3 สินค้าหัวหอกของ LG

นอกจากแอลจี จัดงานแถลงข่าว เปิดตัว “เฮียน วู ลี” “กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ชาวเกาหลี ประจำประเทศไทย ที่มีประสบการณ์ทำตลาดด้านสินค้า Digital Displays ประเทศสิงคโปร์ เอ็มดีคนใหม่ก็ได้ใช้โอกาสนี้ ประกาศนโยบายนำทัพแอลจี มุ่งเน้นสินค้า 3 ประเภท โทรศัพท์มือถือ จอแอลซีดีทีวี และเครื่องปรับอากาศ ในเชิงพาณิชย์ เป็นหัวหอกในการทำตลาด

งานวันนั้น เอ็มดีคนใหม่จะให้รายละเอียดด้านเครื่องปรับอากาศมากเป็นพิเศษ เนื่องจากได้เปิดตัวแอร์รุ่นใหม่ล่าสุด LG ART COOL Inverter ที่มีระบบประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ให้น้อยหน้าคู่แข่งอย่างพานาโซนิคที่ชิงเปิดตัวแอร์และตู้เย็น “กรีน” แซงหน้าไปหมาดๆ

ส่วนเครื่องปรับอากาศในเชิงพาณิชย์เป็นตลาดใหม่ที่แอลจีมองเห็นโอกาส หลังจากพบว่าแอร์บ้าน (Room Air-Conditioner) ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวไม่มาก แถมการทำรายได้จากตลาดต่างประเทศก็หดหายด้วยภาวะเงินบาทแข็งค่า

ตลาดแอร์พาณิชย์ (Commercial Air-Conditioner : CAC) ยังเป็นใหม่มากสำหรับ LG เพิ่งทำตลาดเมื่อปี 2549 มีส่วนแบ่งเพียง 1 – 2 % แต่แอลจีมองว่าโอกาสเติบโตยังมีมาก

เมื่อเห็นโอกาสอยู่ไม่ไกล แอลจีจึงนำผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแม่ 5 คน พร้อมกับจ้างวิศวกรผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 40 กว่าคนมาเสริมทีม เพื่อรองรับการบุกตลาดแอร์พาณิชย์โดยเฉพาะ โดยมีลูกค้าเป้าหมาย อสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในเมืองระดับ “พรีเมี่ยม/ทำเลดี” และรีสอร์ต ยังคงเติบโตต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ซึ่งLG มองว่าไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ยังมองไกลไปถึงการส่งออกในประเทศกลุ่มอาฟต้า เนื่องด้วยเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้กำลังเติบโต

ขณะเดียวกันก็เสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวสินค้าแอร์บ้านเพิ่มขึ้นก่อนเตรียมตัวออกสื่อโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่ในไม่ช้า โดยแบ่ง Segment ตลาดชัดเจนว่าเป็นกลุ่มพรีเมียมและกลุ่มฉลาดซื้อ (รายละเอียดในตาราง) ด้วยรุ่นใหม่ล่าสุด LG ART COOL Inverter ที่มีระบบ Inverter ประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ให้น้อยหน้าคู่แข่งอย่างพานาโซนิคที่เพิ่งชิงเปิดตัวสินค้ากรีนแซงหน้าไปหมาดๆ

Position : แอร์ระดับพรีเมียม มีดีไซน์และเทคโนโลยี
Target :
แอร์พาณิชย์ – คอนโดในเมืองทำเลดีและรีสอร์ตทั่วไป
แอร์บ้าน – 1) กลุ่มพรีเมียมที่รักดีไซน์และเทคโนโลยี 2) กลุ่มฉลาดซื้อ ช่างเลือกชอบความคุ้มค่า
Market Analysis : ตลาดแอร์บ้านมีแนวโน้มเปลี่ยนไปสู่แอร์ประหยัดไฟและรักษาสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ส่วนตลาด CAC ขึ้นกับการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มี 4 แบรนด์เจ้าตลาด CAC คือ Carrier, Trane, York และ Daikin ครองส่วนแบ่งรวมกัน 80%
Product Analysis : เน้นดีไซน์ เช่น สี LCD Display มีทางเลือกผลิตภัณฑ์แบ่งเป็นรุ่น เช่น Jet Cool สำหรับลูกค้าเน้นความคุ้มค่าซึ่งเป็นยอดขายหลัก (70%), Art Cool เพื่อคนชอบดีไซน์และเทคโนโลยี (ยอดขาย 15%) และ Neo Plasma สำหรับคนช่างเลือก (ยอดขาย 15%) ทว่ายอดขายในอนาคตจะเปลี่ยนถ่ายไปสู่ Art Cool และ Neo Plama อย่างละ 25 % ซึ่งขณะนี้ส่วนแบ่งตลาดแอร์บ้านอยู่ในอันดับ 3 ตามหลังมิตซูบิชิ และพานาโซนิค ส่วน CAC เน้นทำตลาดคอนโดทำเลดี หลังจากเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วกับ Millennium Condo และ Le Raffine Condomenium ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว