ภาพโดย : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ชื่อของ “เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง” เป็นที่รู้จักกึกก้องในวงการมวยอาชีพ เขาคว้าเข็มขัดแชมป์มาแล้วหลายรุ่นบนสังเวียนลุมพินี เมื่อชีวิตล่วงเลยมาถึงจุดแขวนนวม กีฬามวยยังคงนั่งอยู่ในใจนักชกระดับตำนานรายนี้ เพื่อไม่ให้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยสูญหายไปตามกาลเวลา ไอเดียในการปรับสังเวียนค่ายมวยสู่การออกกำลังกายจึงเกิดขึ้น
เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง หรือชื่อที่ใช้บนสังเวียนชีวิตจริงคือ เจริญ ชูมณี หรือ ครูเป็ด ได้พลิก ‘ค่ายมวย’ สู่การเปิด ‘ยิมมวย’ เพื่อการออกกำลังกายเป็นเจ้าแรกเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ในนาม “เจริญทอง มวยไทยยิม” จากผู้เรียนเริ่มต้นในคอร์สแรกเพียงแค่ 3 คน ชั่วโมงนี้สถานที่จึงแลดูเล็กและแน่นไปถนัดตา เพราะมีผู้สนใจมาเรียนมากถึง 40-45 คนต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 80% จากหลากหลายสาขาอาชีพทั้งพนักงานออฟฟิศและเหล่าดารานักแสดงที่หันมาออกกำลังกายสไตล์นี้กันมากขึ้น อาจกล่าวว่า เจริญทอง มวยไทยยิม เป็นศูนย์รวมของดารากับกีฬาต่อยมวยก็ว่าได้
ปัจจุบันยิมมวยสไตล์นี้ก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้น ทว่าความโดดเด่นที่ทำให้ผู้คนสนใจสมัครเป็นลูกศิษย์ของครูเป็ด คือ คุณภาพของครูผู้สอน ที่ล้วนคัดสรรมาจากนักมวยมืออาชีพที่ผ่านเวทีการชกระดับแชมป์มาแล้วทั้งนั้น ซึ่งแตกต่างจากเทรนเนอร์ที่สอนในฟิตเนสทั่วไปทำให้การเรียนมวยที่เจริญทอง มวยไทยยิม มีประสิทธิภาพ ผู้เรียนสามารถออกหมัดได้อย่างตรงเป้า การเตะที่ได้น้ำหนักอย่างเต็มที่ สามารถยกเข่าแทงได้ตรงจุด ซึ่งเป็นไปตามหลักการสอนมวยที่ถูกต้องในระดับสากล
สำหรับอัตราค่าเรียนอยู่ที่ 5,000 บาทต่อคอร์ส เรียนได้ 15 ครั้ง ครั้งละ 2 ชั่วโมง ผู้เรียนสะดวกจะมาเรียนวัน-เวลาใดก็ได้ ที่นี่เน้นความยืดหยุ่นเรื่องเวลา เพราะเข้าใจหัวอกคนทำงานเป็นอย่างดี หากวันไหนเรียนเกินไป 2 ชั่วโมง ทางยิมก็ไม่บันทึกเวลาเรียนเพิ่ม และที่สำคัญไม่กำหนดอายุวันหมดสมาชิก จนกว่าผู้เรียนจะมาเรียนครบทั้ง 15 ครั้ง จึงจะถือว่าจบคอร์ส อดีตนักมวยที่ผันตัวเองมาเป็นผู้บริหารยิมมวยยังใจกว้าง แม้กระทั่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถผ่อนจ่ายค่าเรียนได้ด้วย
“ผมรู้สึกดีใจมากที่วันนี้สามารถยกระดับกีฬามวยไทยที่หลายคนมองไม่เห็นคุณค่าให้กลับมาผงาดและได้รับความนิยมอีกครั้ง สำหรับแนวคิดในการเปิดสอนมวยไทยนั้น เพียงต้องการให้คนไทยหันมาออกกำลังกายด้วยการต่อยมวยมากขึ้น เพราะมองว่ามวยไทยเป็นศิลปะของไทย อยากให้คนไทยรู้จักวิชามวย ในขณะที่ชาวต่างชาตินั้นเป็นกลุ่มเป้าหมายรอง นอกจากนี้ กีฬามวยยังช่วยให้ร่างกายทุกส่วนได้ออกกำลังกาย ทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย และสามารถใช้เป็นเครื่องป้องกันตัวในยามที่ภัยมาถึงตัว” ครูเป็ดเล่าด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจในอาชีพ
