หากเอ่ยชื่อ Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวสารในแวดวงเทคโนโลยี หรือผู้ที่เป็นคอหนังคงรู้จักกันดี แต่หากไม่ใช่ นาทีนี้คุณอาจต้องหันมาทำความรู้จักกันสักหน่อยแล้ว เพราะ Netflix กำลังก้าวขึ้นมามีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกามากขึ้นทุกที โดยวัดจากสถิติการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ที่พบว่า แซงหน้าการใช้เวลาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงไปอย่างขาดลอย
จากสถิติของบริษัทที่ปรึกษา Deloitte พบว่า ผู้บริโภคอเมริกันถึง 70 เปอร์เซ็นต์ตอนนี้เข้าขั้น “Binge-watch TV” หรือก็คือ รับชมรายการทีวีมากเกินไป โดยพฤติกรรมการรับชมนั้นจะชมแบบต่อเนื่อง ถ้าไม่จบก็จะดูต่อไปเรื่อยๆ และบริการของ Netflix ก็เอื้ออย่างมากต่อการรับชมในรูปแบบดังกล่าว
ด้านข้อมูลการสตรีมมิ่งจาก CordCutting.com พบว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลูกค้าของ Netflix ทำการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ไปรับชม 125 ล้านชั่วโมงต่อวัน โดยในเดือนดังกล่าว Netflix มียอดผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 75 ล้านคน ทำให้เมื่อคำนวณแล้ว ค่าเฉลี่ยในการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ต่อผู้ใช้บริการ 1 คนใน 1 วัน จึงตกอยู่ที่คนละ 100 นาที
แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ สถิติจากสำนักงานแรงงาน (The Bureau of Labor) ของสหรัฐอเมริกาที่เก็บข้อมูลการใช้เวลาของชาวอเมริกันพบว่า ชาวอเมริกันใช้เวลาเพียง 38 นาทีต่อวันไปกับการเข้าสังคม การพักผ่อนหย่อนใจ และการออกกำลังกายเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าการใช้เวลารับชมรายการของ Netflix ค่อนข้างมากทีเดียว ตัวเลขนี้ทำให้เห็นถึงพฤติกรรมบางอย่างของคนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลต่อไลฟ์สไตล์โดยรวมได้อย่างดีนั่นเอง
สำหรับ Netflix ในฐานะผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งอันดับ 1 ของสหรัฐฯ เฉพาะแค่ยอดสมาชิกแบบเสียค่าบริการรายเดือนของ Netflix ก็แซงหน้าผู้ใช้บริการเคเบิลทีวีอย่าง เอชบีโอ (HBO) ไปอย่างสวยงาม ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2013 แล้ว ทั้งหมดนี้ทำให้ Netflix มีดีกรีเป็นผู้ให้บริการวิดีโอออนไลน์ที่มีผู้ชมแบบจ่ายค่าบริการมากที่สุดอันดับ 1 ในสหรัฐฯ ในขณะนี้นั่นเอง
สำหรับประเทศไทย Netflix เริ่มเปิดให้บริการในไทยวันแรกเมื่อ 6 มกราคม 2016 ซึ่งเพียง 1 วัน แอปพลิเคชัน Netflix กลายเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันยอดนิยมของผู้ใช้ไอโฟน และแอนดรอยด์ ไล่ตามแอปพลิเคชันจากบริการอย่างไอฟลิกซ์ (iflix) และไพรม์ไทม์ (PrimeTime) ที่ให้บริการในไทยมาก่อนหน้านี้แบบหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว
ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049074