พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวชเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๙ ก่อนหน้าที่จะทรงพระผนวช ทรงมีพระราชดำริว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติที่ประชาชนส่วนใหญ่ของพระองค์เลื่อมใส เมื่อทรงคุ้นเคยกับหลักการและแนวทางปฏิบัติของพุทธศาสนิกชน ก็ทรงมีพระราชศรัทธายิ่งขึ้น ด้วยทรงประจักษ์แก่พระราชหฤทัยว่า พระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นประกอบไปด้วยเหตุผลและสัจธรรม
ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระราชดำริที่จะเสด็จออกผนวชต่อพระบรมวงศานุวงศ์และทูตานุทูตที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ โดยมีพระราชดำรัสในกาลครั้งนั้นว่า
“ข้าพเจ้ามีความยินดีที่พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ตลอดจนคณะทูตานุทูตต่างประเทศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และบรรดาข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน ได้มาร่วมชุมนุมกันในมหาสมาคมนี้ จึงขอแถลงดำริที่จะบรรพชา อุปสมบทในพระศาสนาให้ทราบ”
หมายกำหนดการวันทรงพระผนวช
วันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ เป็นวันพระราชพิธีทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง มีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ สมเด็จพระวนรัตน์ (ปลด กิตฺติโสภโณ) วัดเบญจมบพิตร เป็นพระอนุศาสนาจารย์ และพระศาสนโสภณ (จวน อุฎฺฐายี) วัดมกุฎกษัตริยาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระสงฆ์นั่งหัตถบาส รวม ๓๐ รูป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับผ้าไตรจากสมเด็จพระราชชนนี แล้วทรงอุ้มไตรคุกพระชานุอยู่ตรงหน้าพระราชอุปัชฌาย์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าถวายโอวาทแล้วถวายพระสมณฉายานามว่า “ภูมิพโล” ภิกขุ
พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประเคนผ้าไตรและย่ามแด่สมเด็จพระสังฆราชเจ้าและพระสงฆ์ในสังฆสมาคมนั้นทั้งหมดรวม ๓๐ รูป แล้วเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระแท่นท้ายอาสน์สงฆ์ ทรงรับสมณบริขารและเครื่องสักการะจากพระบรมวงศานุวงศ์และผู้มีเกียรติทั้งปวง เสร็จแล้วพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร ถวายอนุโมทนา ทรงกรวดน้ำกวายอดิเรก ออกจากพระอุโบสถ
เมื่อเสร็จพระราชพิธีทรงพระผนวชในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้ว พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสู่พระพุทธรัตนสถานในพระบรมมหาราชวัง ทรงประกอบพระราชพิธีตามราชประเพณีแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระผนวช มีพระเถระฝ่ายธรรมยุตนั่งหัตถบาส ๑๕ รูป เมื่อเสด็จพระราชพิธีแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระสังฆราช พระราชอุปัธยาจารย์ สู่วัดบวรนิเวศวิหาร ประทับ ณ พระตำหนักทรงพรตเป็นเวลา ๑๕ วัน
พระตำหนักทรงพรต เป็นพระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ ทรงประทับเมื่อครั้งทรงพระผนวช ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อคงสภาพไว้สืบต่อไป
ระหว่างเสด็จพระราชดำเนิน ประชาชนจำนวนมากได้พากันมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนิน ทั้งเส้นทางมาพระบรมมหาราชวัง และเส้นทางไปสู่วัดบวรนิเวศวิหาร ทุกคนได้แสดงออกซึ่งความปีติโสมนัสอนุโมทนาชื่นชมในพระบุญญาธิการอย่างเห็นได้ชัดเจน
ตลอดเวลาที่ทรงดำรงอยู่ในเพศบรรพชิต ทรงบำเพ็ญพระราชจริยาวัตรเยี่ยงภิกษุทั้งหลายทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการเสด็จออกรับบิณฑบาตจากชาวบ้าน หรือปฏิบัติสังฆกิจอันเป็นกิจต่างๆ ของสงฆ์ และทรงปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เคร่งครัด และครบถ้วนสมบูรณ์
ไม่เพียงเมื่อครั้งทรงพระผนวช แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พสกนิกรชาวไทยผู้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ ได้รู้ ได้เห็น และได้เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีอันเป็นเหตุการณ์สำคัญของชาติที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาและศาสนาต่างๆ หลายครั้งหลายคราว ซึ่งนับเป็นบุญของชาวไทยเป็นล้นพันที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยอยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์



