สมาร์ทโฟนถูกที่สุดในโลก “Freedom 251” ของบริษัท Ringing Bells ที่เคยเปิดตัวเรียกเสียงฮือฮาไปเมื่อต้นปีในราคาเพียง 251 รูปี หรือราว ๆ 3.67 เหรียญสหรัฐ มาในวันนี้อาจกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เข้าข่ายเป็นการฉ้อฉลระดับโลกที่หลายคนคาดไม่ถึงไปแล้ว
โดยเหตุที่กล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะในการแถลงข่าวเปิดตัวที่ระบุว่า จะขาย Freedom 251 ในราคา 251 รูปีนั้น มีเงื่อนไขว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิมีเพียงจำนวนจำกัด โดยต้องลงทะเบียนสั่งจองผ่านระบบออนไลน์ภายในวันที่ 18 – 21 กุมภาพันธ์ 2016 ซึ่งเว็บไซต์ก็ล่มไปตั้งแต่วันแรกของการสั่งจอง และทางบริษัทได้ออกมาสรุปยอดว่ามีผู้จองได้ในราคา 251 รูปีประมาณ 30,000 รายเท่านั้น ส่วนรายอื่น ๆ จะต้องจ่ายที่ราคาเต็มซึ่งอยู่ที่ประมาณ 500 รูปี หรือราว ๆ 7.27 เหรียญสหรัฐ โดยบริษัทได้ทำการสรุปยอดการสั่งจองครั้งนั้นว่า มีมูลค่าประมาณ 17.5 ล้านรูปีเลยทีเดียว
แต่ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2016 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของอินเดียได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบบริษัท Ringing Bells ด้วยว่า เพราะเหตุใด สมาร์ทโฟนที่ผลิตขึ้นจึงไม่มีใบรับรองมาตรฐานจาก Bureau of Indian Standards
โดยในการเปิดตัว ค่าย Ringing Bells ได้อ้างว่า Freedom 251 เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 4 นิ้ว กล้องหน้า-หลังพร้อมแฟลช แรม 1 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 8GB และสามารถขยายได้ถึง 32 GB แถมด้วยโปรเซสเซอร์ควอดคอร์
ส่วนตัวเครื่องที่ส่งให้ผู้สื่อข่าวทำการรีวิวนั้นก็ยังเป็นเครื่องจากจีน แบรนด์ Adcom และเอาโลโก้ของ Ringing Bells มาปิดทับ แถมยังมีรูปลักษณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเครื่องที่โชว์ในวันแถลงข่าวมีหน้าตาคล้ายไอโฟนมาก ส่วนเครื่องที่ส่งให้สำนักข่าวกลับมีปุ่มด้านล่างถึง 3 ปุ่มเหมือนโทรศัพท์แอนดรอยด์ทั่วไป
ความผิดปกติเหล่านี้ ทำให้ Freedom 251 ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการฉ้อโกง โดยรัฐมนตรีกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดียได้ตั้งทีมงานเพื่อประเมินราคาของโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวแล้วพบว่า ไม่สามารถขายได้ต่ำกว่า 2300 – 2400 รูปีได้เลย จึงทำให้บริษัท PayUBiz ผู้ให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินตัดสินใจระงับการโอนเงินให้กับ Ringing Bells จนกว่าจะมีการจัดส่งสินค้า
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความโกรธแค้นของชาวอินเดีย ล่าสุดทางบริษัทได้ออกมาประกาศแล้วว่า บริษัทพร้อมจะจัดส่งสินค้าแก่ผู้บริโภคแล้วประมาณ 200,000 ชิ้น โดยคาดว่าจะประกาศได้อย่างเป็นทางการหลังวันที่ 30 มิถุนายนนี้ (อ้างอิงจาก IndianExpress) ซึ่งการขายในราคาดังกล่าว ทำให้บริษัทขาดทุนราว 150 รูปีต่อเครื่องด้วย และมีการร้องขอให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือแล้ว
ส่วนจะได้จัดส่งให้ลูกค้าจริงหรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000064716