ตลาดสมาร์ทโฟนยังคงมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้เห้นอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หวือหวาเหมือนช่วงหลายปีก่อนมากนัก ซึ่งทิศทางของแต่ละแบรนด์จะเริ่มเจาะเซ็กเมนต์มากขึ้น ส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องกล้องถ่ายรูป เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน
หัวเว่ยเองก็ลงมาเล่นในเซ็กเมนต์นี้เหมือนกัน จากที่เมื่อปีก่อนได้เริ่มรีโพสิชั่นตัวเองให้อยู่ในเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม หรือพรีเมี่ยมแมสด้วยการส่งสินค้าอย่าง P8 ออกมาในตลาด และเมื่อต้นปีก็เพิ่งส่งสินค้ารุ่น Mate 8 ทั้งนี้เพราะด้วยการแข่งขันในตลาดของสมาร์ทโฟนระดับกลางและล่างสูงมาก ทางฝั่งโอเปอเรเตอร์ก็ลงมาเล่นในตลาดนี้มากขึ้น
กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของหัวเว่ยมีหลักๆ อยู่ 3 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ วางจุดยืนใหม่ให้พรีเมี่ยม เพื่อปิดจุดอ่อนเรื่องแบรนด์จากประเทศจีน แต่เป็นการวางราคาที่อยู่ในช่วงที่ไม่มีผู้เล่นเยอะอย่างช่วง 16,000-20,000 บาท เพราะผู้เล่น 2 แบรนด์ใหญ่จะเป็นราคา 20,000 บาทขึ้นไปทั้งสิ้น
อย่างที่สองคือเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เป็นช่องทางของโอเปอเรเตอร์ กำลังอยู่ในช่วงการพูดคุยกันอยู่ อาจจะได้เห็นความคืบหน้าในช่วงไตรมาส 3
และกลยุทธ์สุดท้ายที่เรียกว่าสำคัญที่สุดก็คือการใช้ “แบรนด์ บิวท์ แบรนด์” นำแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมาผนึกกำลังอย่างสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด “หัวเว่ย P9” และ “หัวเว่ย P9 พลัส” ที่หัวเว่ยต้องการชูดจุดเด่นด้วยการเป็น “Smartphone Photography” จึงได้พัฒนากล้องร่วมกับ “ไลก้า” แบรนด์กล้องถ่ายรูประดับลักชัวรี่ เพื่อนำมาเสริมให้แบรนด์หัวเว่ยดูพรีเมี่ยมขึ้น และให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นมากกว่าความไฮเทค แต่มีเรื่องศิลปะเข้ามาผสม
ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ปัจจุบันความนิยมในการถ่ายภาพจากสมาร์ทโฟนมีเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่รักการถ่ายภาพ และแบรนด์กล้องถ่ายรูปก็ต้องเลือกไลก้าเท่านั้น ซึ่งเข้ามาช่วยเรื่องแบรนดิ้ง และเป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักเยอะด้วย เป็นการเสริมช่วยให้หัวเว่ยดูพรีเมี่ยมขึ้น”
ไลก้าเป็นพันธมิตรระยะยาวของหัวเว่ย เป็นไปได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ จะมีแบรนด์ของไลก้าเข้าไปร่วมด้วย ซึ่งเป็นการเดินหน้าใช้พันธมิตรเข้ามาช่วยสร้างแบรนด์ โดยที่สายแฟชั่นจะมีการเปิดตัวหัวเว่ย พี 9 กับนิตยสารลิปส์ต่อไปด้วย
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้หัวเว่ยตั้งเป้ายิดขายในระดับโกลบอลจำนวน 10 ล้านเครื่อง ภายใน 1 ปี ส่วนในประเทศไทยตั้งเป้าการเติบโต 50% ในปี 2558 หัวเว่ยมีส่วนแบ่งตลาด 2% ตั้งเป้าภายใน 3 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 15%