ศึกรังนก สก๊อต-แบรนด์ ชนะเพราะหล่อกว่า เอ๊าะกว่า

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำตลาดอาหารเสริม แต่ถ้าเป็นตลาดเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูป ค่ายอินเตอร์อย่างแบรนด์ กลับต้องพ่ายทางให้กับแบรนด์คนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่าง “สก๊อต” ซึ่งพร้อมที่จะฉีกแนวและสร้างสีสันทางการตลาด ทำให้สก๊อตรังนกกลายเป็นสินค้าที่คนรุ่นใหม่ตอบรับด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์จนดันให้สก๊อตรักษาตำแหน่งเบอร์หนึ่งในตลาดรังนกมาได้อย่างเหนียวแน่น

ความจริงแล้วกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคสำหรับตลาดสินค้าอุปโภค ไม่มีความแตกต่างกันเท่าใดนัก ทั้งสองแบรนด์ต่างก็ใช้กลยุทธ์ Emotional Marketing เป็น Key Massage สื่อสารกับผู้บริโภค หากแต่สิ่งที่ทำให้สก๊อตกลายเป็นเจ้าตลาดได้นั้น อยู่ตรงที่การจับกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ดีกว่า

สก๊อตพยายามแตกเซ็กเมนต์ไปสู่ตลาดเมโทรเซ็กช่วลและกลุ่มวัยรุ่นผู้ชาย ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยใช้ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้งเป็นแกนหลัก

ในขณะที่แบรนด์เลือกใช้ Emotional Marketing ที่เน้นตลาดผู้หญิง ซึ่งเป็นนักช้อปปิ้งหรือคนมีอำนาจซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพ รักสุขภาพที่รักและห่วงใยคนรอบข้าง โดยเริ่มต้นจากแคมเปญ “เติมเต็มคุณค่าแห่งรัก” โดยมี แพ็ท-สุธาสินี พุทธินันท์ เป็น BRAND’S Love Ambassador ก่อนจะขยายเซ็กเมนต์และโอกาสสื่อความรักผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์เพียงคนเดียวไปยังคนรอบข้างอย่างแม่ สามี และน้อง

สก๊อต : จุดขายชัดเจาะได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย

สก๊อตเริ่มต้นสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ คือเมโทรเซ็กช่วลด้วยโฆษณาเมื่อปี 2535 หลังจากเริ่มผลิตรังนกได้ 2 ปี เนื้อหาในโฆษณาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านผู้ชายคนหนึ่งที่ติดเกาะอยู่นานปี แต่เขากลับหน้าตาสดใส เพราะว่าดื่มสก๊อตอยู่ทุกวัน ซึ่งกลายเป็นโฆษณาที่วางจุดขายไว้อย่างดี ทำให้คุณสมบัติของรังนกสก๊อตที่กินแล้วหน้าเด็กเป็นที่จดจำตลอดมาถึงปัจจุบัน ส่วนหนึ่งได้แรงส่งจากกระแสโฆษณาที่ถูกสมาคมคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ) ระงับการออกอากาศเพราะมองว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง

แต่นับตั้งแต่นั่นเป็นต้นมา สก๊อตก็ใช้แนวทางนี้สื่อสารมาโดยตลอด โดยแสดงวัตถุประสงค์ชัดเจนในหนังโฆษณา ให้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของสก๊อตรังนกว่าเป็นเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพดีดูอ่อนกว่าวัยตลอดเวลา และตรงกันข้ามหากใครที่ไม่ใส่ใจดูแลตัวเองและปล่อยให้ทรุดโทรมก็จะเป็นผลร้ายต่อหน้าที่การงานหรือชีวิตตัวเอง

โฆษณาเรื่องล่าสุดที่มีเพลงของ จ๊อบ บรรจบ (ดู ดู๊ ดู ดูเธอทำ) เป็นผู้ร้องเพลงประกอบจนกลายเป็นกระแสทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ร้องกันติดปากทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในขณะนี้ ก็ยังคงตอกย้ำภาพลักษณ์เดิมนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

