แม้ว่ายูทูป (YouTube) จะเป็นผู้บุกเบิกในตลาดวิดีโอออนไลน์ แต่เจ้าพ่อวิดีโอออนไลน์กลับตกรถไฟขบวนฮิตอย่าง live video ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปถ่ายทอดสดวิดีโอได้สะดวก
กระทั่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหาร YouTube ขึ้นเวทีงานประชุม VidCon ซึ่งเป็นงานประจำปีของผู้สร้างวิดีโอออนไลน์ งานนี้ เคิร์ต วิลม์ส (Kurt Wilms) ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กลับเอ่ยเตือนผู้ร่วมงานว่า YouTube ไม่ได้ไล่ตามเฟซบุ๊ก (Facebook) และบริการของทวิตเตอร์ (Twitter) อย่างแปริสโคป (Periscope) แต่แท้จริงแล้ว YouTube เข้ามาเล่นในสมรภูมิ livestreaming ก่อนคู่แข่งรายใดในโลก เพราะ YouTube เคยเป็นเจ้าภาพถ่ายทอดงานอภิเษกสมรสของ เจ้าชายวิลเลียม กับเคต มิดเดิลตัน หรือ Royal Wedding ในปี 2011 และภารกิจของฟิลิกซ์ บวมการ์ตเนอร์ (Felix Baumgartner) ที่กระโดดจากอวกาศลงสู่พื้นโลกเมื่อปี 2012
แม้จะพูดถึงผลงานเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ความเป็นจริงก็คือ YouTube เป็นฝ่ายไล่ตามคู่แข่งในสมรภูมิวิดีโอถ่ายทอดสด การไล่ตามนี้มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อสถานีเคเบิลยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ อย่าง C-SPAN ยังหันมาใช้บริการ Facebook Live ในงานถ่ายทอดสดของสถานี ยังมีบริการอย่าง Periscope ที่กำลังทวีความนิยมอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม ในงานนี้ผู้บริหาร ระบุว่า YouTube กำลังอยู่ระหว่างการเพิ่มความสามารถในการถ่ายทอดสด หรือ livestream บนโมบายแอปพลิเคชันของตัวเอง โดย YouTube ได้ออกแบบให้ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถถ่ายสดวิดีโอได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าผลที่ออกมาจะไม่ต่างจากงานถ่ายทอดสดโดย Periscope และ Facebook Live
“เราได้สร้างปุ่มบันทึกภาพที่ทำให้การถ่ายวิดีโอขณะเดินทางเป็นไปได้ง่ายขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และเร็วๆ นี้ ปุ่มนี้จะมีทางเลือกใหม่ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดสดได้ด้วย” วิลม์ส ระบุบนเวที
วิลม์ส เชื่อว่า จุดเด่นเหนือกว่า Facebook Live คือ ปริมาณผู้ชมที่จะอยู่ในระดับมหาศาล เนื่องจากการถ่ายทอดสดบน YouTube ซึ่งมีการเตรียมการในงานมหกรรมยิ่งใหญ่นั้นมีจำนวนหลายล้านคน ตัวอย่างเช่น การถ่ายสด livestreams งานเทศกาลดนตรีและศิลปะ Coachella ซึ่งมีผู้สนใจคลิกชมวิดีโอถ่ายทอดสด 360 องศามากกว่า 21 ล้านคน
ฐานผู้ชมมหาศาลที่ YouTube มีจะถูกนำมาใช้ประโยชน์ในบริการวิดีโอสดของ YouTube แน่นอน เช่น YouTube อาจส่งข้อความแจ้งเตือนเหล่าแฟนเมื่อผู้สร้างวิดีโอที่ชื่นชอบเริ่มถ่ายทอดสดแล้ว เป็นต้น
ไม่ว่าอย่างไร ขณะนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า คำประกาศของ YouTube นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากสำนักข่าว The Wall Street Journal รายงานว่า Facebook ได้เซ็นสัญญากับนักกีฬา ผู้มีชื่อเสียง และบริษัทสื่อมากกว่า 140 ราย ในการสร้างวิดีโอให้กับบริการ Facebook Live ทั้งหมดนี้ทำให้ YouTube ต้องเร่งเครื่องตามให้ทันก่อนจะสายไป
ที่มา: http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000063592
