พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในรัชกาลที่ ๙ เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ ๔ – ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ปรากฏบันทึกรายละเอียดไว้ ดังนี้
พิธีประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจริญพระพุทธมนต์
วันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เวลา ๑๘.๐๐นาฬิกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเครื่องเต็มยศจอมพลทหารบก ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาจักรีบรมราชวงศ์ เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจริญพระพุทธมนต์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มไหยศูรยพิมาน
เวลา ๑๘.๕๐ นาฬิกา อันเป็นมหามงคลฤกษ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงจุดเทียนทองชนวน ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน เสร็จแล้วถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช จากนั้นสมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปจุดเทียนชัยในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ พระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญมงคลคาถา จุดเทียนชัย ชาวพนักงาน ประโคม ฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ แตร ดุริยางค์
จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนชนวนแก่มหาดเล็ก พร้อมด้วยธูปเงิน เทียนทอง และดอกไม้ ไปบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ คือ
พระมหาเศวตฉัตร ๕ แห่งในพระที่นั่งต่างๆ มีดังนี้
– พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
– พระที่นั่งไพศาลทักษิณ
– พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
– พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
– พระที่นั่งอนันตสมาคม
ปูชนียสถานสำคัญอีก ๑๓ แห่ง ดังนี้
– พระสยามเทวาธิราช ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
– พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเครื่องต้น ที่ห้องภูษามาลา
– เทวสถาน พระอิศวร
– เทวสถาน พระนารายณ์
– เทวสถาน พระคเณศร์
– เทวรูป ณ หอเชือก
– พระหลักเมือง
– พระเสื้อเมือง
– พระกาฬชัยศรี
– พระเพลิง
– พระเจตคุปต์
– เทวรูป ณ หอแก้วพระภูมิ
– เทวรูป ณ ตึกดิน
สมเด็จพระสังฆราชเสด็จกลับไปขึ้นนั่งอาสนะที่เดิม พระศาสนโสภณ (จวน อุฎฐายี) วัดมกุฎกษัตริยาราม อ่านประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จบแล้ว พระสงฆ์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ๓๐ รูป และในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๔๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระครูวามเทพมุนี ประธานพิธีพราหมณ์ ถวายน้ำพระมหาสังข์ พราหมณ์เป่าสังข์ แล้วถวายใบสมิตสำหรับทรงปัดพระองค์ ประกอบด้วย
– ใบมะม่วง ๒๕ ใบ ได้แก่ ภยันตราย
– ใบทอง ๓๒ ใบ ได้แก่ อุปัทวันตราย
– ใบตะขบ ๕๖ ใบ ได้แก่ โรคันตราย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับใบสมิตมาทรงปัดพระองค์ เสร็จแล้ว พระราชครูวามเทพมุนี รับพระราชทานกลับไป กระทำพิธีศาสตร์ปุณยา ชุบโหมเพลิง ณ ที่ทำพิธีพราหมณ์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนพระมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ ธูปเทียนบูชา พระสยามเทวาธิราช พระแท่นอัฐทิศ และพระที่นั่งภัทรบิฐ
เจ้าพนักงานสังฆการี นิมนต์ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ชั้นพระราชาคณะ จำนวน ๕ รูป ขึ้นนั่งยังอาสนะบนพระแท่นบรรทมในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นยังห้องพระบรรทม พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการพระรัตนตรัย เสร็จแล้ว ประทับพระราชอาสน์ ณ ห้องกลาง ทรงพระมหามงคล พระสงฆ์ ๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียรจบแล้ว ทรงเปลื้องพระมหามงคล พระสงฆ์ถวายบังคมลา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับไปประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ จากนั้นเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนบูชาธรรมที่พระแท่นสวดภาณวาร พระราชาคณะ นั่งปรก และสวดภาณวารต่อไปตลอดคืน เสด็จพระราชดำเนินกลับ
วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
เวลา ๙.๓๐ นาฬิกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องแบบเต็มยศจอมพลทหารบก ทรงสวมสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินเข้าพระที่นั่งอมรินทวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนนมัสการพระพุทธพรรณีและพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
เวลา ๙.๕๕ นาฬิกา โหรบูชาพระฤกษ์ที่ศาลจตุโลกบาลทั้ง 4 และศาลพระอินทร์ที่มณฑปพระกระยาสนาน
เวลา ๑๐.๑๕ นาฬิกา เป็นปฐมฤกษ์ พระครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูล เชิญเสด็จไปสู่
มณฑปพระกระยาสนาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเศวตพัสตร์ ทรงสพักขาวขลิบทอง เสด็จออกจากหอพระสุลาลัยพิมาน ทางพระทวาร พระที่นั่งไพศาลทักษิณ โดยริ้วกระบวน ไปยังหน้าโต๊ะสังเวยเทวดากลางหาว เสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนาน ประทับเหนืออุทุมพรราชอาสน์ แปรพระพักตร์สู่มงคลทิศบูรพา ทรงเหยียบใบไม้อ้อ หม่อมเจ้าพร้อม ลดาวัลย์ เชิญพระชัยนวโลหะประดิษฐานบุษบกทิศตะวันออก พราหมณ์สมจิตต์ รังสิพราหมณกุล เชิญพระคเณศประดิษฐาน ณ บุษบกทิศตะวันตก
เวลา ๑๑.๒๐ นาฬิกา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงรับการสรงพระมูรธาภิเษกจากสหัสธารา พระสงฆ์ในมณฑลพระราชพิธี เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร มโหระทึก และเครื่องดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศ ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลง เพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ ยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติ ๒๑ นัด
จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระราชครูวามเทพมุนี (สวาสดิ์ พราหมณกุล) ทำหน้าที่พระมหาราชครู กราบบังคมทูลถวายชัยมงคล ด้วยภาษามคธ และภาษาไทย แล้ว น้อมเกล้าฯ ถวาย พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับ ณ พระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้ พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระราชครูวามเทพมุนี ร่ายเวทย์ สรรเสริญศิวาลัยไกรลาส จบแล้ว กราบบังคมทูลถวาย เครื่องราชกกุธภัณฑ์ เป็นภาษามคธ แล้วทูลเกล้าฯ ถวาย พระสุพรรณบัฎ จารึกพระปรมาภิไธย “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร”
เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์แล้ว พระราชครูวามเทพมุนีกราบบังคมทูลถวายชัยมงคลด้วยภาษามคธและภาษาไทย จากนั้นจึงมี พระปฐมบรมราชโองการ พระราชทานอารักขาแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งหลายว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
พระราชครูวามเทพมุนี รับสนองพระปฐมบรมราชโองการ แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก ตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ปกครองราชอาณาจักรไทยโดยทศพิธราชธรรมจรรยา ดังพระปฐมบรมราชโองการ ที่พระราชทานไว้ ทุกประการ
วันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร
เวลา ๑๙.๕๔ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงประทับแรม ในพระบรมมหาราชวัง รุ่งเช้า จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
วันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ เสด็จออกสีหบัญชร
เวลา ๑๖.๐๐ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จออกยังท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะทูตานุทูตและกงสุลต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายชัยมงคล
ต่อมาเวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลและสมาคมต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายชัยมงคล ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกสีหบัญชร พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลถวายชัยมงคล ในนามพสกนิกรชาวไทย ทั่วพระราชอาณาจักร



