สหรัฐอเมริกาอาจขอข้อมูลแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียเพิ่มสำหรับผู้ขอวีซ่า

ภาพจากรอยเตอร์

หลายคนที่เคยไปสหรัฐอเมริกาคงแอบเบื่อหน่ายอยู่บ้างกับระบบตรวจคนเข้าเมืองที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น และกินเวลานานกว่าการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศอื่นๆ อย่างลิบลับ แต่ในอนาคตอันใกล้อาจเป็นไปได้ว่า ผู้ที่จะขอวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาจะต้องถูกตรวจสอบแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ก (Facebook) ทวิตเตอร์ (Twitter) และอื่นๆ ตามแต่จะต้องการ หลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มองว่า แอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียเหล่านี้จำเป็นต่อการตรวจสอบก่อนเข้าประเทศ

โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ US Customs and Border Protection ในครั้งนี้ได้เพิ่มบรรทัดในแบบฟอร์มขอวีซ่า โดยให้กรอกข้อมูลเกี่ยวกับแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียทั้งบนระบบออนไลน์ (the Electronic System for Travel Authorization หรือ Esta) และการกรอกข้อมูลขอวีซ่าแบบกระดาษ (I-94W) สำหรับผู้ที่มีแผนจะอยู่ในสหรัฐอเมริกาไม่เกิน 90 วัน ตามใจความต่อไปนี้

“Please enter information associated with your online presence—Provider/Platform—Social media identifier.”

การเปลี่ยนแบบฟอร์มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ขอวีซ่าบนโซเชียลมีเดีย ส่วนหนึ่งอาจเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุกราดยิง เช่น ในซานเบอร์นาดิโน แคลิฟอร์เนีย ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปถึงแรงจูงใจของผู้ก่อการได้จากแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดีย และไอโฟน 5C ส่วนการจะเข้าไปสแกนโพสต์ต่างๆ ของผู้ขอวีซ่า หรือไม่นั้น ทาง DHS (Department of Homeland Security) เผยว่า อาจจะเข้าไปดู แต่คงดูเพียงระดับหนึ่ง ไม่ได้สแกนทุกโพสต์แต่อย่างใด

ทั้งนี้ จากข้อมูลของเดอะการ์เดียน ระบุว่า ในปี 2015 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติวีซ่าประมาณ 10 ล้านฉบับ และมีนักเดินทางเข้าสู่สหรัฐอเมริกากว่า 77.5 ล้านคน เลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นฐานข้อมูลขนาดมหึมา การเพิ่มข้อมูลของแอ็กเคานต์โซเชียลมีเดียของผู้ขอวีซ่าลงไปย่อมหมายถึงการเพิ่มงานให้หน่วยงานที่รับผิดชอบอีกไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนว่า DHA จะตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่เขียนบนแบบฟอร์มนั้นตอนไหน ก่อนออกวีซ่า หรือตอนที่อยู่หน้าแผนกตรวจคนเข้าเมืองแล้ว แต่การเจตนาใส่ข้อมูลลงมามั่วๆ ก็อาจถูกปฏิเสธคำขอเข้าประเทศได้เช่นกัน

ที่มา: http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000065193