จุดเด่นอีกอย่างที่ไม่เคยขาดในโฆษณาของสก๊อต คือการเลือกใช้นักแสดงต่างชาติ เพื่อสะท้อนความอินเทอร์ผ่านทางโฆษณา ทั้งๆ ที่สินค้านั้นเป็น “ไทยแท้” และนี่คือมุกเด็ดที่สก๊อตใช้จับกลุ่มลูกค้าผู้ชายทันสมัย รักสุขภาพมาตั้งแต่เริ่ม และได้อินไซท์ของผู้บริโภคชาวไทยที่ส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าฝรั่งหรือลูกครึ่งส่วนใหญ่มักจะหน้าตาดี

ที่ถือเป็นหมัดเด็ดที่สอดแทรกอยู่ในหนังโฆษณาที่วางจุดขายไว้แล้วนี้ตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงปัจจุบันก็คือ การที่สก๊อตฝังพฤติกรรมการดื่มสก๊อตเป็นประจำทุกวันผ่านโฆษณาเพื่อกระตุ้นความถี่ในการบริโภคไปพร้อมๆ กับการย้ำจุดขายมาตลอด

ขณะที่คู่แข่งอย่างแบรนด์ ซึ่งถูกวางโพสิชันนิ่งเป็นสินค้าของขวัญสำหรับเทศกาลสำคัญเพิ่งจะปรับเปลี่ยนรูปแบบกระตุ้นความถี่ของการบริโภคในหนังโฆษณาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้เอง แถมยังเป็นการสอดแทรกแบบนุ่มนวลตามบุคลิกของแบรนด์แอมบาสเดอร์ ซึ่งยังทำให้ภาพของสินค้าที่ควรดื่มทุกวันและซื้อดื่มได้เอง ยังคงเป็นภาพของสินค้าที่ซื้อเพื่อให้คนอื่นทานยังคงฝังแน่นอยู่แม้ว่า จะเริ่มเปลี่ยนจากภาพรังนกในกระเช้ามาเป็นขวดแล้วก็ตาม

ขณะเดียวกันสก๊อตก็ไม่ทิ้งกลุ่มเป้าหมาย “ผู้หญิง” ซึ่งกลุ่มผู้หญิงของสก๊อตจะเป็นลุคของหญิงทำงานสมัยใหม่ สก๊อตจึงยึดเวทีประกวดมิสไทยแลนด์ เวิลด์ เป็นอีเวนต์ถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสวยงามมาอย่างต่อเนื่อง

คนทำงานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสก๊อต แต่กลุ่มที่เคยสร้างปัญหาในการเข้าถึงคือผู้บริโภคอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่ง สมโภช ชวาลเวชกุล กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรังนก “สก๊อต” บอกว่า เป็นกลุ่มที่เชื่อยากและมีทางเลือกหลากหลาย การจะทำให้เชื่ออะไรนั้น โดยเฉพาะสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามจะต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้สนับสนุน และต้องโดนใจไปพร้อมๆ กัน
โจทย์นี้เองที่กลายมาเป็นแนวทางที่ทำให้สก๊อตกำหนดไว้ว่า หนังโฆษณาทุกเรื่องที่ออกมาจะต้องได้รับการพูดถึงและมีมุกเด็ดอยู่เสมอ

กลยุทธ์ของสก๊อต

นอกจากสร้างแบรนด์ผ่านโฆษณาและเน้นให้เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในเวลาต่อมาสก๊อตเลือกใช้ Lifestyle Marketing เป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างภาพลักษณ์สก๊อตให้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สนุก ไม่ซีเรียส ด้วยกิจกรรมที่เลือกสรรแล้วว่าสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเสริมเข้าไปอีกในการทำตลาด เพราะปัจจุบันด้วยตัวสินค้าและแนวทางทำตลาดของผู้ประกอบการมักทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าดูซีเรียส จึงไม่สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้

