จิตสิงห์ สมบุญ : คำให้การจากดีไซเนอร์ไทย

“คนไทยเอาใจยากสุด” จิตสิงห์ สมบุญ ดีไซเนอร์มือหนึ่งจาก Playhound และ Greyhound กล่าวก่อนแสดงความเห็นต่อการ ”ส่งออกแฟชั่น” ของไทย

จิตสิงห์กล่าวว่า แม้แบรนด์ที่เขาทำหน้าที่ออกแบบให้จะเป็นสินค้าส่งออกไปทั้งอเมริกา ยุโรป และเอเชีย แต่ลูกค้าที่เอาใจยากที่สุดกลับอยู่ในบ้านเรานี่เอง เพราะคนไทยตามแฟชั่น ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง เปลี่ยนแปลงความต้องการเร็วมาก

ดีไซเนอร์แบรนด์ดัง ให้ภาพตลาดเสื้อผ้าต่างประเทศต่อการทำตลาดในอเมริกา จะเน้นเสื้อผ้า Simple but Chic ที่ใส่สบาย อยู่ได้นานโดยไม่เบื่อ ส่วนยุโรปเราจะต้องให้ความสำคัญกับรายละเอียดและความเนี้ยบมากๆ ในขณะที่ฝั่งญี่ปุ่น ชอบงานฝีมือของไทยเรา เช่นเดียวกับสิงคโปร์ที่ชอบแบรนด์ของเราเป็นพิเศษ ด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นแบรนด์แฟชั่น

“เมื่อก่อนออกแบบมายังไง คนก็ซื้อ แต่ตอนนี้ถึงให้ดีไซน์สวยแค่ไหน ถ้าราคาไม่ลดลงคนก็ไม่ซื้อ” จิตต์สิงห์กล่าวว่า ตลาดเสื้อผ้าโดยปกติแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มซึ่งค่อนข้างอยู่ได้แม้ในสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำได้แก่ เสื้อผ้าระดับไฮเอนด์ ลงทุนสูงแต่ใส่ได้นาน และเสื้อผ้าราคาถูก สามารถซื้อในคราวละหลายชิ้น ในขณะที่กลุ่มเสื้อผ้าที่ต้องอยู่ใน ”ภาวะปรับตัว”อย่างรุนแรงคือ เสื้อผ้าซึ่งมีราคาระดับกลาง ด้วยถูกมองว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย

แรงกดดันที่ ”ดีไซเนอร์” ได้รับมาอีกทอดจากวิกฤตการณ์ค่าเงินบาทคือโจทย์ที่ต้อง ”คิดให้มาก แต่ลงทุนให้น้อย” กล่าวคือ ต้องออกแบบให้ได้เสื้อผ้า ”คุณภาพดี มีดีไซน์” ในราคาที่ถูกลง เพื่อรองรับกับกำลังการซื้อของคนในประเทศที่ถดถอย อาจจะด้วยการหาวัสดุที่มีราคาถูกลง หรือลดการตกแต่งเสื้อผ้าให้น้อยชิ้น เป็นต้น

จิตสิงห์เล่าว่า วัตถุดิบหนึ่งในการผลิตเสื้อผ้าของแบรนด์ซึ่งมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศคือผ้าฝ้าย จากประเทศ ”ญี่ปุ่น” และอนาคตอาจนำเข้าจากเกาหลีเพิ่มเติม ส่วนในอดีต บริษัทเคยนำเข้าผ้าคุณภาพสูงจากอิตาลี ประเทศซึ่งทำธุรกิจส่งออกแฟชั่นเป็นหลัก ทว่า เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ค่าเงินบาทในปี 2540 จึงต้องยกเลิกการนำเข้า ด้วยไม่สามารถสู้กับราคาของวัสดุที่แพงมากได้อีกต่อไป

ทิ้งท้าย “จิตสิงห์” ในฐานะดีไซเนอร์ผู้ผ่านภาวะร้อนหนาวของค่าเงินมาตั้งแต่วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง สังเกตว่า ”ทุกครั้งที่เศรษฐกิจแย่ลง งานดีไซน์ก็ตกต่ำลงด้วย มันขายไม่ได้เพราะคนทั่วไปเข้าใจว่า งานออกแบบคือความฟุ่มเฟือย ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่อย่างนั้น”