รอยเตอร์ – เฮอร์ชี โค ผู้ผลิตช็อกโกแลตยอดนิยมยี่ห้อ “เฮอร์ชีส์” (Hershey’s) ออกมาปฏิเสธข้อเสนอควบกิจการมูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัท มอนเดลีซ อินเทอร์เนชันแนล ซึ่งหวังที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ และหลอมรวม 2 บริษัทให้กลายเป็นผู้ผลิตขนมหวานรายใหญ่ที่สุดของโลก
เดอะ เฮอร์ชี ทรัสต์ (The Hershey Trust) ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในบริษัทผู้ผลิตช็อกโกแลต เฮอร์ชีส์ คิสเซส และ รีสส์ พีนัทบัตเตอร์ คัพส์ พบว่า ราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทยังสูงกว่าข้อเสนอ 107 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นที่ทาง มอนเดลีซ เสนอมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนคาดหวังมูลค่าการเทคโอเวอร์ที่สูงกว่านี้
การควบกิจการระหว่าง 2 ใน 5 ผู้ผลิตขนมหวานรายใหญ่ของโลกจะช่วยให้กิจการของ เฮอร์ชีส์ ในสหรัฐฯ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ มอนเดลีซ เองก็จะได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวระบุว่า มอนเดลีซได้ยืนยันกับผู้บริหารของเฮอร์ชีส์ ว่าจะคงแบรนด์ช็อกโกแลตชื่อดังไว้ตามเดิมโดยไม่มีการปรับลดพนักงาน และเชื่อว่ามีความเสี่ยงน้อยที่จะถูกฟ้องฐานผูกขาด (antitrust) เนื่องจากธุรกิจของทั้งสองแบรนด์ไม่ได้ทับซ้อนกันเสียทีเดียว
“คณะผู้อำนวยการบริษัทมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับข้อเสนอควบกิจการ และเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่จะหารือกับทางมอนเดลีซต่อไป” คำแถลงจากเฮอร์ชีส์ระบุ
มอนเดลีซ เป็นผู้ผลิตขนม ลูกอม หมากฝรั่ง ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยมีหลายแบรนด์ในเครือ เช่น โอรีโอ แคดบิวรี ไทรเดนท์ และเดนทีน เป็นต้น ส่วน เฮอร์ชีส์ เป็นผู้ผลิตอันดับที่ 5
สถาบันวิจัยตลาด ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล ระบุว่า การควบรวมกิจการจะทำให้ มอนเดลีซ และ เฮอร์ชีส์ ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 18% ของโลก แซงหน้าบริษัท มาร์ส อิงก์ ซึ่งครอบครองอยู่ 13.3%
การเทกโอเวอร์จะเปิดโอกาสให้ มอนเดลีซ ได้ควบคุมการผลิตและจัดหน่ายช็อกโกแลตแคดบิวรีในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเฮอร์ชีส์เป็นผู้ถือสิทธิ โดยจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่มอนเดลีซ
นอกจากนี้ มอนเดลีซยังจะได้สิทธิผลิตและจัดจำหน่ายช็อกโกแลตแท่ง “คิตแคท” ซึ่งปัจจุบันทางเฮอร์ชีส์ ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แก่บริษัท เนสท์เล่ เอส.อาร์. เพื่อเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายในอเมริกา
ที่มา: http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000065549