ผู้บริหารสก๊อตมองว่า เทรนด์การทำตลาดยุคใหม่จะต้องจับไลฟ์สไตล์ของคนมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใกล้ชิดกับตราสินค้าซึ่งปัจจุบันมีความภักดีต่อตราสินค้าน้อยลง สืบเนื่องจากสภาพตลาดที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายให้เลือก

กิจกรรมการตลาดเด่นๆ ของสก๊อต เริ่มจากการทุ่มงบการตลาด 10 ล้านบาท จับกิจกรรมการเดินทางท่องเที่ยว เปิดตัวแคมเปญ “สก๊อต ฟลายอิ้ง ฮาย” สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ลอยฟ้าแบบเหมาลำบนสายการบินไทยแอร์เอเชีย ทั้งภายนอกตัวเครื่องและบริเวณภายในเครื่องบิน บริเวณที่เก็บสัมภาระ โต๊ะพับสำหรับวางอาหารทั้งด้านหน้า และด้านหลังกระเป๋าสำหรับวางโบรชัวร์สินค้า รถเข็นบริการอาหาร พร้อมทำสัญญาจัดกิจกรรมบนเครื่องอย่างต่อเนื่อง ทั้งโปรโมชั่น และโฆษณากับตั๋วเครื่องบิน

การใช้กลยุทธ์ Sponsorship Marketing ปี 2005 เป็นปีแรกที่สก๊อตใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท สนับสนุนเวทีประกวดมิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส และการการประกวด Thai Super Model Contest 2007 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ใช้ตอกย้ำภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและรูปร่าง ซึ่งสก๊อตมีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างแบรนด์อิมเมจของสินค้ารังนก สก๊อต ชูการ์ฟรี ให้เกิดขึ้นในกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่และวัยทำงาน อายุระหว่าง 20-30 ปี และต้องการอาศัยภาพลักษณ์ของกลุ่มหญิงสาวที่เข้าประกวดบนเวทีดังกล่าวมาช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้กับสินค้า

ดนตรียังเป็นอีกกิจกรรมที่สก๊อตมองว่า กลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพชื่นชอบ และเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนอกบ้านที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ สก๊อตจึงให้การสนับสนุนคอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องเป็นนักร้องดังจากต่างประเทศเท่านั้นเพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์อินเตอร์ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่ต้น

ภายใต้ธีม Scotch Forever Young Presents… จึงเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตนักร้องดังจากต่างประเทศมากมาย เช่น คลิป ริชาร์ด, นอร่า โจนส์ และเมื่อต้องการกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อยลง คอนเสิร์ตของนักร้องป๊อปร็อก อย่าง มารูน 5 หรือสาวแดนซ์ คริสติน่า อากีเลร่า เป็นความแปลกใหม่ที่คู่แข่งอย่างแบรนด์ไม่เคยทำมาก่อน

ส่วน Seasonal Marketing ของสก๊อตนั่นก็ยังคงตอกย้ำกลุ่มคนรุ่นใหม่ เห็นได้จากเซเลบริตี้ที่สก๊อตเลือกใช้เพื่อเข้าร่วมเทศกาลวันแม่ร่วมทัวร์ไปมัลดีฟส์ก็คือ ขวัญ-อุษามณี ส่วนแคมเปญพิเศษวันวาเลนไทน์ ก็ใช้ โฬม รัชตะ ดาราที่ชนะจากการประกวดนายแบบ มาดึงดูดผู้บริโภค

พัฒนาโปรดักส์กระจายหน้าร้าน

อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพแล้ว เรื่องของสารอาหารก็ยังเป็นเรื่องที่ละทิ้งไม่ได้ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สก๊อตมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคิดค้นสูตรใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น รังนกผสมโสม รังนกผสมโสมเกาหลี รังนกชูการ์ฟรี เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพที่ต่างความต้องการ

