น้องสุดท้องแห่งวงการน้ำดำในประเทศไทยอย่าง “เอส” ที่ในปีนี้ครบรอบ 3 ปีในการทำตลาด ซึ่งถือว่าในช่วงนี้เป็นช่วงตั้งไข่ที่เอสกำลังค้นหาตัวตน และคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ให้ชัดเจนอยู่ เพื่อต่อสู้กับอินเตอร์แบรนด์ในตลาดให้ได้ โดยที่ผ่านมาได้ลองมาทุกรูปแบบทั้งโปรโมชั่น พรีเซ็นเตอร์ และการสนับสนุนงานอีเวนต์ต่างๆ เพื่อการสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค
รวมถึงการเป็นผู้สนับสนุนกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ที่เอสได้สนับสนุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2558 เป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว ประจวบเหมาะกับกระแสวอลเลย์บอลฟีเวอร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพอดิบพอดี ทำให้เอสหมายมั่นปั่นมือในการจับกระแสวอลเลย์บอลเพื่อต่อยอดในการสร้างแบรนด์
แต่จริงๆ แล้วทางเสริมสุขเองได้สนับสนุนกีฬาวอลเลย์บอลมามากกว่า 30 ปีแล้ว มีการสนับสนุนการแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนอายุ 16 ปี รวมถึงการสนับสนุนทั้งสมาคมวอลเลย์บอล แต่ในช่วงหนึ่งที่เกิดการเปลี่ยนผ่านของเสริมสุขที่ได้แยกทางกับเป๊ปซี่ ได้ให้แบรนด์ช้างเป็นผู้สนับสนุนแทน หลังจากนั้นในปี 2558 ก็กลับมาสนับสนุนอีกรอบ จะมีการแยกชัดเจนโดยที่ช้างจะสนับสนุนกีฬาฟุตบอลเป็นหลัก
หลังจากที่มีกระแสวอลเลย์บอลฟีเวอร์ในช่วงที่ผ่านมานั้น จึงเป็นตัวจุดประกายให้เอสรีบคว้ากระแสนั้นในทันที โดยใช้กลยุทธ์ Happening ในการต่อยอดปรากฏการณ์ เปิดแคมเปญ “เอส เชียร์ไทยสุดซี้ด“ ในการเชียร์สู้ศึก Volleyball World Grand Prix 2016 ที่มีกำหนดแข่งที่ไทยในเดือนกรกฎาคมนี้ ใช้งบลงทุน 50 ล้านบาท
เอสได้มองว่าจากกระแสนี้สามารถต่อยอดในการสร้างแบรนด์ได้ ด้วยการวาง Identity ของแบรนด์ว่าเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ในการทำสิ่งต่างๆ ให้ทำอะไรเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลต่อการเป็นแบรนด์เลิฟในใจผู้บริโภคในอนาคต โดยที่เป็นโจทย์หลักของเอสมาโดยตลอดในการที่จะเป็นแบรนด์เลิฟ
วิเวก ชาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า “กีฬาวอลเลย์บอล เป็นกีฬาที่มีความใกล้ชิดและเป็นที่ความนิยมของคนไทยทุกเพศทุกวัย โดยในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นปรากฏการณ์ที่ดี เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย เอสจึงต่อยอดด้วยการนำกลยุทธ์ Happening จับกระแสวอลเลย์บอล มาสร้างจุดยืนที่แตกต่างให้กับแบรนด์ มาใช้ในแคมเปญการสื่อสารเพื่อร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ไทยเชียร์ไทย”
ในขณะที่ เจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งทำให้แบรนด์เราชัดเจนมากยิ่งขึ้น มันทำให้แบรนด์เรามีตัวตนมากขึ้น หลังจากที่มีกระแสวอลเล่ย์บอลสิ่งที่เห้นได้ชัดเลยคือเกิด Brand Talk มากขึ้น จะนำพาไปสู่ Brand Love ด้วยเช่นกัน ก็มีทิศทางที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”
แคมเปญนี้เอสได้นำ 5 ตัวแทนนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ได้แก่ ปลื้มจิตร์ ถินขาว, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, อรอุมา สิทธิรักษ์, นุศรา ต้อมคํา และทัดดาว นึกแจ้ง เป็นตัวแทนทีนไอดอลกีฬา มาสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ พร้อมเสริมด้วยตัวแทนคนรุ่นใหม่ด้วย 3 พรีเซ็นเตอร์ ไวท์–ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม, เมฆ–จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์ และนนน–กรภัทร์เกิดพันธุ์
ในตอนนี้เอสได้เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ในแต่ละแคมเปญไป ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องใช้คนใดคนหนึ่งตลอดทั้งปี อย่างแคมเปญ “เอส เชียร์สุดซี้ด ต้อง SEAT ติดขอบ” ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ได้ใช้ตัวพ่ออย่างณเดชน์ คูกิมิยะ เพราะต้องการสร้างการรับรู้ในกลุ่มแมส แต่ก็ไม่ได้จำเป็นว่าณเดชน์จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ในทุกแคมเปญของเอส