Influencer Marketing ยังคงเป็นอาวุธลับชิ้นสำคัญทางการตลาดสำหรับแบรนด์ใหญ่ ที่ส่วนใหญ่เป็นคอนซูมเมอร์แบรนด์ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม แต่ในช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นทิศทางการเติบโตของกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือธุรกิจขนาดเล็กที่หันมาใช้ Influencer Marketing มากขึ้นเช่นกัน
ยิ่งในปีนี้เป็นอีกปีที่องค์กรต่างๆ มีการวางแผนการตลาดรัดกุมมากขึ้น รวมไปถึงเรื่องงบประมาณการใช้จ่ายด้วย ทำให้ Influencer Marketing มีอิทธิพลไม่น้อยในการที่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ
มี 5 วิธีเกี่ยวกับการทำ Influencer Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
1. ไม่ต้องสนใจตัวเลขผู้ติดตามแต่ให้ดูการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
การที่อินฟลูเอ็นเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลต่างๆ มีเอ็นเกจกับกลุ่มผู้ติดตามซึ่งถือว่าเป็นคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ของเขาเลยทีเดียว แน่นอนว่าการเอ็นเกจแบบนี้ย่อมเป็นที่น่าพอใจสำหรับแบรนด์ที่ต้องการใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ในการทำการตลาด แต่ในความเป็นจริงกลุ่มคนผู้ติดตามเหล่านั้นมีสักกี่คนที่ชื่นชอบแบรนด์เราจริงๆ มีอินฟลูเอ็นเซอร์หลายคนที่โฟกัสแค่แบรนด์หรือสินค้าที่ตนถนัดอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง และผู้ติดตาม
สิ่งที่ควรทำก็คือไม่ต้องไปกังวลในเรื่องจะตองเลือกอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนเยอะๆ แต่ให้ดูกลุ่มคนที่สนใจในสินค้า และแบรนด์จริงๆ ถึงแม้จะมีผู้ติดตามน้อย แต่มีการเข้าถึงได้เยอะกว่า และได้ประสิทธิภาพมากกว่า
2. ต้องสร้างแบรนด์คู่ไปด้วย
บ่อยครั้งที่แบรนด์มักให้อินฟลูเอ็นเซอร์แชร์โพสต์ต่างๆ จากแอคเคาท์ของแบรนด์ ซึ่งอาจจะได้ยอดการเข้าถึง หรือยอดไลค์มากมายที่เป็นตัวเลขน่าพอใจ แต่ตัวเลขเหล่านั้นก็ไม่ใช่ความสำเร็จเสมอไป อินฟลูเอ็นเซอร์มาร์เก็ตติ้งเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ และวัดผลได้ง่าย แต่กลยุทธ์ที่สำคัญคือแบรนด์จะต้องทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจด้วย เพื่อสร้างการเติบโตของแบรนด์ตนเอง
3. เป็นการใช้จ่ายในระยะสั้น
การลงทุนในการทำอินฟลูเอ็นเซอร์มาร์เก็ตติ้ง ในการใช้จ่ายให้กับเซเลบริตี้คนดังต่างๆ เหมือนเป็นการรับรองชื่อเสียงที่จะกลับมาสู่แบรนด์ แต่เราไม่รุ้เลยว่าอีก 30, 60 หรือ 90 วันต่อมาจะเกิดอะไรขึ้น ยังมีคนสนใจในสินค้าหรือแบรนด์อยู่หรือไม่ คู่แข่งจะเป็นอย่างไร และกลุ่มผู้ติดตามจะทำอย่างไร
การลงทุนในอินฟลูเอ็นเซอร์อาจจะสร้างกระแสได้ในระยะสั้น แต่ตัวแบรนด์เองก็ต้องแก้ปัญหาในส่วนของแบรนด์ เพื่อการทำตลาดในระยะยาว ต้องทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ตัวแบรนด์เอง
4. สร้างจำนวนให้อิมแพ็ค
เพื่อที่จะให้ประสบความสำเร็จในการเอ็นเกจกับอินฟลูเอ็นเซอร์ 20 คน จาก 300 คนในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ จริงๆ ต้องให้ความสำคัญกับคนทั้งหมด 300 คน ขึ้นอยู่กับการจัดการให้คุ้มค่าด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถให้ทุกคนมีเอ็นเกจกับแบรนด์ได้หมด สิ่งที่ต้องทำก็คือสร้างจำนวนอินฟลูเอ็นเซอร์ให้อิมแพ็คมากที่สุด ถือว่าได้ผู้สนับสนุนคอนเทนต์ของแบรนด์แล้ว
5. เพิ่มมูลค่าให้กับแคมเปญที่มีอยู่
ถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จจากที่ที่อินฟลูเอ็นเซอร์แชร์ข้อมูลของแบรนด์ แต่สิ่งที่จะเกิดตามมาแบรนด์จะได้อะไรบ้าง ฟีดแบ็กที่ได้จากแคมเปญคืออะไร ซึ่งการทำอินฟลูเอ็นเซอร์มาร์เก็ตติ้งไม่ใช่ทำเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของการมีส่วนร่วม และการแสดงความคิดเห็น แบรนด์ต้องเพิ่มมูลค่าให้กับแคมเปญที่ทำอยู่เพื่อสร้างความน่าสนใจจากกลุ่มผู้ติดตามจริงๆ ทำให้ต่อยอดไปยังอนาคตได้
ที่มา : http://www.thedrum.com/