ขณะที่ด้านช่องทางการขาย สก๊อต ได้เพิ่มช่องทางการตลาดใหม่ ด้วยการเริ่มเจาะตลาดนอน-เทรด หรือจุดที่ไม่มีหน้าร้าน เช่น โรงพยาบาล โรงแรม และร้านอาหาร เพราะมองว่าเป็นช่องทางที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค สะดวก และหาซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น ในขณะที่แบรนด์ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับช่องทางดังกล่าวเท่าไรนัก แต่เน้นที่การยึดพื้นที่เทรดเป็นหลัก

เฉพาะช่องทางค้าปลีกแบบย่อย จากการสอบถามยอดขายเครื่องดื่มรังนกในร้านเซ่เว่นข้อมูลจากหลายสาขาให้ตรงกันว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ตอบรับกับสก๊อตรังนกมากกว่าแบรนด์ ขณะที่ถ้าเป็นซุปไก่แบรนด์ยอดขายแบรนด์ในเซเว่นก็ทิ้งห่างสก๊อตไปไกลเช่นกัน

แบรนด์รังนก “รัก” ทุกเทศกาล

แบรนด์รังนกจับกลุ่มเป้าหมาย สาวคอนเซอร์เวทีฟ Generation X และY อายุ 25-39 ปี ไลฟ์ สไตล์ชอบอยู่บ้านและดูแลคนรอบข้าง ความจริงแล้วสินค้าของแบรนด์มีความหลากหลาย และมีมูลค่าตราสินค้า (Brand Value) สูงกว่าสก๊อตถ้าเทียบแบรนด์โดยรวม แต่ในทางกลับกันก็เป็นข้อจำกัดเพราะทำให้กิจกรรมการตลาดของแบรนด์รังนก ต้องไปพร้อมกับพี่น้องในค่ายแบรนด์ทั้งหมด

“รูปแบบการตลาดและการบริหารตราสินค้าของเซเรบอส (ประเทศไทย) ทั้ง 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แบรนด์ซุปไก่สกัด แบรนด์เม็ด แบรนด์รังนก และวีต้า แม้จะมีรูปแบบกิจกรรมการตลาด การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่แตกต่างกันตามกลุ่มเป้าหมาย แต่ต้องรักษามูลค่าของแบรนด์ (Brand Equity) ที่ยังต้องรักษาไว้ ในเรื่องของความน่าเชื่อถือ (Trust) ความเป็นกลุ่มครอบครัว (Family) และในฐานะผู้นำตลาด (Leader)” ตุลย์ วงศ์ศุภสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

การแข่งขันในตลาดรังนกของแบรนด์ จึงต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้ด้วยเช่นกัน

แม้ในภาพรวมเมื่อนึกถึงตลาดเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูป คนส่วนใหญ่จะนึกถึงสก๊อตมากกว่า แต่แบรนด์ก็ยืนยันว่า แบรนด์ต่างหากที่เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดเครื่องดื่มรังนก โดยมีส่วนแบ่งอยู่ถึง 60-65% แถมยังตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 70% ในปีนี้อีกด้วย แต่จากการประเมินมูลค่าตลาดรวม แบรนด์คาดว่ามูลค่าตลาดเครื่องดื่มรังนกอยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านบาท ขณะที่สก๊อตประเมินมูลค่าในปีที่ผ่านมาว่ามีถึง 1,600 ล้านบาท

