“โลกร้อน” กำลังทำให้ค่ายน้ำยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเนสท์เล่ เป๊ปซี่ และโค้ก เผชิญกับยอดขายที่อาจลดลง ต้นทุนที่สูงขึ้น และเป็นการบ้านหนักของนักการตลาดว่าจะทำอย่างไรให้คนยังคงซื้อน้ำขวดดื่ม
เพราะโลกร้อน ทำให้คนเริ่มคิดว่าอะไรคือสาเหตุทำให้โลกมีปัญหา แล้วก็พบ ตัวการสำคัญ คือ ”ขวดน้ำพลาสติก” โดยมีสัญญาณว่าคนสนใจปัญหานี้มากขึ้น จากยอดเสิร์ชในกูเกิล คำว่า “Stop using plastic water bottles” มีถึง 2.3 ล้านฮิต
นอกจากนี้เบฟเวอเรจ ไดเจสท์ ยังรายงานว่ายอดขายน้ำดื่มขวดพลาสติก ตามร้านค้าปลีก ไม่รวมจากที่กดจากตู้ และร้านวอล์มาร์ท ในปีนี้เติบโตเพียง 9% จากปีที่แล้วที่โต 16% และยังมีผู้ว่าการรัฐซานฟรานซิสโก “เกวิน นิวซัม” ประกาศห้ามมีขวดน้ำพลาสติกในออฟฟิศของที่ว่าการ และรณรงค์ให้ชาวซานฟรานฯ ดื่มน้ำจากจุดให้บริการน้ำและก๊อกน้ำแทน
มีสถิติพบว่าชาวอเมริกันใช้ขวดน้ำพลาสติกปีละ 38,000 ล้านขวด ถ้าคิดเป็นวัตถุดิบ คือน้ำมันที่นำมาผลิตขวดก็ต้องใช้ถึง 1,500 ล้านบาร์เรล
ส่วนกลยุทธ์ที่ค่ายน้ำดื่มกำลังพยายามเช่น การประกาศว่าใช้วัตถุดิบน้อยลงในการผลิตขวด ทำให้น้ำหนักขวดลดลง เช่น โคคาโคล่า เพิ่งประกาศให้ขวด Dasani หนักแค่ 16 กรัม หรือลดลง 30% เป๊ปซี่ ลดน้ำหนักขวด Aquafina ลง 40% น้ำดื่มเนส์ทเล่ เสนอขวดหนักแค่ 12.5 กรัม จาก 14.5 กรัม นอกเหนือจากที่ต้องลงทุนสร้างโรงงาน เพื่อรีไซเคิลขวด
ขณะเดียวกันเป็นโอกาสทางธุรกิจของ Nalgene ที่เป็นครั้งแรกที่เข้าถึงตลาดได้ด้วยแคมเปญ “ขวดที่นำมาใช้ใหม่” โดยกลยุทธ์ Co brand กับ filterforgood.com รณรงค์ให้ลูกค้าเติมน้ำจากที่บ้าน ด้วยการขายขวด Refill not Landfill ราคา 10 ดอลลาร์ โดยแบ่ง 4 ดอลลาร์ให้กับมูลนิธิบลู แพลนเน็ต รัน
ธุรกิจน้ำดื่มจึงแข่งขันกันดุเดือด และท้าทายไม่ต่างกับภาวะโลกร้อนเวลานี้