เขตหวงห้ามของสตาร์บัคส์

ท่ามกลางการขยายตัวอย่างรวดเร็วของคู่แข่ง ทั้งแมค คาเฟ่ และทรู คอฟฟี่ โดยเฉพาะรายหลังที่ มีเป้าหมาย 100 สาขาภายในสิ้นปีนี้ หรือเติบโตกว่า 3 เท่า ด้วยระบบแฟรนไชส์ เรียกว่าหายใจรดต้นคอสตาร์บัคส์เลยทีเดียว

สตาร์บัคส์ จึงต้องเดินหน้า เปิดสาขาใหม่เดือนละ 2 สาขา หรือปีละ 24 สาขา จากปัจจุบันที่มี 113 สาขา (สิ้นปี 2550 มี 112 เปิดอีก 1 สาขาล่าสุดเมื่อต้นปี 2251) จะเพิ่มเป็นประมาณ 136 สาขาในสิ้นปีนี้

สุมนพินทุ์ โชติกะพุกณะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่า สิ่งสำคัญที่สตาร์บัคส์แตกต่างจากคู่แข่ง คือ จำนวนสาขาต่อโลเกชั่น โดยจะเน้นโลเกชั่นในแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ

โลเกชั่นที่มีศักยภาพสูงโดยเฉพาะในแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ เช่น สยามพารากอน มีสตาร์บัคส์ถึง 4 สาขา เช่นเดียวกับเซ็นทรัล เวิลด์ ขณะที่เมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่และภูเก็ตมีจังหวัดละ 5 สาขา เป็นต้น

การกระจุกตัวของสาขาในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทำให้สิ่งหนึ่งที่สตาร์บัคส์ได้ประโยชน์ชัดเจนนอกเหนือจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และยอดขาย ก็คือ การลดต้นทุนด้านการขนส่ง นั่นเอง

แต่สิ่งที่สตาร์บัคส์ทำมากกว่านั้น คือ การสื่อให้ผู้บริโภคถึงการเป็น STARBUCKS Passion ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้

กรณีการจัดโรดโชว์ Meet the Masters ของบรรดา Coffee Masters เพื่อแนะนำกาแฟจากทั่วโลกเป็นครั้งแรกในไทย ใน 52 สาขาทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ว่า Behind the premium price นั้นคือ Premium Experience เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ว่านี้

แคมเปญนี้คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก Loyalty Consumer ของสตาร์บัคส์ ขณะที่ทรู คอฟฟี่ ชูจุดขายใหม่ที่เชื่อว่าไม่ซ้ำใครกับ “ฟิลเตอร์ คอฟฟี่”

ภายใต้สภาวะเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสตาร์บัคส์ สหรัฐฯ กับการกกลับมาดำรงตำแหน่ง CEO อีกครั้งของ Howard Schultz เมื่อมกราคมที่ผ่านมา มีความหมายเป็นอย่างยิ่งในการที่จะกู้ภาพลักษณ์และศักยภาพที่แท้จริงของสตาร์บัคส์ให้กลับคืนมา หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอยู่ในภาวะถดถอย

สตาร์บัคส์ สหรัฐฯ ได้ตระหนักในที่สุดแล้วว่า “ปริมาณ” กับ “คุณภาพ” ก็มักจะไม่ได้เดินไปทิศทางเดียวกันเสมอไป

การประกาศปิดร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วสหรัฐฯ 3 ชั่วโมง (17.00-20.00 น.) เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อจัดระบบเทรนนิ่งพนักงานใหม่ เป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่น่าจับตา

ต้องรอดูกันว่า ผู้บริหารชั้นเซียนอย่าง Howard Schultz ผู้รู้จักสตาร์บัคส์ทุกแง่มุมจะขับเคลื่อนสตาร์บัคส์ไปในทิศทางใด เช่นเดียวกับการติดตามผลงานของฟีลิกซ์ ไมเคิล กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยล่าสุด ซึ่งรับตำแหน่งมาเกือบครึ่งปี

www.starbucks.co.th

Did you know?

สตาร์บัคส์เผยผลสำรวจพบว่า อัตราการบริโภคกาแฟผ่านช่องทางร้านกาแฟของคนไทยจากเดิม 4 แก้วต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเป็น 6 แก้วต่อสัปดาห์ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 8 แก้วต่อสัปดาห์ภายใน 3-5 ปี