แม้จะยังชี้ขาดไม่ได้ชัดเจนว่าใครกันแน่ที่เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดนี้ แต่สิ่งที่ชัดเจนสำหรับแบรนด์รังนกคือการเลือกใช้ BRAND’S LOVE AMBASSADOR เป็นตัวเดินกลยุทธ์การตลาดตั้งแต่ตลาดเทศกาล จนมาถึงการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันผ่านหนังโฆษณาเรื่องล่าสุด ซึ่งทำไปพร้อมๆ กับการต่อยอดผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ๆ ที่แบรนด์แนะนำสู่ตลาด ล่าสุดได้แก่ แบรนด์รังนกแท้ผสมคอลลาเจน และ นาโน โคคิว 10 ที่ยังคงออกมาภายใต้ธีมรักและห่วงใย

ผลิตภัณฑ์ใหม่กลายเป็นอีกแนวทางที่แตกต่างระหว่างสก๊อตและแบรนด์ เพราะแบรนด์เลือกผสมสูตรใหม่ในรังนก ขณะที่สก๊อตเลือกออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการแตกไลน์เป็นอาหารเสริมชนิดใหม่ ภายใต้ชื่อเครื่องดื่มคอลลาเจน-อี

ตลาดรังนกเป็นของใคร

บทสรุปของตลาดเครื่องดื่มรังนกระหว่างสก๊อตและแบรนด์ จนถึงปัจจุบันทั้ง 2 ค่ายยังคงยืนยันว่า ตัวเองมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด แบรนด์ยืนยันว่าปัจจุบันตัวเองมีส่วนแบ่งในตลาด 60-65% ใกล้เคียงกับฝ่ายสก๊อตซึ่งยืนยันยังมีส่วนแบ่งที่ 55% เช่นกัน โดยมีมูลค่าตลาดรวมต่อปีที่ประเมินไว้ต่างกัน

ย้อนไปเกือบ 10 ปีก่อน ประมาณปี 2543 ตลาดรังนกมีมูลค่าเพียง 600-700 ล้านบาท แต่ผลจากการแข่งขันของทั้งคู่ทำให้ตลาดรังนกเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว

คู่ชิงทั้งสองราย ต่างเดินกันคนละเกม แต่เป็นการตลาดที่เล่นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกด้วยกันทั้งคู่ แบรนด์ยังคงเลือกใช้ประโยชน์ของสินค้าที่มีผลต่อสุขภาพดีมาเป็นจุดขายควบคู่ไปกับอารมณ์รักและห่วงใยระหว่างคนในครอบครัวที่ให้ความรู้สึกแบบค่อยๆ ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ

แต่สก๊อตยังคงตัดสินใจเน้นที่การวางจุดขายที่ถูกวางมาแต่ต้นเรื่องการทานเครื่องดื่มรังนกแล้วช่วยทำให้ดูดีขึ้น เพื่อฉีกอารมณ์ความรู้สึกที่ผู้บริโภคได้เห็นและมีต่อแบรนด์ในมุมที่แตกต่าง และเชื่อว่าความมั่นใจจากจุดแข็งของภาพลักษณ์ที่มีอยู่นี้ จะทำให้สก๊อตเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับตลาดเครื่องดื่มรักนกในไทยไปอีกนาน โดยเฉพาะตราบใดที่โฆษณาของสก๊อตยังคงสร้างกระแสได้ทุกครั้งเช่นที่ผ่านมา

Scotch
Positioning สินค้าเพื่อการดูแลเป็นประจำ
ตัวตนของแบรนด์* แบรนด์ประเภทนักมายากล หมายถึงการเปลี่ยนแปลง การให้อำนาจ และความปีติยินดี มักเป็นการเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เหมาะกับสินค้าที่ต้องการแสดงประสิทธิภาพหลังการใช้ แต่ต้องพิสูจน์ จับต้องได้ไม่คลุมเครือหรือเห็นผลเร็วเหมือนการใช้เวทมนตร์
Target ชาย-หญิง อายุ 25ปีขึ้นไป ชอบสังคม ชอบออกไปข้างนอก อยากดูดี
Strategy Lifestyle Marketing
สปอนเซอร์อีเวนต์ที่นิยม คอนเสิร์ตต่างประเทศ การประกวดต่างๆ ของหนุ่มสาว
รสชาติ/สูตร
รังนกแท้
รังนกแท้ ผสมโสม
รังนกแท้ ผสมโสมเกาหลี
รังนกแท้ สูตรไม่มีน้ำตาล
มูลค่าตลาดรังนก 1,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% สก๊อตบอกว่าตัวเองมีส่วนแบ่งตลาดรังนกปี 2550 เป็นที่ 1 ประมาณ 55%
เป้าหมาย เติบโต 5-10%
เว็บไซต์ www.scotch.co.th
ก่อตั้ง 27 เมษายน 2526 ประเทศไทย เริ่มผลิตรังนกปี 2533

