าไวท์ ฯลฯ

แม้นัฐธารีจะยังไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจโดยตรง แต่ด้วยความเป็นทายาทนักธุรกิจ เธออธิบายปรากฏการณ์ธุรกิจร้านอาหารได้อย่างเห็นภาพว่า ปัจจุบันร้านอาหารเติบโตเร็ว มีการแข่งขันสูง มีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นเต็มไปหมดเหมือนแฟชั่นเสื้อผ้า ใครจะอยู่รอดได้ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา

“สมัยก่อนคนทานอาหารนอกบ้านเพราะคิดถึงคุณภาพความอร่อยของอาหาร สถานที่อาจจะไม่สวยเลย แต่ก็สามารถเอ็นจอยกับอาหารได้ แต่สมัยนี้คนทานอาหารนอกบ้าน แค่อาหารอร่อยอย่างเดียวไม่พอ สถานที่ต้องสวยด้วย กลายเป็นว่าอาหารอาจจะไม่เลิศมาก แต่ถ้าบรรยากาศดี สวย นั่งทานแล้วรู้สึกดี ก็ทำให้คนตอบรับได้”

ปรากฏการณ์ที่เธอเห็น จึงตรงกับแนวคิดที่เธอจะนำมาใช้กับโคคา นั่นคือการพัฒนาความเป็นแบรนด์เก่า ให้มีการตกแต่งทันสมัยเข้ายุค แต่สิ่งที่เธอตั้งใจทำมากกว่านั่นคือ

“นัฐต้องทำให้มันเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้มีสุกี้หลายเจ้า แต่นัฐเชื่อว่าเราสามารถตีตลาดในนีชมาร์เก็ตของเรา เรารู้ว่าทาร์เก็ตของเราคือใคร ลูกค้าของเราเวลามาทานจะเหมือนมาทานสุกี้ในโรงแรมมากกว่าร้านสุกี้ทั่วไป เน้นคุณภาพ บรรยากาศ เราจะรักษาความเป็นพรีเมียมและแข่งขันกับตัวเองต่อไป”

Profile

Name : นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ
Age : 21 ปี
Family : เป็นพี่สาวคนโต น้องชาย 18 ปี น้องสาว 14 ปี และน้องชายคนเล็ก 13 ปี
Education :
– กำลังศึกษาปริญญาตรี สาขาโภชนาการ (Nutrition) ที่ Kings College ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
-จบมัธยมจาก Malvern Girls’ College เมือง Malvern ประเทศอังกฤษ
-จบประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย
ประสบการณ์ฝึกงานช่วงซัมเมอร์: แผนกเบเกอรี่ โรงแรมโนโวเทล, ร้าน Lenotre ในไทย, ร้านแมงโก้ทรี ในลอนดอน และฝึกงานด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่ซิกซ์เซ้นส์สปา
กิจกรรมในครอบครัว : ทุกมื้อเช้าและเย็นสมาชิกทุกคนต้องทานข้าวร่วมกัน เดือนธันวาคมของทุกปีจะไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่นเพราะเป็นกีฬาโปรดของทุกคนในครอบครัว
Lifestyle : ทำอาหาร ช้อปปิ้ง เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และร้านอาหารสวยๆ