เรื่องของนวลพรรณกับบิ๊กอินโดฯ

หลังจากเป็นข่าวมานานว่าวรรณมานี กรุ๊ป ของนวลพรรณ ล่ำซำ ตระเวณขายทอดกิจการธุรกิจที่ดำเนินการมาเพียง 6 ปีเศษ นวลพรรณยืนยันว่าไม่ใช่เพราะผลประกอบการย่ำแย่ เพราะมีรายได้ปีละกว่า 400 ล้านบาท แต่เป็นเพราะเธอต้องโฟกัสในธุรกิจ “เมืองไทยประกันชีวิต” ซึ่งกำลังเติบโตสูง แต่ยังคงดูแล Hermes แบรนด์รักสุดหวงที่นำเข้าในนามส่วนตัวต่อไป

“ดิฉันจำเป็นต้องดูแลธุรกิจครอบครัวเป็นหลัก ขณะเดียวกันยังคงสานต่อแบรนด์ Hermes ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวในนาม บริษัท ซังออนอเร่ (กรุงเทพ) ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายมานานร่วม 10 ปี”

สุดท้ายหวยออกที่ “พารา กรุ๊ป” กลุ่มทุนบิ๊กเบิ้มจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็น Diversify Company ที่คล้ายคลึงกับไมเนอร์ กรุ๊ป แต่มีขนาดใหญ่กว่า ก็ได้เข้าซื้อกิจการนี้เรียบร้อยแล้ว และถือเป็นการลงทุนทำธุรกิจในไทยเป็นครั้งแรก

วรรณมานี กรุ๊ป เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายแบรนด์เนมจากต่างประเทศ (Sole Distributor) จำนวน 5 แบรนด์ 7 ช็อปคือ Giogio Armani, Emporio Armani, Tod’s,Cloe และ Canali ขณะที่พารา กรุ๊ป ซึ่งก่อตั้งเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีธุรกิจแฟชั่นเป็น 1 ในหลายสิบธุรกิจ ดูแลแบรนด์เนมกว่า 12 แบรนด์ (มี 2 แบรนด์ที่เหมือนกับวรรมาณี) คือPrada, MiuMiu, Tod’s, Aigner, Brioni, Celio, Hugo Boss, Francesco Biasia, Jimmy Choo, Canali และ Mango

บริษัทใหม่ใช้ชื่อว่า Trans Fashion (Thailand) โดย Raj Kaul Chief Executive บอกว่า ได้เชิญนวลพรรณเป็นประธานกิตติมศักดิ์ แต่ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจของแต่ละแบรนด์จะมีการทบทวนใหม่ และเตรียมนำเข้าแบรนด์เนมมาเสริมทัพอีกอย่างแน่นอน พร้อมหยอดคำหวานว่า จิตวิญญาณ วัฒนธรรมองค์กรของวรรณมานีจะยังคงอยู่

อย่างไรก็ตาม การดีลธุรกิจครั้งนี้ของนวลพรรณกับพารา กรุ๊ป อาจเป็นเพียงปฐมบทเพราะพารา กรุ๊ป มีธุรกิจประกันชีวิต Mega Life และประกันภัย Mega Insurance ที่เข็มแข็งในอินโดนีเซีย ในมุมของเมืองไทยประกันชีวิตซึ่งนวลพรรณเป็นทั้งทายาทและกรรมการผู้จัดการนั้น การมองถึงโอกาสของการร่วมทุนในอนาคตเป็นสิ่งที่พึงทำ

ขณะที่พารา กรุ๊ป เริ่มสยายปีกไปยังต่างแดนโดยโฟกัสในเอเชียเป็นหลัก เน้นรูปแบบของการร่วมทุนกับพันธมิตรหรือซื้อกิจการ ทั้งในไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่ง Raj บอกว่าต้องเป็น Emerging Country เท่านั้น

บรรยากาศงานแถลงข่าวเป็นไปอย่างเรียบง่าย กระชับ ทว่าเต็มไปด้วยตัวแทนสำคัญของทั้ง 2 ฝ่าย ประหนึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นว่า “ดีลนี้แค่น้ำจิ้ม” เท่านั้น

Did you know?
Chairul Tanjung วัย 45 ปี เป็นเศรษฐีอันดับที่ 15 ของอินโดนีเซีย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 565 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายทั้งประกันชีวิต ประกันภัย การเงิน สถานีโทรทัศน์ บริษัททัวร์ ร้านกาแฟ ไอศกรีม แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ อสังหาริมทรัพย์ (ศูนย์การค้าและรีสอร์ต)