Brand’s
Positioning สินค้าสื่อแทนความห่วงใย
ตัวตนของแบรนด์* แบรนด์ประเภทนักรัก หมายถึงความผูกพันอันซาบซึ้ง การช่วยเหลือ และความหรูหราสง่างาม ส่วนใหญ่ใช้กับแบรนด์ที่ขายสินค้าราคากลางถึงแพง แบรนด์ที่จะสร้างภาพการเป็นคู่รักได้ต้องมีรสนิยมดี
Target หญิง อายุ 25-39 ปี คอนเซอร์เวทีฟ Generation X และY อายุ 25-39 ปี ไลฟ์ สไตล์ชอบอยู่บ้านและดูแลคนรอบข้าง
Strategy Seasonal Marketing
สปอนเซอร์อีเวนต์ที่นิยม ละครเวที
รสชาติ/สูตร ]
รังนกสูตรน้ำตาลกรวด
รังนกสูตรไม่มีน้ำตาล
รังนกผสมคอลลาเจนและนาโนโคคิว10
รังนกผสมโสมสูตรไม่มีน้ำตาล
มูลค่าตลาดรังนก 1,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% แบรนด์ยืนยันว่ามีส่วนแบ่งตลาดรังนก 60% เช่นกัน
เป้าหมาย เติบโต 5-10%
เว็บไซต์ www.brandsworld.co.th
ก่อตั้ง พ.ศ. 2347 ลอนดอน อังกฤษเริ่มผลิตในไทย พ.ศ. 2517 และเริ่มผลิตรังนกปี 2532

*จาก Y&Rchetypes การตรวจค้นตัวตนแบรนด์ของ Y&R

งบการตลาด (หน่วย : บาท)
ปี 2549/ปี 2550/ไตรมาส1/ปี 2551
สก๊อตรังนก 67,658,000/64,797,000/23,009,000
สก๊อตรังนกสปอนเซอร์ชิฟ 2,206,000/3,910,000/908,000
สก๊อตรังนกซูการ์ฟรี 1,717,000/2,485,000/0
สก๊อตรังนกซูการ์ฟรีโปรโมชั่น 0/5,792,000/0
สก๊อตรังนกซูการ์ฟรีสปอนเซอร์ชิฟ 4,106,000/4,624,000/0
รวม 75,687,000/81,608,000/23,917,000

ปี 2549/ปี 2550/ไตรมาส1/ปี 2551
แบรนด์รังนก 149,005,000/119,072,000/38,904,000
แบรนด์รังนกสปอนเซอร์ชิฟ 938,000/929,000/0
แบรนด์รังนกซูการ์ฟรีสปอนเซอร์ชิฟ 61,000/0/0
รวม 150,004,000/120,001,000/38,917,000

Scotch Marketing Activity Timeline
๐ ช่วง Music Marketing โดยนำเสนอในรูปของชื่อ Concert Present by Scotch Forever Young
-ปี 2546 คอนเสิร์ต ฟรานซิส ยิป คลิฟ ริชาร์ด
-ปี 2547 คอนเสิร์ต ดิ อีเกิ้ล การประกวดมิสไทยแลนด์ เวิลด์