ทั้งนี้ เจริญทอง มวยไทยยิม ยังคงรักษากลิ่นอายและเอกลักษณ์ในการเรียนต่อยมวยขนานแท้ ให้กับผู้ที่ต้องการจะมาเรียกเหงื่อจากการต่อยมวย สัมผัสบรรยากาศความเป็นค่ายซ้อมมวย ที่ได้รับปรับปรุงให้เหมาะสม จนเกิดความฮึกเหิมในใจและอยากที่จะลงนวมออกกำลังกายบ้าง ยิมมวยแห่งนี้คือคำตอบ และจุดขายนี้เองที่ทำให้เจริญทอง มวยไทยยิม เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้าง
เสน่ห์อีกอย่างของยิมมวยแห่งนี้ คือ ความเป็นกันเองของนักมวยรุ่นเก๋าที่ชนะใจผู้มาเรียน โดยเฉพาะกลุ่มดารานักแสดงที่มักจะขอถ่ายรูปเซลฟี่กับครูเป็ด เพื่อนำไปโพสต์และแชร์ต่อในโซเชียลมีเดีย ทั้งช่องทาง Facebook และ Instagram ถือเป็นผลพลอยได้และเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ฐานลูกค้าของเจริญทอง มวยไทยยิม ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยที่ครูเป็ดมิได้วางแผนการตลาดใดๆ แต่ด้วยแนวคิดขอทำสิ่งที่ตนเองรักให้ดีที่สุดเท่านั้น จึงทำให้ถูกบอกปากต่อปาก และแชร์ต่อเนื่อง จนต้องมีการขยายสาขาเพื่อรองรับกับผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และความสะดวกในการเดินทาง
ปัจจุบัน เจริญทอง มวยไทยยิม มีทั้งหมด 8 สาขา ได้แก่ 1.สาขาเหม่งจ๋าย 2.สาขารัชดา 3.สาขาข้าวสาร 4.สาขาสนามบินน้ำ 5.สาขาสมุย 6.สาขาเขาหลัก พังงา 7.สาขาหาดใหญ่ 8.สาขาภูเก็ต และยังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจ เพราะเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกาย อีกทั้งกระแสความนิยมชมชอบในกีฬามวยไทยเพิ่มมากขึ้น
ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการเปิดยิมมวยที่จังหวัดขอนแก่น โดยครูเป็ดร่วมหุ้นกับ “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” นักร้องนักแสดงที่คลั่งไคล้การต่อยมวย จนอยากสร้างยิมมวยบนพื้นที่ครึ่งไร่เป็นของตัวเอง โดยใช้ไลเซนส์ของครูมวยคนดัง โดยคาดว่าจะลงทุนด้วยตัวเลข 7 หลักปลายๆ
“หลายคนอาจจะมองว่าค่ายมวยของผมมีลูกศิษย์เยอะ เพราะมาจากกระแสการออกกำลังกาย แต่ความจริงทุกคนใส่ใจออกกำลังกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลูกศิษย์ของผมบางคนเรียนไม่ต่ำกว่า 3 ปี มาเรียนก่อนที่จะเกิดกระแสออกกำลังกายสไตล์นี้เสียอีก”
**เปิดขายแฟรนไชส์–แตกไลน์ผลิตอุปกรณ์ยิมมวย**
ก้าวต่อไปของเจริญทอง มวยไทยยิม ครูเป็ดได้เตรียมขยายสาขาในรูปแบบ ”แฟรนไชส์” ไปทั่วประเทศ เพราะต้องการให้ทุกคนมาออกกำลังกายด้วยการต่อยมวยภายใน “ยิมมวย” ที่ได้มาตรฐาน และรองรับกับความต้องการออกกำลังกายในรูปแบบของยิมมวยที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้มีผู้ที่สนใจลงทุนมาติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก
รูปแบบการขายแฟรนไชส์ จะเป็นลักษณะของ “ยิมมวยสำเร็จรูป” เพื่อต้องการรักษามาตรฐานตามที่วางไว้ โดยครูเป็ดจะจัดหาตั้งแต่ “ครูมวย” ที่ผ่านการอบรมและฝึกฝนมาอย่างดี ซึ่งครูเป็ดบอกสำคัญมาก เพราะนอกจากครูมวยจะมุ่งสอนการใช้หมัดมวยเพื่อออกกำลังกายอย่างถูกวิธีแล้ว แนวการสอนที่ต้องเน้นสนุก ไม่เครียด เพื่อกระตุ้นให้ผู้มาเรียนมาฝึกต่อเนื่อง รวมถึงการออกแบบตกแต่งสถานที่ และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เวทีผ้าใบ กระสอบ เสื้อ กางเกง นวม ผ้าพันมือ ครบทุกอย่างตามมาตรฐานของยิมมวยไทย
โดยผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์สามารถลงทุนได้ทั้งขนาดทั้งเล็ก กลาง และใหญ่ ขึ้นอยู่กับขนาดของสถานที่
สำหรับอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในยิมมวย จะผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ “เจริญทอง มวยไทยยิม” ที่ได้รับการออกแบบและผลิตระดับคุณภาพที่ได้มาตรฐาน และรองรับความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น การผลิตนวมสำหรับกลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยเน้นทั้งฟังก์ชันการใช้งานที่ต้องได้มาตรฐาน และเพิ่มการออกแบบเน้นความสวยงาม ฉีกรูปแบบนวมสีล้วนแบบเดิมๆ สู่การวาดลวดลาย ใส่คาแร็กเตอร์การ์ตูนยอดฮิตขวัญใจสาวๆ เช่น เจเดอะแร็บบิท อันโด่งดังในโลกโซเชียลมีเดีย มาเพิ่มสีสันและเติมความอ่อนหวานเข้าไป เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่นับวันยิ่งมีจำนวนมากขึ้นๆ ซึ่งล้วนอยากมีนวมส่วนตัวในสไตล์ผู้หญิงมากกว่าสวมนวมในแบบชาย
โดย “ครูเป็ด” และทีมงานจะแวะเวียนไปคอยให้คำปรึกษาและข้อแนะนำแก่ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งเวลานี้มีผู้สนใจติดต่อมาแล้วหลายรายทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งทำเลที่ตั้งของแฟรนไชส์แต่ละแห่งจะต้องอยู่ห่างกันพอสมควร
12 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เจริญทอง มวยไทยยิม เป็นธุรกิจเอสเอ็มอีสายเลือดไทยที่จับเอากีฬามวยไทยมาปรับเป็นธุรกิจออกกำลังกายจนประสบความสำเร็จ และต่อยอดธุรกิจได้ไม่รู้จบ อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายมวยหลายแห่งที่เริ่มปรับตัวมาเป็นยิมมวย หรือสถานที่ออกกำลังกายที่เริ่มนำหลักสูตรต่อยมวยเข้าไปเสริมในโปรแกรม ครูเป็ดให้ความเห็นเกี่ยวกับสภาพการแข่งขันในตลาดปัจจุบันว่า…
“แม้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพจะมีการแข่งขันสูง แต่ผมก็รู้สึกยินดีที่จะมียิมมวยเปิดเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการช่วยกันส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยมวยไทย ทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่มวยไทยซึ่งเป็นกีฬาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผมอยากให้ภาครัฐช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาชนิดนี้ด้วย โดยบรรจุมวยไทยอยู่ในหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้ลูกหลานไทยได้รู้จักศิลปะการต่อสู้ของไทยมากขึ้น และเป็นขวัญกำลังใจให้วงการนี้อยู่ได้ต่อไป”