ซื้อกาแฟ ได้พรินเตอร์

ใครๆ ก็ขายพรินเตอร์ตามร้านค้าได้ แต่ถ้ารุกตลาดด้วยการขยายช่องทางใหม่เข้าถึงลูกค้าตามร้านกาแฟ นาทีนี้มีแต่เอชพีเท่านั้นที่จับมือ “บ้านใร่กาแฟ” เป็นพันธมิตร

หลังจากประกาศรุกตลาดสิ่งพิมพ์อย่างเข้มข้นด้วยกลยุทธ์ Print 2.0 และปั้นแคมเปญสากล “What do you have to say?” (“มีอะไรอีก…ที่คุณต้องการ”) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ประเทศไทยใช้ “บ้านใร่กาแฟ” เป็นตัวอย่างของความสำเร็จของ SME ในการพิมพ์แบบดิจิตอล ในการโปรโมตผลิตภัณฑ์กลุ่ม OfficeJet ของเอชพีที่รองรับการใช้งานของตลาดกลุ่มนี้ เพื่อสร้างแรงหนุนให้ใช้โซลูชั่นการพิมพ์แบบดิจิตอลให้แพร่หลายยิ่งขึ้น

เหตุผลในการเลือก “บ้านใร่กาแฟ” ในฐานะ “โมเดลแห่งความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจ SME” เคียงคู่ผลิตภัณฑ์กลุ่ม OfficeJet ก็เพราะ “บ้านไร่กาแฟ” เป็นลูกค้าของเอชพีมาเนิ่นนาน ผลิตสิ่งพิมพ์ของตัวเอง (In-house Production) เพื่อส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ของธุรกิจ ซึ่งสอดรับแนวทางทำตลาด SME ของเอชพีในการเป็น “ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ” พอดิบพอดี

การจับมือเป็นพันธมิตรกับ “บ้านใร่กาแฟ” ยังเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ให้กับธุรกิจสิ่งพิมพ์ของเอชพีในแง่ Geographic expansion ช่วยขยายโอกาสขายสินค้า โปรโมตแบรนด์ และขยายฐานลูกค้าของเอชพีในเซ็กเมนต์ใหม่ๆ ไปตามสาขาของ “บ้านใร่กาแฟ” ซึ่งนอกจากเสิร์ฟความต้องการกลุ่ม SME ยังช่วยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าไปยังผู้บริโภคที่เป็นคอนซูเมอร์ทั่วไปด้วย ถือเป็นการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว ดังนั้น ลูกค้าโดยเฉลี่ยเดือนละ 200,000 คนของ “บ้านใร่กาแฟ” ที่สนใจ OfficeJet ของเอชพีสามารถสั่งซื้อหรือแจ้งความจำนงได้ที่ร้านทันที ทั้งนี้ “บ้านใร่กาแฟ” มีสาขาทั้งหมด 74 แห่งตามหัวเมืองใหญ่ใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ

พันธมิตรทั้งสองใช้ Seasonal Marketing เบิกชัยด้วยเทศกาลสงกรานต์ เพราะช่วงเวลานี้มีการหลั่งไหลของผู้คนจำนวนมาก คาดว่าจะมียอดซื้อกาแฟเพิ่มในบ้านใร่อีก 50,000แก้วทำให้เพิ่มโอกาสทางการตลาดพรินเตอร์และโซลูชั่นของเอชพีไปด้วย นอกจากนี้ยัง Co-branding บนแก้วกาแฟ และจัดโปรโมชั่นการขายร่วมกัน เช่น ซื้อกาแฟบ้านใร่รับสิทธิ์พิเศษซื้อเครื่องพิมพ์ HP OfficeJet ในราคาพิเศษทันที เป็นต้น

สำหรับ “บ้านใร่กาแฟ” หลังจากที่สาขาต้องหดหายจาก 110 แห่งลดเหลือ 74 สาขา เนื่องจากปัญหาการทำตลาดและภาวะเศรษฐกิจในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา การจับมือกับเอชพีถือว่า “คุ้มแสนคุ้ม” เพราะเป็นโอกาส “คืนสังเวียน” โปรโมตคู่กับแบรนด์สากล ทั้งยังสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ เช่นการบริการ 24 ชั่วโมงด้านอินเทอร์เน็ต พิมพ์งาน ถ่ายเอกสาร ฯลฯ โดยใช้ OfficeJet ของเอชพี ณ สาขาเอกมัย ซึ่งเป็นสาขาที่สร้างรายได้และเชิดชูภาพลักษณ์ของ “บ้านใร่กาแฟ“ ในใจนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีการเติบโตสูงสุดในขณะนี้

Did you know?
ปีที่แล้วตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟในไทยเติบโตประมาณ 10% ขณะที่ช่วง 2-3 ปีก่อนเติบโต 15 – 20%