๐ ช่วงต่อมาเริ่มเพิ่มการทำ Sponsorship Marketing เนื่องจากสก๊อตมองว่า Music Marketing ไม่สามารสร้างและทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เข้มแข็งได้มากพอ แต่ยังสปอนเซอร์คอนเสิร์ตต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และเน้นแต่คอนเสิร์ตจากต่างประเทศเพื่อให้ผู้บริโภครีมานด์ถึงสก๊อต
-ปี 2548 คอนเสิร์ต นอร่าส์ โจนส์ ไมเคิล บูเบย์ การประกวดมิสไทยแลนด์ เวิลด์

๐ ปลายปี 2548 สก๊อตเริ่มหันมาเน้น Lifestyle Marketing เพราะเชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้สินค้าใกล้ชิดกับผู้บริโภค และเป็นการสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ในตัวสินค้า

-ปี 2549 ใช้งบ 10 ล้านบาท ซื้อโฆษณาบนเครื่องบินไทยแอร์เอเชีย 1 ลำ ระยะเวลา 1 ปี ทั้งด้านนอกและด้านในตัวเครื่อง และทำโปรโมชั่นร่วมกันอย่างต่อเนื่อง การทุ่มโฆษณาครั้งนี้ สก๊อตถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการรุกตลาดเชิงไลฟ์สไตล์อย่างอย่างจริง การเดินทางโดยเครื่องบินถือเป็นไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง และตอกย้ำการมีส่วนแบ่งอันดับหนึ่งในตลาดรังนกที่พร้อมจะเติบโตขึ้นไปอีก

-ปี 2549 ใช้สก๊อตชูการ์ฟรี ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่สำหรับผู้หญิงกลัวอ้วนเข้าสนับสนุนการประกวดมิสไทยแลนด์ เวิลด์, มิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส ล่าสุดกับ SF Cinema ในแคมเปญ SF Movie Big Bonus

-ปี 2550 คอนเสิร์ตคริสติน่า อากีเลร่า การประกวด Thai Super Model Contest 2007 และแคมเปญชิงโชคในเทศกาลวันแม่ ตาม ‘ขวัญ-อุษามณี’ ไป ‘มัลดีฟส์’

-ปี 2551 คอนเสิร์ต มารูน 5 แคมเปญชิงโชคจากรายการกล่องดำ และการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2551

Scotch Product Timeline
27 เมษายน 2526 ก่อตั้งบริษัท
พฤษภาคม 2527 ออกผลิตภัณฑ์ตัวแรก “สก๊อต” ซุปไก่สกัดสูตรต้นตำรับ
มกราคม 2529 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อต” ซุปไก่สกัดผสมถั่งเฉ้า
มิถุนายน 2533 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อต” รังนกแท้
ธันวาคม 2536 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อต” รังนกแท้ผสมโสม
กุมภาพันธ์ 2537 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อต” รังนกแท้ผสมโสมเกาหลี
มิถุนายน 2538 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อต” ซุปไก่สกัดสูตร 100%
เมษายน 2539 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อตคิตซ์” ซุปไก่สกัดสูตรสำหรับเด็ก
ตุลาคม 2545 ออกผลิตภัณฑ์ “ยูเซน” ซุปไก่สกัดกลิ่นช็อกโกแลต และครันช์
ตุลาคม 2546 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อต” รังนกแท้สูตรไม่มีน้ำตาล
พฤษภาคม 2549 ออกผลิตภัณฑ์ “สก๊อต” คอลลาเจน-อี เครื่องดื่มคอลลาเจน

Did you know?
สก๊อตรังนกเคยใช้ ซินดี้ สิรินดา เจนเซ่น เป็นพรีเซ็นเตอร์สำหรับสก๊อตรังนก สูตรซูการ์ฟรี แต่ก็ไม่เป็นที่จดจำจนดูเหมือนว่าการใช้พรีเซ็นเตอร์จะไม่ใช่ทางของสก๊อตซึ่งตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่างแบรนด์